จุดนัดพบสายสุขภาพ ฟิตร่าง ซ่อมกาย ปักหมุดได้ที่ศูนย์ฯสิริกิติ์

พาส่องจุดนัดพบสายสุขภาพแห่งใหม่ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ เดี๋ยวนี้มีทั้งสปา คลินิกเวชศาสตร์ฟื้นฟู สตูดิโอเวิร์กเอาต์ จนถึงกายภาพบำบัดก็มี
หลายคนอาจยังไม่ทราบ ว่า ที่ศูนย์ฯ สิริกิติ์โฉมใหม่ ไม่ได้เป็นแค่อีเวนต์ฮอลล์ประชุม สัมมนา หรือจัดงานอีเวนต์ต่างๆ เท่านั้น แต่ยังมี hidden gems เพื่อสุขภาพดี ได้ทั้งการซ่อมร่าง จนถึงฟิตกายให้แข็งแรงอีกด้วย
ช่วงพักเบรกจากงานสัมมนา หรือหลังวิ่งรอบสวนเบญจกิติ หลายคนอาจมองหาที่ “ซ่อมร่าง ฟิตกาย” แบบไม่ต้องไปไหนไกล ตอนนี้ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ กลายเป็นจุดนัดพบสายสุขภาพแห่งใหม่แล้ว เพราะมีทั้งสปา คลินิกเวชศาสตร์ฟื้นฟู และสตูดิโอเวิร์กเอาต์-กายภาพบำบัด อยู่ในอาคารเดียวกัน เดินไม่กี่ก้าวจากฮอลล์ก็เข้าคิวดูแลสุขภาพต่อได้เลย (ถ้ามาตอนเช้า จอดรถฟรีถึง 9.00 น.)
กรุงเทพธุรกิจ ชวนไปสำรวจ 3 บริการเพื่อสุขภาพในศูนย์ฯ สิริกิติ์ ที่ต่างคนต่างสไตล์ แต่มีเป้าหมายเดียวกัน คือ เพื่อสุขภาพที่ดี
ผ่อนคลาย รีเซ็ตร่างที่ Let’s Relax
สำหรับคนรักการนวด เชื่อว่า ส่วนใหญ่น่าจะคุ้นชื่อของ Let’s Relax กันอย่างดี เพราะเดี๋ยวนี้ เขามีมากถึง 60 สาขา แต่พอเปิดประตูสาขาศูนย์ฯ สิริกิติ์เข้ามา บรรยากาศจะต่างจากสาขาในห้างทันที ด้วยโลเคชันที่อยู่ติดสวน อยู่ใกล้ MRT และรายล้อมด้วยอาคารสำนักงาน ทำให้ที่นี่กลายเป็น “สปาประจำ” ของทั้งคนทำงานย่านนี้ นักวิ่งสวนเบญจกิติ และผู้ร่วมงานประชุม-สัมมนา ที่แวะมาผ่อนคลาย รีชาร์จพลังใหม่
ณรัล วิวรรธนไกร กรรมการบริหาร บริษัท สยามเวลเนสกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เล่าว่า สาขานี้ตั้งใจออกแบบให้ตอบโจทย์คนที่มีเวลาไม่มาก แต่ต้องการการบำบัดที่ “ตรงจุด”
“นักธุรกิจหรือคนที่มาประชุม อาจมีแค่ 30–45 นาที ระหว่างเบรก เราเลยออกแบบแพ็กเกจแบบ ‘ลงนั่งแล้วนวดได้เลย’ ไม่ต้องเปลี่ยนชุด แต่ช่วยรีเฟรชให้พร้อมกลับไปลุยงานต่อ” ณรัล เอ่ย
และขยายความถึงไฮไลต์ที่ห้ามพลาด คือ นวดเท้า ที่ไม่ได้แค่นวดให้สบาย แต่เทอราปิสต์จะใช้ศาสตร์การสัมผัสบริเวณฝ่าเท้า ไล่ตามแนวเส้นประสาทที่เชื่อมโยงทั้งร่างกาย ส่วนการนวดคอ-บ่า-ไหล่ ก็มีจุดขาย คือ เก้าอี้ดีไซน์พิเศษนำเข้าจากอเมริกา ออกแบบตามสรีระร่างกาย ให้การนวดได้ผลมากยิ่งขึ้น
ทั้งนี้ ถ้ามีเวลาไม่มาก ณรัล แนะนำให้มาลอง “นวดเท้า” เพราะใช้เวลาไม่นานแต่ผลที่ได้ ถือว่า เกินคุ้ม เพราะหลายคนอาจไม่ทราบว่า การนวดเท้า สามารถช่วยลดอาการปวดในจุดที่คาดไม่ถึงได้ โดยเฉพาะมนุษย์ออฟฟิศทั้งหลายที่มือถือไม่เคยห่างมือ แน่นอนว่า อาการออฟฟิศซินโดรมถามหาแน่นอน
“เส้นประสาทที่เท้ามันเชื่อมถึงทั้งร่างกาย เรานั่งทำงาน นั่งเครื่องบิน จ้องมือถือท่าเดิม ๆ นาน ๆ สุดท้ายอาการมันอาจไปโผล่ที่คอ ไหล่ เอว หรือขา การนวดเท้าที่ดีเลยต้องช่วย ‘วิเคราะห์’ และคลายตามแนวเส้นที่เชื่อมกันเหมือนใยแมงมุม” ณรัล กล่าว
อีกหนึ่งความต่างของ Let’s Relax คือการให้ความสำคัญกับ ประสบการณ์ครบทั้ง 5 ประสาทสัมผัส เสียงเพลงที่แต่งขึ้นเพื่อช่วยผ่อนคลาย กลิ่นเอสเซนเชียลออยล์ 100% ขณะที่เทอราปิสต์ทุกคนของที่นี่ ไม่ว่าจะเข้าสาขาไหนก็ได้ประสบการณ์เดียวกัน เพราะทุกคนผ่านการฝึกจากโรงเรียนของบริษัท เพื่อให้มาตรฐานการบริการเหมือนกันทุกสาขา
ReActive Rehab Clinic ซ่อมร่าง ฟื้นฟูการใช้ชีวิต
ถ้า Let’s Relax คือโซนผ่อนคลาย ReActive Rehab Clinic ก็เปรียบเหมือน “ห้องแล็บฟื้นฟูร่างกาย” สำหรับคนที่มีอาการปวดเรื้อรัง ตั้งแต่ออฟฟิศซินโดรมไปจนถึงนักวิ่งและนักกีฬา
แพทย์หญิงสัสยา คงสกุล หรือ หมอโบว์ แพทย์เวชศาสตร์ฟื้นฟู คุณหมอผู้รักการวิ่งเป็นชีวิตจิตใจ ลงสนามมาแล้วทั้งในและต่างประเทศ ก็เลยไม่น่าแปลกใจที่เธอเลือกปักหมุดที่นี่ เพราะตัวหมอโบว์เองก็ชอบไปวิ่งที่สวนสวนเบญจกิติเป็นประจำ
“กลุ่มคนไข้หลักของเราเป็นทั้งคนทำงานที่มีออฟฟิศซินโดรม คนชอบออกกำลังกาย และนักกีฬา พออยู่ในศูนย์ฯ สิริกิติ์ เราได้ทั้งคนไทย ชาวต่างชาติ และคนที่มาประชุมแล้วมีอาการปวดจากการเดินทางหรือการนั่งนาน ๆ ด้วย” คุณหมอโบว์ เอ่ย
และเผยถึงจุดที่ทำให้ ReActive แตกต่างจากคลินิกกายภาพทั่วไป เรื่องแรก คือ คนไข้ทุกคนจะได้พบแพทย์เฉพาะทางเวชศาสตร์ฟื้นฟู ตั้งแต่ต้น ไม่ต้องไปต่อคิวโรงพยาบาล แต่เดินเข้าแล้วลงชื่อรอพบแพทย์ได้เลย ขณะเดียวกัน ที่นี่ก็ไม่ได้มีแค่คุณหมอโบว์ แต่ยังมีทีมแพทย์เฉพาะทางจากหลายสถาบันชั้นนำ และทีมนักกายภาพที่ผ่านการคัดเลือกอย่างเข้มข้น โดยคนไข้ส่วนใหญ่ที่มารักษาที่นี่ หลักๆ จะเป็น “อาการปวด” แบบหลากหลายอาการ ทั้งปวดคอ ปวดบ่า ปวดหัวไมเกรน ปวดข้อในผู้สูงอายุ ไปจนถึงอาการบาดเจ็บจากการเล่นกีฬา
หมอโบว์อธิบายเสริมถึงการรักษาว่า ไม่ได้แค่รักษาอาการปวด แต่จะมีการตรวจหรือวิเคราะห์ถึงสาเหตุของอาการปวด เพื่อแนะนำการปฏิบัติตัว “เปลี่ยนพฤติกรรมและการใช้ชีวิต” ที่เป็นต้นเหตุของอาการปวดเพื่อการแก้ปัญหาในระยะยาวได้อย่างตรงจุด
“การรักษาที่นี่จะไม่จบแค่กายภาพบำบัดหรือจ่ายยา แต่หมอจะช่วยดูว่าคุณต้องปรับอะไรในชีวิตจริง เช่น วิธีออกกำลังกาย โปรแกรมการฝึกของนักกีฬา หรือแม้แต่ท่าทางเวลานั่งทำงาน เพื่อไม่ให้กลับมาปวดซ้ำ”
นอกจากนี้ หนึ่งในหัตถการเฉพาะทางที่คนพูดถึงกันมากคือการใช้เข็มรักษาปมกล้ามเนื้อ (Dry Needling) ที่หมอโบว์เปรียบว่าเป็น “ไม้ตาย” ของกลุ่มอาการปวดเรื้อรัง พร้อมแนะนำว่า สำหรับใครที่รักษาแล้วไม่หายสักที Dry Needling อาจเป็น “ตัวจบ” เพื่อรักษาอาการที่เป็นได้
“เทคนิคเข็มที่เราใช้ เป็นการเข้าไปสะกิดตรงปมกล้ามเนื้อที่เป็นสาเหตุจริง ๆ ทำให้มันคลายได้เร็วมาก เห็นผลชัด แต่ก็ต้องอาศัยประสบการณ์ของแพทย์สูง ซึ่งทีมเราทุกคนทำเคสเหล่านี้มามาก จนต่อให้เคยไปทำที่อื่นมาแล้ว คนไข้ก็ยังรู้สึกถึงความต่างได้” หมอโบว์กล่าว
อีกข้อดีสำหรับมนุษย์เงินเดือนคือ คลินิกนี้ขึ้นทะเบียนเป็นคลินิกเวชกรรมโดยแพทย์แผนปัจจุบัน มีแพทย์ออกตรวจประจำทุกวัน ทำให้สามารถออกเอกสารประกอบการเบิกประกันสุขภาพประเภท OPD ได้ตามเงื่อนไขแต่ละบริษัท
หมอโบว์สรุปตัวตนของคลินิกสั้น ๆ แต่ชัดเจนว่า “เราไม่ได้ฟื้นฟูแค่อาการป่วย แต่เราฟื้นฟูการใช้ชีวิตของผู้คน”
WARRIX Sport ฟิตกล้าม แก้ท่าทาง ปรับฟอร์มวิ่งให้เหมาะสม
พอพูดชื่อ WARRIX หลายคนจะนึกถึงแบรนด์เสื้อผ้ากีฬา แต่ที่สาขาศูนย์ฯ สิริกิติ์ WARRIX ขยายบทบาทจาก “ชุดกีฬา” มาเป็น “ทีมซ่อมร่างให้คนเล่นกีฬาและคนทั่วไป” ด้วยศูนย์กายภาพบำบัดและสตูดิโอออกกำลังกายแบบ Personal Training
“ตอนนี้ WARRIX Sport ที่ศูนย์ฯ สิริกิติ์ให้บริการตั้งแต่ตรวจประเมินร่างกาย กายภาพบำบัด ไปจนถึงการเทรนออกกำลังกายแบบตัวต่อตัว ทุกอย่างปรับให้เหมาะกับปัญหาและเป้าหมายของแต่ละคน ไม่ได้ใช้สูตรเดียวกันหมด” ณัฐกาญจน์ โกมารทัต (ปอย) นักกายภาพบำบัดประจำสาขา กล่าวอธิบาย
พร้อมแนะนำบริการหลัก ๆ ของที่นี่ ได้แก่
กายภาพบำบัด สำหรับทั้งอาการปวดเข่า ปวดคอ ปวดบ่า ออฟฟิศซินโดรม และการบาดเจ็บจากกีฬา ใช้ทั้งเครื่องมือและการรักษาแบบ manual โดยนักกายภาพ
Personal Training แบบไพรเวต ไม่มีสมาชิกฟิตเนสจำนวนมากมาวุ่นวาย ใครเข้ามาก็ใช้บริการเทรนกับเทรนเนอร์ได้เลย เหมาะกับทั้งคนอยากลดน้ำหนัก เพิ่มกล้ามเนื้อ ลดไขมัน หรือแค่อยากให้ “ร่างกายแข็งแรงขึ้นในแบบที่ตัวเองโอเค”
Sports Massage สำหรับนักกีฬาและสายออฟฟิศที่ต้องการคลายกล้ามเนื้อเชิงลึก
Motion Analysis / Running Analysis ด้วยเทคโนโลยีจากสวีเดน เพื่อวิเคราะห์ฟอร์มวิ่งและเตือนความเสี่ยงการบาดเจ็บ
และด้วยโลเคชันที่อยู่ใกล้สวนเบญจกิติ ทำให้คนวิ่งสามารถ “จบเซสชัน” ด้วยการเข้ามาเช็กฟอร์มหรือทำกายภาพต่อได้เลย
นอกจากนี้ WARRIX ยังร่วมมือกับพันธมิตรด้าน Wellness ในการใช้ระบบวิเคราะห์ท่าทาง ดูมุมคอยื่น ไหล่ห่อ และตรวจหาจุดที่กล้ามเนื้ออ่อนแรงหรือเสี่ยงบาดเจ็บ เพื่อออกแบบท่าออกกำลังกายแก้ไขเฉพาะบุคคล
ปอยอธิบายให้เห็นภาพว่า แม้จะมี “อาการปวดเหมือนกัน” วิธีรักษาก็ไม่ควรเหมือนกันเสมอไป
“สมมติว่าปวดคอ-บ่าทั้งคู่ แต่คนหนึ่งปวดจากท่านั่งทำงานที่ไม่เหมาะกับสรีระ อีกคนปวดเพราะกล้ามเนื้อบางมัดอ่อนแรง เราจะรักษาเหมือนกันไม่ได้ บางคนต้องปรับท่านั่งและโต๊ะทำงาน บางคนต้องเพิ่ม exercise เสริมความแข็งแรง ถ้าเจ็บตอนตื่นเช้าแค่เปลี่ยนหมอนก็ช่วยได้แล้ว มันต้องดูเป็นเคส ๆ ไปจริง ๆ” เธออธิบาย
เทรนเนอร์และครูกายภาพจะช่วยเลือก “สไตล์การออกกำลังกาย” ให้เข้ากับตัวตน ตั้งแต่สายชอบคาร์ดิโอเบา ๆ อย่างคลาสที่ขยับแบบสนุก ๆ ไปจนถึงสายจริงจังที่อยากยกเวตเพิ่มกล้าม
“ข้อดีคือ คนที่ไม่ชอบฟิตเนสคนเยอะ ๆ ก็เริ่มได้จากการออกกำลังกายง่าย ๆ ที่รู้สึกสบายใจไปก่อน แล้วค่อยต่อยอด ถ้าใครชอบสายแข็งแรงจริงจังก็ไปทางเทรนเนอร์ได้เลย ทุกอย่างเลือกได้ตามความเป็นตัวเอง”
ไม่ว่าจะเป็นสปาทั้งเพื่อผ่อนคลายและช่วยเยียวยาการปวดเมื่อย ไปจนถึงคลินิกเวชศาสตร์ฟื้นฟูที่เจาะลึกสาเหตุอาการปวด จนถึงสตูดิโอกายภาพ-เทรนนิ่งที่ช่วยให้เราออกกำลังกายได้อย่างปลอดภัย ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์วันนี้เลยไม่ใช่แค่ “ที่จัดงาน” อีกต่อไป แต่เป็นพื้นที่ที่เราสามารถ “ซ่อมร่าง ฟิตกาย เพื่อสุขภาพดี ๆ” ได้จริงในชีวิตประจำวันอีกด้วย







