แผนที่ความสุขของ 'น็อตโตะ'

อดีตสาวคิกขุ นามว่า น็อตโตะ หรือ วรางคณิภา พวงธนะสาร ศิลปินเดี่ยว แห่งค่าย อาร์เอส ที่แจ้งเกิดในอัลบั้มแรก NOTTO ไปเมื่อ 7 ปีที่ผ่านมา
(ปี พ.ศ.2549) ปัจจุบันนี้เธอมีผลงานมามาแล้ว 3 อัลบั้ม ไม่นับอัลบั้มพิเศษ และในวันนี้เธอมาแจ้งว่าได้สลัดภาพหญิงสาววัยใส สไตล์ญี่ปุ่น กลายเป็นหญิงลุยนักเดินทาง เพราะนอกจากเธอจะรักและหลงใหลในเสียงดนตรีและเสียงเพลงแล้ว เธอว่าสายลมและท้องทะเลบนเส้นทางของนักเดินทางนั้นช่างมีเสน่ห์น่าค้นหาเสียจริงๆ
ห่างหายจากงานเพลงไปพอสมควรช่วงนี้ทำอะไรอยู่คะ
ตอนนี้มาทำรายการทีวี เปิดเป็นบริษัทของตัวเองเลย ชื่อ AWAKE PRODUCTION ผลิตรายการทีวี ดูแลทุกอย่างให้กับทาง ททบ. 5 ตอนนี้มี 2 รายการเป็นรายการท่องเที่ยวชื่อ Happy Map ท่องเที่ยวในประเทศไทย เป้าหมายเป็นกลุ่มแม่บ้าน มีเล่นคำใบ้ แจกแพคเกจหรูรีสอร์ททุกเดือน แจกตั๋วเครื่องบินไปกลับ ฯลฯ และก็มีอีกรายการชื่อ Friend Trip กลุ่มเป้าหมายก็จะเป็นวัยรุ่น ทำมา 3 ปีแล้ว ปีแรกจะเห็นน็อตโตะ กับ แทค-ภรัณยู โรจนวุฒิธรรม ปีที่สองจะเห็นน็อตโตะ กับ เต๋อ-ฉันทวิทย์ ธนะเสวี และซีซั่นที่สามจะเห็นน็อตโตะ กับ โน้ต-ธวัช ทัศนาพลพินิจ เป็นท่องเที่ยวแบบมันๆ วัยรุ่น หน่อย เหมือนกับว่าไปเที่ยวที่เดียวกันแต่ว่ามีมุมมองที่ต่างกัน ใครจะเจ๋งกว่ากัน
ล่าสุดน็อตกลายเป็นครูน็อตโตะไปแล้วใช่ไหม
ใช่คะ ไปเป็นคุณครู อยู่ในบ้าน AF 9 ( True Academy Fantasia ) ช่วงนั้นก็จะยุ่งๆ ต้องทุ่มเทให้กับบ้านแมคโนเลียอย่างเต็มที่เลย ตอนนี้เราอายุมากขึ้นไม่ใช่เด็กอายุ 18-19 อีกต่อไปแล้ว ก็ต้องหาอาชีพที่มั่นคงให้กับตัวเอง เพราะว่าอาชีพศิลปินน็อตว่าก็มีการผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันไปตามเจนเนอเรชั่นต่างๆ อย่างที่เราทราบกัน ครั้งหนึ่งเราอยากมีประสบการณ์ด้านการร้องเพลง ก็ได้ไปสัมผัสอยู่ 3-4 ปีก็น่าจะโอเคแล้วล่ะ ตอนหลังก็เลยมาก่อตั้งบริษัทขึ้นมา หลายคนก็ยังถามถึงเรื่องเพลง จริงๆ แล้วเราก็ยังอยากทำอยู่ แต่อยากเปลี่ยนภาพตัวเอง ไม่อยากเป็นสาวญี่ปุ่นคิกขุอีกต่อไปแล้ว ถ้าทำอัลบั้มก็อยากจะขายที่ตัวเพลงและคุณภาพของเพลงมากกว่า ไม่อยากให้ติดภาพลักษณ์อะไรแล้ว และตอนนี้ก็ทำเพลงอยู่ เพียงแต่รอจังหวะดีๆ น่าจะปล่อยออกมาให้ได้ฟังกันค่ะ
การเป็นผู้บริหารดูแลบริษัทของตัวเองทำให้เครียดขึ้นไหม
ค่ะ ความจริงเป็นคนที่เครียดแบบไม่รู้ตัวมาก่อนหน้านี้แล้ว มารู้ก็ตอนที่ปวดท้ายทอยมากๆ จนน้องเลขาที่ออฟฟิสถามว่าเครียดหรือเปล่า ไปนวดไหม ความจริงเริ่มเป็นตั้งแต่อัลบั้ม Single notto ซึ่งตอนนั้นเราเริ่มทำอะไรหลายๆ อย่าง นึกว่าก็สบายๆ แก้ปัญหาทีละอย่างแบบยิ้มๆ ลั้ลลาไป แต่สภาวะการคิดหลายๆ อย่าง ส่งผลกับร่างกายโดยเราไม่รู้ตัว เราต้องคิดเยอะ ไหนจะเรตติ้งรายการ การโฆษณาประชาสัมพันธ์ ฯลฯ ติดว่าสภาพจิตเราก็ยังโอเค แต่ร่างกายรับไม่ไหวก็เลยมีอาการออกมา
พูดถึงรายการท่องเที่ยว ทำมา 3 ปีแล้ว ล่าสุดก็เพิ่งไปถ่ายรายการท่องเที่ยวที่ไต้หวันมา?
ใช่คะ ไปถ่ายรายการ Happy Map นี่แหละ การท่องเที่ยวไต้หวันเขาเชิญมา ซึ่งเป็นประเทศที่อยู่ไม่ไกลจากบ้านเรา บินประมาณ 3 ชั่วโมงก็ถึงแล้ว ไปอยู่ที่นั่นเป็นอาทิตย์เลย ดูแล้วอะไรก็คล้ายๆ กับบ้านเราแต่ว่าประเทศเขาเจริญมาก ได้ไปแถวๆ อุทยานแห่งชาติริมทะเล ไปดูหินโดนน้ำทะเลกัดเซาะจนกลายเป็นรูปลักษณ์ต่างๆ แถวนั้นเป็นอุทยานแห่งชาติ มีหมู่บ้านชาวประมง มีปลาหมึกขายเหมือนบ้านเรา ซื้อปลาหมึกมากินกันในรถ สนุกมาก ได้ชิมเต้าหู้เหม็น ไปตลาดชิมอาหารแปลกๆ ขอบอกว่ากุนเชียงเขาอร่อยมากๆ ลักษณะมันเหมือนไส้กรอกแต่เป็นกุนเชียง แถมในเซเว่นบ้านเขายังมีหม้อตุ๋นเหมือนหม้อตุ๋นข้าวตั้งอยู่ที่เคาท์เตอร์ ข้างในมีไข่ต้มใบชาขายด้วย ซึ่งแปลกดี ตอนแรกไม่กล้าชิม ตอนหลังการท่องเที่ยวเขาพาไปที่ร้านต้นตำรับพอได้ชิมแล้วก็โอเคเลยนะอร่อยดี
นอกจากอาหารแล้วยังประทับใจอะไรอีกบ้าง
บ้านเมืองเขาเจริญมาก ชอบตรงที่เขาแยกโซนของเกษตรกรรมกับโซนของอุตสาหกรรม แยกได้อย่างชัดเจน โซนเกษตรกรรมก็จะมีอากาศที่สะอาดบริสุทธิ์ เงียบสงบ ชอบ คนในประเทศเขาไม่โหวกเหวกโวยวาย ดูเป็นระเบียบเรียบร้อยมาก เราสามารถนั่งรถไฟออกนอกเมืองไปไกลๆ ได้สบายเลย ประทับใจอากาศ ซึ่งอากาศดีมากๆ เป็นประเทศหนึ่งในเอเชียที่อากาศดีติดอันดับ แม้แต่ในเมืองก็ยังไม่ค่อยมีควันพิษจากรถบนท้องถนน มอเตอร์ไซค์ไม่มีควันขาวๆ ที่ว่าชอบไต้หวันไม่ได้หมายความว่าอยากจะไปอยู่นะ แต่อยากให้บ้านเราเป็นแบบนั้นมากกว่า ได้ไปเห็นต้นสนยักษ์ ซึ่งต้นใหญ่มากๆ ตอนแรกที่ว่าใหญ่เราก็จะคิดไว้ประมาณหนึ่งว่ามันต้องใหญ่เท่านี้ แต่พอไปเห็นจริงๆ มันต้นใหญ่กว่าที่เราคิดไว้เสียอีก
ต้นสนนี้อายุ 2,000 กว่าปี เมื่อก่อนเขามีมากและเคยถูกตัดไป ก็เลยเก็บตอเอาไว้ให้คนรุ่นหลังดู แล้วปลูกขึ้นมาทดแทนเมื่อ 70 ปีก่อน เรียกว่าปลูกทดแทนจนครบหมดทุกต้นที่ถูกตัดไปเลยก็ว่าได้ เพื่อเป็นประวัติศาสตร์ให้กับคนรุ่นหลังได้ศึกษา จึงเก็บตอไม้โบราณนั้นเอาไว้ให้ลูกหลานดู ประเทศเราน่าเอาเป็นตัวอย่าง เราสามารถเรียนรู้จากเขาได้ ก็เลยเก็บภาพเหล่านั้นมาเผยแพร่ในรายการเพื่อให้คนไทยได้ดู อีกอย่างที่นั่นเขาให้ความสำคัญกับพิพิธภัณฑ์ มีเรื่องราวของความเป็นประเทศเขาอยู่ในนั้นทั้งหมด ประทับใจที่เห็นวัยรุ่นของเขาเดินเข้าไปดูประวัติศาสตร์ เพื่อปลูกจิตสำนึกให้กับตัวเอง ประเทศเรามีพิพิธภัณฑ์เยอะเหมือนกันแต่คนไม่ค่อยเข้าชมซักเท่าไหร่ น่าเสียดายจริงๆ
เป็นเพราะพิพิธภันฑ์ของเขาดูน่าสนใจกว่าหรือเปล่า
ของบ้านเราเองก็มีสิ่งของล้ำค่าและงดงามไม่ได้น้อยหน้าเลยนะ แต่เราไม่ได้นำเสนอให้ออกมาแล้วน่าสนใจ อย่างวัยรุ่นเขาเกิดมาแล้วก็เดินเข้าพิพิธภัณฑ์ ได้เรียนรู้ทั้งหมดของชาติแล้วก็เกิดความเข้าใจ มีจิตสำนึก บ้านเราเด็กๆ ยังไม่เข้าใจแบบนั้น พิพิธภัณฑ์ในบ้านเราหลายๆ แห่งก็ถูกปรับปรุงแล้วมีความเป็นอินเตอร์แอคทีฟ ทันสมัย พอเราไปเห็นที่นั่น วัยรุ่นคนจีนต่อคิวกันเพื่อเข้าชมพิพิธภัณฑ์ ก็อดคิดถึงบ้านเราไม่ได้ซึ่งบ้านเราคนเข้าชมโหลงเหลงมาก เพราะเท่าที่ดูได้เห็นของล้ำค่าในราชวงศ์ มีประวัติความเป็นมามากมาย เห็นสิ่งของแกะสลักก็ว่าสวย แต่ของในบ้านเราก็สวยมากเหมือนกันนะ เราเองก็น่าจะภูมิใจในประวัติศาสตร์ของเรา ที่ไม่เคยเป็นเมืองขึ้นของใคร
ถ้าอย่างนั้นก็คงรู้สึกปลื้มใจแทนชาวไต้หวันมากเลยนะ?
ค่ะ คนในประเทศเขาเองก็ผ่านความรู้สึกเจ็บปวดในอดีตมาเหมือนกัน ซึ่งเขามีอดีตทั้งกับประเทศจีน และประเทศญี่ปุ่น แต่เขาก็มองโลกในแง่บวก เขาดีใจที่ครั้งหนึ่งถูกญี่ปุ่นครอบครองแล้วทิ้งอะไรดีๆ ไว้ให้กับเขา ใช้ทรัพยากรทุกอย่างอย่างมีสติ รับทุกอย่างที่ทำให้ประเทศเขาเจริญ รับทั้งความเป็นญี่ปุ่น รับทั้งความเป็นตะวันตก แต่ไม่ลืมรากเหง้าของตัวเอง เราเองกลับไม่ซ้ายเลยก็ขวาเกินไป มองคนที่เสพความเป็นเกาหลี ความเป็นญี่ปุ่นว่าบ้าประเทศอื่นแบบไร้สติ ซึ่งไม่ใช่เรื่องผิด ขอให้เราชอบแบบมีสติ และยังมีคนอีกประเภทที่ชอบด่าว่าคนนั้นคนนี้คลั่งญี่ปุ่น คลั่งเกาหลี ความจริงทุกอย่างไม่ผิดหรอก เพียงแต่เราต้องรู้จักความเป็นไทยของเราให้ดีเสียก่อน เอาทุกอย่างมารวมกันแล้วหาความเหมาะสมตรงกลาง นำมาพัฒนาตัวเรา
ตัวเราในที่นี้หมายถึงต่อหน่วยต่อคนเลยนะคะ เราก็จะกลายเป็นคนที่มีคุณภาพ 1 คน 2 คน กลายเป็นหมู่มวลพลังใหญ่ของคนที่มีคุณภาพ ทุกเรื่องทุกอย่างพึ่งพาตัวเองและผลักดันตัวเราเองให้เป็นคนที่ดึงสิ่งดีๆ มาไว้ในตัวเรา เราเห็นคนไต้หวันต่อหน่วยต่อคนเขาเป็นคนที่มีคุณภาพแบบนี้จริงๆ วัยรุ่นเขาไปเที่ยวพิพิธภัณฑ์ นั่งรถไฟไปเที่ยวเมืองโบราณ ไปอยู่ที่นั่นสัปดาห์กว่าๆ เห็นเกือบทั่วไต้หวัน ได้ดูทั้งทะเล บนเขา ทะเลสาบ ไปดูพระอาทิตย์ขึ้นที่อาหลีซัน ที่รู้สึกได้ว่าปลอดภัยมากขึ้นไปบนเขาคนเดียวก็ยังไม่รู้สึกกลัวว่าใครจะมาข่มขืน ในขณะที่ประเทศเราสวยกว่าเยอะเลย ทะเลก็สวยมากๆ วัฒนธรรมเราก็สวยงามมาก แต่ทำไมเรายังมีข่าวออกไปทั่วโลกว่า นักท่องเที่ยวโดนข่มขืน ซึ่งมันน่าเสียดายจริงๆ
สรุปแล้วเมืองไทยเราสวยที่สุด แต่ยังขาดความเจริญบางอย่าง?
อย่างที่พูดนั่นแหละค่ะ ตอนที่ไปเที่ยวมัลดีฟส์ ทะเลที่นั่นสวยมาก แต่พอมานึกว่าทะเลบ้านเราก็สวย ใต้ทะเลดำน้ำดูปะการังมีความสุข น้ำตกบ้านเราก็สวย ไปเจอเต้าหู้เหม็นที่ไต้หวันก็รู้สึกตื่นเต้น แต่ลองนึกดูไปทางเหนือสิมีถั่วเน่า ไส้อั่ว น้ำเงี้ยว ข้าวซอย สารพัดอาหารไทยที่อร่อย ปลาหมึกบ้านเราก็อร่อยไม่แพ้ไต้หวัน แต่บ้านเรายังขาดคุณภาพของคน จิตสำนึกอะไรหลายๆ อย่าง เช่นที่มัลดีฟส์ไม่มีเกษตรกรรม เขาซื้อของหลายๆ อย่างจากประเทศเราเพื่อเอาไปขาย พอไปเที่ยวจะซื้อของไอ้โน่นไอ้นี่ก็มาจากบ้านเราทั้งนั้น แต่คนของเขามีความน่ารัก ดูแล้วเป็นมิตรปลอดภัยน่าประทับใจ
ซึ่งประเทศเรามีทุกอย่าง มีแหล่งผลิตต่างๆ แกะสลักให้เห็น ซื้อได้ในราคาถูก ซึ่งเราน่าจะเอาทุกอย่างมาปรับปรุงให้ประเทศเราดีที่สุดได้ น่าประทับใจที่สุดได้







