ซูชิพลัส บายไคเซนมารุ

ช่วงกักตัว อยู่บ้าน หยุดเชื้อเพื่อชาติ นั่งรับประทานอาหารที่ร้านไม่ได้ ซื้อกลับมาอร่อยที่บ้านกันดีกว่า แฟนคลับซูชิ ปลาดิบ ยังมีทางเลือก
วิกฤตโควิด-19 ทำเอาหลายคนต้องปรับเปลี่ยนไลฟ์สไตล์ โดยเฉพาะในเรื่องอาหารการกินไปจากเดิมที่เคยนั่งรับประทานอาหารตามร้านชิลชิล นัดเพื่อนมาพบปะพูดคุยกินอาหาร ก็เลยต้องหันมาใช้บริการเดลิเวอรี่จัดส่งอาหาร อีกส่วนหนึ่งออกไปซื้ออาหารที่ชอบตามร้านค้าหรือซูเปอร์มาเก็ตกลับไปรับประทานเงียบๆคนเดียวที่บ้าน เนื่องจากขณะนี้รัฐบาลมีมาตรการปิดร้านอาหารไม่ให้นั่งรับประทานภายในร้าน อนุญาตให้สั่งซื้อใส่กล่องกลับไปกินที่บ้านหรือที่ทำงานเท่านั้น
เรืองยศสุวรรณ สุวรรณธาร กรรมการผู้จัดการบริษัท ไคเซนมารุ (Kai Sen Maru Co.,Ltd.) ผู้จัดจำหน่าย ปลาแซลมอน หลากหลายสายพันธฺุจากทั่วทุกมุมโลกอาทิเช่น ปลาทูน่าครีบเหลือง (มากุโร่) และวัตถุดิบหลักสำหรับอาหารญี่ปุ่น ประเภทซาชิมิ และ ซูชิ ก็เลยเปิดตัว ซูชิ พลัส บาย ไคเซนมารุ ข้าวปั้น หน้าต่างๆ ผสมด้วย “น้ำส้มซูชิสูตรพิเศษ” สีสันสวยงามน่ารับประทาน แถมยังมีคุณค่าทางโภชนาการ จากพืชผักสมุนไพร อย่างเช่น “สีแดง” มาจาก “บีทรูท” “สีเขียว” มาจาก “ชาเขียว” และ “สีม่วง” มาจาก “ดอกอัญชัน” นอกจากนั้นยังมีสีสันอื่นๆที่มาจาก มะตูม, แครอท,ดอกเก๊กฮวย และ ดอกกระเจี๊ยบ อีกด้วย
อาหารประเภท “ซูชิ” มีองค์ประกอบหลักคือ ข้าวญี่ปุ่นผสมน้ำส้มสายชูญี่ปุ่น และปลาดิบอย่างปลาทะเลน้ำลึกที่อุดมไปด้วยโอเมก้า 3 จากเนื้อปลาเป็นหลัก และ “ซูชิ พลัส” ได้นำนวัตกรรมใหม่มาใช้ โดยการนำน้ำส้มชูซิมาผสมกับน้ำสกัดจากพืชผักและผลไม้ต่างๆ ที่ผ่านการคัดสรรคุณภาพความสดใหม่ ปราศจากการแต่งสี แต่งกลิ่น ซึ่งทำให้ได้รับคุณค่าทางโภชนาการมากขึ้น ส่วนรสชาติเปรี้ยวอมหวาน ได้มาจากตัวน้ำส้มซูชิ สีและกลิ่นได้มาจากน้ำที่สกัดทั้งหมด 7 รสชาติ และมีคุณค่าทางโภชนาการเช่น
ซูชิผสมดอกเก๊กฮวย ช่วยลดไขมันในตับและในหลอดเลือดซูชิผสมดอกกระเจี๊ยบ ช่วยลดความเสี่ยงการเกิดโรคหัวใจ ซูชิผสมดอกอัญชัน ช่วยขับสารพิษออกจากร่างกาย ซูชิผสมใบชาเขียว ช่วยล้างและกำจัดสารพิษในลำไส้ ซูชิผสมแครอท ช่วยบำรุงสายตา ผิว และเส้นผม ซูชิผสมบีทรูท ช่วยเสริมสร้างบำรุงตับและสมอง และ ซูชิผสมมะตูม ช่วยรักษาโรคในลำไส้ ป้องกันโรคเบาหวาน
เชฟอนุวัฒน์ อู่ทอง เชฟบริหารสาขา บริษัท ไคเซนมารุ จำกัด เผยถึงเคล็ดลับการปรุงน้ำส้มสูตรพิเศษของ "ซูชิ พลัส" ทั้ง 7 รสชาติว่านำดอกเก๊กฮวย,ดอกกระเจี๊ยบ,ดอกอัญชันฯลฯ ล้างให้สะอาดแล้วต้มจนได้หัวเชื้อเข้มข้น จากนั้นนำไปต้มอีกครั้งกับน้ำส้ม น้ำตาล เกลือ ตามสูตรของทางร้าน ส่วน แครอท และ บีทรูท หลังจากปลอกเปลือกทำความสะอาดแล้วนำไปสกัดเพื่อให้ได้น้ำหัวเชื้อ แล้วต้มรวมกับ น้ำส้ม น้ำตาล และ เกลือ ตามอัตราส่วนเช่นกัน
ก่อนนำไปคลุกเคล้ากกับข้าวญี่ปุ่นหุงสุก จากนั้นปล่อยทิ้งไว้ ให้อิ่มตัว ประมาณ 10-15 นาที แล้วค่อยนำมาปั้นข้าวซูชิต่อไป ทั้งนี้เพื่อให้เข้าใจถึงรสชาติแห่งซูชิตามแบบฉบับต้นตำรับ เชฟอนุวัฒน์ ได้เล่าถึงความเป็นมาคร่าวๆ ว่า "ซูชิ" ( Sushi ) เป็นอาหารญี่ปุ่น ที่มีข้าวผสมกับน้ำส้ม และ ทานคู่กับปลา เนื้อ หรือ ของคาวอื่นๆ จุดกำเนิดของซูชิ จริงๆ เกิดจากความคิดที่จะถนอมอาหาร ถนอมเนื้อปลาโดยการนำข้าวมาหมักกับเนื้อปลาเพื่อที่จะต้องการป้องกัน การเน่าเปื่อยของเนื้อปลา โดยได้รับวัฒนธรรมการถนอมอาหาร มาจากประเทศแถบเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ และ จีน จนกลายมาเป็นต้นแบบของซูชิที่ใช้น้ำส้มหมักมาผสมกับข้าว ห่อด้วยสาหร่ายให้เป็นคำพอดีสำหรับการรับประทาน และ มีการพัฒนาในการนำเนื้อปลาต่างๆ มาวางบนข้าวให้เกิดความหลากหลาย และ เป็นที่นิยมกันอย่างแพร่หลายในปัจจุบัน
ประเภทของซูชิ ที่นิยม แบ่งออกเป็น 5 ประเภทดังนี้ นิกิริ ซูชิ ( Nigiri Sushi ) ปั้นข้าวเป็นวงรี แล้ววางด้วยเนื้อปลาไว้ด้านบน มากิ ซูชิ ( Maki Sushi ) คือข้าวห่อ หรือ ข้าวม้วน แบ่งเป็น 3 แบบ แบบม้วนข้าวไว้ข้างใน และสาหร่ายอยู่ด้านนอก แบบสลับสาหร่ายอยู่ด้านใน และข้าวอยู่ด้านนอก ห่อเป็นรูปกรวย ชิราชิ ซูชิ( Shirashi Sushi ) เป็นการจัดเรียงคล้ายๆข้าวกล่อง มีปลาดิบหน้าต่างๆ วางเรียงอยู่ด้านบนข้าวในกล่อง โอชิ ซูชิ( Oshi Sushi ) ต้นกำหนดมาจากเมืองโอซาก้า คือการนำข้าวมาอัดลงในแม่พิมพ์สี่เหลี่ยม แล้วเอาเนื้อปลาวางด้านบน และนำมาหันให้พอดีคำ อินะริ ซูชิ( Inari Sushi ) คือการใช้แผ่นเต้าหู้มาห่อข้าวกับเนื้อปลา ส่วนการรับประทาน ซูชิ ให้ได้รสชาติมากยิ่งขึ้นต้องมีเครื่องเคียงอย่างขิงดอง และ ที่สำคัญ คือ วาซาบิ นอกจากเผ็ดร้อนอร่อยมีเอกลักษณ์แล้วยังมีสรรพคุณช่วยฆ่าเชื้อโรคอีกด้วย
นอกจากผลิตความอร่อยเสิร์ฟแล้ว บริษัท ไคเซนมารุ จำกัด ยังเป็นผู้ผลิตและจำหน่าย สินค้าประเภท ปลาแซลมอนรมควัน หลากหลายชนิด รวมถึงมีหน้าร้าน ขายสินค้าประเภทปลาดิบ และซูชิ อยู่ในซูเปอร์มาร์เก็ต ตามห้างสรรพสินค้าฯเช่น เซ็นทรัล, แม็กซ์แวลู และ สยามพารากอน รวมทั้งสิ้น 119 สาขา ทั่วประเทศ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมโทร.0-2247-5241 และ 0-2247-2144 หมูหวานว่า “ซูชิพลัส” ก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่น่าสนใจในช่วงนี้







