งานเลี้ยงปีใหม่ ไม่สนุกสำหรับทุกคน Introvert เอาตัวรอดยังไงดี?

เมื่อ “ปาร์ตี้ปีใหม่ออฟฟิศ” อาจไม่ได้สนุกสำหรับทุกคน ผู้เชี่ยวชาญแนะคู่มือเอาตัวรอดให้แก่คน Introvert และคนที่มีความกังวลทางสังคม ให้ยังจอยได้แบบไม่เสียตัวตน
KEY
POINTS
- งานเลี้ยงบริษัทมักสร้างความกดดันและความอึดอัดให้พนักงานที่มีบุคลิกภาพแบบ Introvert เนื่องจากเป็นกิจกรรมที่ต้องใช้พลังงานในการเข้าสังคมสูง และรู้สึกว่าต้องฝืนแสดงความสนุกสนาน
- ผู้เชี่ยวชาญ แนะ วิธีเอาตัวรอดสำหรับคนอินโทรเวิร์ต เช่น ไปร่วมงานช่วงสั้นๆ ตอนคนยังไม่เยอะ เตรียมหัวข้อสนทนาไปล่วงหน้า และแต่งกายในแบบที่ตัวเองสบายใจ
- เทคนิคที่ช่วยลดความกังวลได้ คือ การหาเพื่อนที่เข้าใจไปด้วยกันในงาน หรือใช้คำถามปลายเปิดเพื่อชวนคุยในเรื่องที่สนใจร่วมกัน
- องค์กรยุคใหม่เริ่มปรับตัวโดยสร้างพื้นที่ที่เอื้อต่ออินโทรเวิร์ตมากขึ้น และมีนโยบาย "ไม่บังคับ" พนักงานทุกคนต้องเข้าร่วมกิจกรรมสังสรรค์
ถ้าคุณเป็นคนหนึ่งที่เมื่อเห็นคำว่า Office Holiday Party (งานเลี้ยงบริษัท หรือ งานเลี้ยงปีใหม่ของออฟฟิศ) แล้วไม่ได้รู้สึกตื่นเต้นอยากไป แต่ตรงกันข้าม กลับมีรู้สึกว่า “ฉันขอหายใจลึกๆ ก่อน” หรือเริ่มถามตัวเองย้ำๆ ซ้ำๆ ว่า “ไม่ไปงานเลี้ยงบริษัทได้ไหมนะ?” หากคุณมีอารมณ์และความคิดเหล่านี้โผล่ขึ้นมา…คุณไม่ได้เป็นแบบนี้คนเดียว
ไรอัน อาร์โนลด์ (Ryan Arnold) ยังจำภาพงานเลี้ยงปลายปีของบริษัทเมื่อกว่า 20 ปีก่อนได้ติดตา ปีนั้นสถานีวิทยุที่เขาทำงานอยู่ ได้จัดปาร์ตี้ในบาร์เล็กๆ สไตล์บ้านๆ เขาเดินเข้าไปแล้วเห็นเพื่อนร่วมงานส่งต่อ “รองเท้าบูตใบยักษ์” ที่ใส่เบียร์เต็มปริ่มแล้วผลัดกันดื่ม แถมยังมีผู้จัดการออฟฟิศที่กำลังตะโกนร้องเพลงบัลลาดยุค 80 สลับกับกระดกวิสกี้ช็อต
ความคิดแรกที่แว้บเข้ามาในหัวเขาไม่ใช่ว่า “สนุกแน่คืนนี้” แต่เป็น “เมื่อไรฉันถึงจะกลับบ้านได้สักทีนะ?”
จากวันนั้นถึงวันนี้ อาร์โนลด์อายุ 46 ปี และนิยามตัวเองว่าเป็นคนที่มีความกังวลทางสังคม (Social anxiety) เขาบอกว่า เหตุการณ์นั้นทำให้เขาคิดหนักทุกครั้งก่อนตอบรับคำเชิญไปงานปาร์ตี้สังสรรค์ใดๆ ก็ตาม เขาเปิดเผยความในใจว่า “ผมไม่อยากเข้าไปอยู่ในที่ที่ต้องเห็นอะไรบางอย่างแล้วลืมไม่ลง ก็ไม่อยากดราม่านะ แต่ผมแค่ไม่อยากมีภาพแบบนั้นติดอยู่ในหัว”
ทำไม "งานเลี้ยงบริษัท" ถึงเป็นเรื่องหนักหนาสำหรับคนอินโทรเวิร์ต?
สำหรับคนอินโทรเวิร์ต คนขี้อาย หรือคนที่มีอาการ Social anxiety “การเข้าสังคมแบบปาร์ตี้” มักเป็นกิจกรรมที่ ดูดพลัง หรือปลุกความรู้สึกอึดอัดได้ง่ายมาก โดยเฉพาะช่วงเทศกาลปลายปี ที่ออฟฟิศมักมีกิจกรรมปาร์ตี้สังสรรค์แบบจัดเต็ม ทั้งชั่วโมงดื่มค็อกเทลไม่อั้น กิจกรรมแลกของขวัญ หรือเกมละลายพฤติกรรม (ที่ไม่ได้ช่วยละลายอะไรจริงๆ)
ลอรา แมคลีออด (Laura MacLeod) อาจารย์ด้านสังคมสงเคราะห์จาก City University of New York อธิบายว่า “บางคนก็ไม่ใช่สายปาร์ตี้อยู่แล้ว” ยิ่งเป็นสถานการณ์ในงานเลี้ยงบริษัท ก็ยิ่งมีแรงกดดันซ้อนเข้าไปอีกชั้น เป็นแรงกดดันให้ทุกคนต้องดู “แฮปปี้ ตื่นเต้น อินกับบรรยากาศ” เพราะเป็นช่วงปลายปี เวลาแห่งเทศกาล บรรยากาศแห่งการเฉลิมฉลอง ทั้งที่ในความเป็นจริง หลายคนอาจไม่ได้รู้สึกแบบนั้นเลย
และอีกจุดที่ทำให้หลายคนไม่สบายใจ คือ “เส้นแบ่งความเป็นมืออาชีพ” ที่มักพร่าเลือนในงานที่มีแอลกอฮอล์ เมื่ออยู่ในออฟฟิศอาจมีกรอบปฏิบัติงานที่ชัดเจน แต่พออยู่ในปาร์ตี้ ทุกอย่างเหมือนหละหลวมลงโดยปริยาย
จะ “ไปหรือไม่ไป” ร่วมงานปาร์ตี้บริษัท ไม่ได้มีแค่คำตอบเดียว!
แอนเดรีย เทย์เลอร์ (Andrea Taylor) นักจิตวิทยาจาก UTHealth Houston แนะนำว่า บอกว่า คนที่กังวลในสถานการณ์สังคม ไม่จำเป็นต้องเลี่ยงงานปาร์ตี้ทุกงาน การ “ไปร่วมงานบ้าง” อาจเป็นการฝึกฝนตนเองที่ดี โดยให้โฟกัสที่กิจกรรมและเป้าหมาย มากกว่าความรู้สึกในหัว เช่น ไปเพื่อทักทายเพื่อนร่วมงานสัก 1-2 คน ไปเพื่อขอบคุณทีม ไปเพื่อรักษาความสัมพันธ์ แล้วกำหนดกรอบเวลาชัดเจน
“แม้เราจะรู้สึกกังวล แต่เราก็ยังสามารถทำสิ่งนั้นได้ และหลังทำสำเร็จ หลายคนจะเดินออกมาพร้อมความภูมิใจว่า ฉันไม่ปล่อยให้ความกังวลมาหยุดฉันได้” เทย์เลอร์ บอก
ย้อนกลับมาที่ อาร์โนลด์ แม้เขารู้ว่างานปาร์ตี้ใหญ่ๆ มักดูดพลังของเขา แต่ในฐานะเจ้าของและประธานบริษัท PR DeSoto & State Communications เขามักจะได้รับคำเชิญจากกลุ่มเครือข่ายเสมอๆ ซึ่งเขาจะพิจารณาไปทีละงานว่า “มีเหตุผลพอไหมที่จะไป” อีกอย่างคือ เขาไม่ดื่มแอลกอฮอล์ จึงมักปฏิเสธงานปาร์ตี้ที่มี Open bar
“เก้าในสิบครั้ง ผมอยากอ่านหนังสือและอยู่กับภรรยาที่บ้านมากกว่า” เขา บอก
ผู้เชี่ยวชาญ แนะ คู่มือเอาตัวรอด (และอาจสนุกได้จริง) แก่เหล่า Introvert
สำหรับพนักงานที่เป็น Introvert รวมถึงคนที่มีภาวะวิตกกังวล บ่อยครั้งพวกเขาอาจรู้สึกไม่อยากเข้าร่วมงานปาร์ตี้สังสรรค์ปีใหม่ของออฟฟิศ แต่จริงๆ แล้วผู้เชี่ยวชาญบอกว่า สามารถไปร่วมงานได้ โดยมีทริกเล็กๆ น้อยๆ ที่จะช่วยทลายความอึดอัดใจ เข้าสังคมได้ดีขึ้น และไม่ทำให้เกิดภาวะแบตหมดเร็วจนมากเกินไป ดังนี้
1. แต่งตัวให้สบายใจ เริ่มจากสิ่งที่ควบคุมได้
แมคลีออด ในฐานะอาจารย์ด้านสังคมสงเคราะห์ แนะนำให้ชาวอินโทรเวิร์ต “เอาความสบายใจของตนเองเป็นหลัก” โดยยังอยู่ในกรอบ dress code ของงานเลี้ยง เช่น ถ้าคุณไม่ใช่คนที่ถนัดใส่ส้นสูง 5-6 นิ้วอยู่แล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องฝืนใส่ไปหรอก เพราะมันคืองานปาร์ตี้ คุณจะใส่รองเท้าพื้นเรียบก็ได้ไม่ผิดทั้งนั้น และควรใส่เสื้อผ้าที่ไม่ทำให้ทรมานตัวเอง การผ่อนปรนสิ่งเหล่านี้จะช่วยให้สมองเหลือพื้นที่ไปโฟกัสเรื่องอื่นมากขึ้น
2. ไปงานให้เร็ว คนยังไม่เยอะ แล้วพยายาม “ไม่ยืนหลบมุม”
คนอินโทรเวิร์ตมักรับมือกับฝูงชนขนาดเล็กได้ดีกว่า ช่วงต้นงานจึงเป็นเวลาที่ “ง่ายกว่า” สำหรับพวกเขา ที่สำคัญคือ แม้สัญชาตญาณจะอยากไปยืนริมๆ ห้อง เพื่อความปลอดภัย แต่ผู้เชี่ยวชาญบอกว่า การยืนติดขอบอาจทำให้เรายิ่งรู้สึกว่าตัวเองแปลกแยก ลองขยับมาอยู่ “กลางห้อง” ซึ่งมีวงสนทนาหลายวงและเข้าร่วมได้ง่ายกว่า
ถ้าเริ่มรู้สึกไม่ไหว การอยู่ในวงสนทนาเพียงสั้นๆ ก็ไม่ผิด! คุณสามารถบอกแบบสุภาพว่า “แวะมาอวยพรทุกคนก่อนนะ วันนี้มีธุระครอบครัว อาจอยู่ร่วมงานไม่นาน” แล้วหลังจากนั้นสักพัก คุณก็สามารถปลีกตัวกลับบ้านได้เลย เป้าหมายของขั้นตอนการพบปะสั้นๆ แบบนี้ เรียกว่า “เข้าไป-ออกมา” (Get yourself in and out) ให้ตัวเองภูมิใจว่ามาแล้ว ไม่ใช่บังคับให้อยู่จนแบตหมด
3. เตรียมหัวข้อคุยไว้ 2-3 อย่าง เน้นใช้คำถามปลายเปิด
เทย์เลอร์ นักจิตวิทยา แนะนำด้วยว่า การคิดหัวข้อที่เราชอบคุยไว้ล่วงหน้าจะช่วยลดความกังวลได้ เช่น แผนช่วงวันหยุด งานอดิเรก หรือสิ่งที่ทำช่วงสุดสัปดาห์ นอกจากนี้ มีอีกหนึ่งทริกที่ได้ผลดีก็คือ “ถามคำถามปลายเปิด” เช่น ปีใหม่นี้มีแพลนไปไหนไหม ช่วงนี้อินอะไรเป็นพิเศษ หรือนอกเวลางานชอบทำอะไรแล้วสนุกที่สุด
จำไว้ว่า “คำตอบกลับไปก็ไม่ต้องเพอร์เฟ็กต์” ก็ได้ แค่ตอบธรรมดาๆ เช่น “ไม่เคยทำแบบนั้น แต่ฟังดูน่าสนใจนะ” หรือ “โอ้ โหดมาก ฉันไม่ใช่สายบันจี้จัมพ์เลย” แค่นี้ ก็ช่วยให้บทสนทนาเดินต่อได้แล้ว ทั้งนี้ การพูดคุยที่ควรหลีกเลี่ยงก็คือ หัวข้อชวนแตกแยก ให้เน้นคุยอะไรเบาๆ เข้าไว้
แต่ถ้าเจอหัวหน้า ผู้บริหารระดับสูง แมคลีออดแนะนำให้คุยสั้นๆ แบบสุภาพ เช่น “งานดีมากเลย ขอบคุณที่จัดให้ ปีนี้เป็นปีที่ดีมาก ขอให้คุณและ ครอบครัวมีความสุขช่วงวันหยุดนะคะ/ครับ” แล้วค่อยขยับไปวงอื่น
4. อย่ากดดันตัวเอง ถ้าเกิด “Dead Air” ระหว่างคุย
คนอินโทรเวิร์ตหรือคนที่มีภาวะ social anxiety มักกลัวว่าจะ “ไม่มีอะไรพูด” แต่เทย์เลอร์บอกว่า หากหัวข้อคุยหมดแล้วเงียบ นั่นเป็นเรื่องปกติ และไม่ใช่หน้าที่ของเราที่ต้องทำงายความเงียบเสมอไป เธอบอกอีกว่า หากสถานการณ์แบบนี้เกิดขึ้นกับเธอ บางครั้งเธอจะยอมรับความเงียบแบบขำๆ เช่น “มันแปลกดีนะ เราชินกับการคุยกันแต่เรื่องงาน” ซึ่งช่วยคลายความตึงได้
แต่ถ้าเกิดว่าอีกฝ่ายดูเหม่อ วอกแวก อย่าเพิ่งตีความว่าเขาเบื่อคุณ จริงๆ แล้วเขาอาจแค่เหนื่อย ปวดหัว ขาดน้ำ หรือกำลังคิดถึงการแสดงของลูกที่พลาดไปก็ได้ เทย์เลอร์เตือนว่า “อย่าอ่านใจคนอื่น” เพราะสมองคนเรามักตีความไปทางลบเก่งเกินจริง
5. หา “พวกเดียวกัน” หรือพาคนสนิทไปงานด้วย
คาร์ลา พรูอิตต์ (Carla Pruitt) พนักงานฝ่ายพัฒนาธุรกิจของบริษัทวิศวกรรม ENFRA เล่าว่า เธอเคยอายสุดๆ ในงานแลกของขวัญ เพราะไม่มีใครอยากได้ถุงเท้าผสมว่านหางจระเข้ที่เธอเอาไป จนต้องหยิบกลับบ้าน โดยหลังทำงานจากที่บ้านในย่านซอลต์เลกซิตี้มา 5 ปี เธอบอกว่า ความกังวลเวลาไปเจอคนจริงๆ เพิ่มขึ้นกว่าแต่ก่อน
แต่เธอมีวิธีรับมือคือ มองหา “คนที่คุยง่ายหรือสนใจเรื่องเดียวกัน” เช่น คนรักสัตว์ หรือเพื่อนร่วมงานที่เป็นผู้ปกครองเหมือนกัน นอกจากนี้เธอยังรู้สึกสบายใจขึ้น ถ้าจ้างพี่เลี้ยงเด็กได้ และให้สามีไปงานเลี้ยงบริษัทกับเธอด้วย พรูอิตต์ฝากถึงคน Extrovert หรือคนที่เข้าสังคมเก่งว่า ถ้าคุณเห็นใครยืนหลบมุม ลองเดินเข้าไปชวนคุยหน่อย เพราะ “มันจะมีความหมายกับคนๆ นั้นมากจริงๆ”
ออฟฟิศยุคใหม่ คนอินโทรเวิร์ต “มีพื้นที่” ของตนเอง และทำงานได้ดีเมื่อบริษัทไม่บังคับทำกิจกรรม
หากมองในภาพใหญ่ขึ้น คุณจะเห็นว่าในสังคมการทำงานยุคนี้มีพนักงานกลุ่มอินโทรเวิร์ตและผู้สนับสนุนชาวอินโทรเวิร์ต กำลังผลักดันองค์กรให้เพิ่มความยืดหยุ่นในที่ทำงาน และมีทรัพยากรที่เอื้อต่อคนเก็บตัวมากขึ้น รวมถึงลดอคติในการจ้างงานและการโปรโมตเลื่อนขั้นด้วย
บางองค์กรสร้าง “พื้นที่จริง” แบบจับต้องได้ ให้สำหรับชาวอินโทรเวิร์ตโดยเฉพาะ เช่น Bristol-Myers Squibb ซึ่งเป็นบริษัทด้านชีวเภสัชภัณฑ์ ได้สร้างห้องสำหรับให้คนอินโทรเวิร์ตชาร์จพลังตัวเอง และมีโปรแกรม Valuably Quiet (เปิดตัวในปี 2021) เป็นทั้งวงเสวนาและคู่มือให้ความรู้ เพื่อช่วยให้ทีมงานเข้าใจและทำงานร่วมกับพนักงานอินโทรเวิร์ตได้ดีขึ้น โดยเฉพาะคนที่ไม่ถนัดการโชว์ต่อหน้าสาธารณะ และมักแพนิคเมื่อถูกถามอะไรแบบกะทันหัน
ขณะที่บริษัทด้านที่ปรึกษาระดับโลกอย่าง KPMG ก็ออกแบบออฟฟิศใหม่ให้มีโต๊ะเดี่ยวอยู่ใกล้คลัสเตอร์โต๊ะทีม วาเนสซา สคาโยนี (Vanessa Scaglione) หัวหน้าฝ่ายอสังหาริมทรัพย์องค์กร บอกว่า วิธีนี้ช่วยให้พนักงานที่อินโทรเวิร์ต “ฟังอยู่ในวง” และมีส่วนร่วมได้ โดยไม่ถูกกดดันให้ต้องพูดหรือแสดงออกตลอดเวลา
ด้าน เจนนิเฟอร์ บี. คาห์นไวเลอร์ (Jennifer B. Kahnweiler) นักพูด เจ้าของรายการพอดแคสต์ และผู้เขียนหนังสือ Creating Introvert-Friendly Workplaces ได้แชร์คำแนะนำไว้ว่า สิ่งที่จะทำให้คนอินโทรเวิร์ตทำงานได้ดี ก็คือ การมีพื้นที่เงียบในออฟฟิศ, การถามพนักงานว่าเขาทำงานได้ดีที่สุดแบบไหน, และตั้งกลุ่มอาสาสมัคร (ERG) ที่คอยดูแลเพื่อนชาวอินโทรเวิร์ต ผ่านกิจกรรมแรงกดดันต่ำ เช่น ชมรมหนังสือ หรือคอมมูนิตี้ออนไลน์
ตัวอย่างคือ Georgia Tech ที่มี Web of Brilliance ERG จัดกิจกรรมแบบ “ไม่บังคับ” อย่าง ชมรมอ่านหนังสือช่วงหน้าร้อน และเวิร์กช็อปงานประดิษฐ์ สกาย ดักเก็ตต์ (Skye Duckett) ผู้บริหารฝ่ายบุคคล บอกว่า ด้วยรากฐานสายวิศวกรรมและเทคฯ ที่ส่วนใหญ่พนักงานมักจะเป็นคนเก็บตัว การสร้างพื้นที่ให้พนักงานกลุ่มนี้มีที่ยืน จึงยิ่งสำคัญ!
ปลายปี…ฤดูกาลที่ชาวอินโทรเวิร์ตแบตหมด ?
อย่างไรก็ตาม อดัม แกรนต์ (Adam Grant) นักจิตวิทยาองค์กร และอาจารย์สาขาบริหารจาก Wharton School ผู้ซึ่งบอกว่า ตัวเองเป็น “อินโทรเวิร์ตที่เข้าสังคมได้” มองว่าการตั้งกลุ่มเฉพาะอาจดูแปลกๆ สิ่งที่ดีกว่าคือสร้างวัฒนธรรม psychological safety ให้พนักงานกล้าพูดได้ว่า เขาทำงานแบบไหนถึงเวิร์ก และมีนโยบายที่ช่วยพวกเขาจริงๆ เช่น ทางเลือกปิดกล้องในการประชุม และความยืดหยุ่นของการทำงานแบบไฮบริด
สอดคล้องกับผลโพลของ Glassdoor ที่ทำการสำรวจพนังกานในกลุ่มมืออาชีพ 800 คน ก็แสดงผลลัพธ์ไปทางเดียวกัน ว่า คุณสมบัติของ “สถานที่ทำงานเป็นมิตรกับอินโทรเวิร์ต” อันดับ 1 คือ การทำงานทางไกล หรือ การทำงานแบบยืดหยุ่น ขณะที่อันดับ 2 คือ “การไม่บังคับเข้าร่วมกิจกรรมสังคม”
อีกทั้ง ความจริงอันดับหนึ่งที่คนอินโทรเวิร์ตมักรู้กันดี คือ เทศกาลปลายปีมักเป็นช่วงที่ความกังวลของพวกเขาพุ่งสูงสุด ทั้งจากปาร์ตี้ออฟฟิศ งานเลี้ยงระหว่างสัปดาห์ และการรวมตัวไปกินข้าวกันหรือเที่ยวเล็กๆ น้อยๆ แบบไม่รู้จบ
เรื่องนี้มีความสำคัญถถึงขนาดว่ามีการจัดตั้ง “วันพักฟื้น” สำหรับชาวอินโทรเวิร์ตขึ้นมาเลยทีเดียว เรียกว่า World Introvert Day ตรงกับวันที่ 2 มกราคม ของทุกปี (เริ่มต้นในปี 2011) เพื่อให้คนอินโทรเวิร์ตได้ชาร์จแบตหลังผ่านช่วง “ถูกบังคับให้ร่าเริง” ในงานสังสรรค์ปีใหม่ แต่เรื่องขำปนเศร้าคือ…มันมักเป็น “วันทำงานวันแรกของปี” ด้วย
Myers-Briggs Co. ระบุว่า ราว 60% ของชาวสหรัฐฯ บอกว่าตัวเองเอนเอียงไปทางอินโทรเวิร์ต และโดยรวมทั่วโลกก็มีคนที่ชอบความเป็นอินโทรเวิร์ตมากกว่าเอ็กซ์โทรเวิร์ต เพียงแต่ในที่ทำงาน โดยเฉพาะในห้องประชุม คนที่เสียงดังมักได้พื้นที่มากกว่า
อย่างไรก็ตาม ปาร์ตี้บริษัทไม่ใช่เรื่องผิดบาปอะไร และก็ไม่จำเป็นต้องถูกยกเลิกด้วย แต่อาจถึงเวลาที่องค์กรต้อง “อัปเดตนิยามความสนุก” ใหม่ จากกิจกรรมเดิมๆ ที่อาจไม่ได้สนุกสำหรับทุกคน เปลี่ยนสู่ความสนุกที่วัดด้วย ความสบายใจและการมีส่วนร่วมได้ในแบบของแต่ละคน เพราะในโลกการทำงานจริง คนที่เงียบไม่ได้แปลว่าไม่มีอะไรจะพูด บางครั้งพวกเขาแค่ต้องการ “พื้นที่ปลอดแรงกดดัน”
และถ้างานเลี้ยงปลายปีทำให้ใครบางคนรู้สึกโดดเดี่ยวเกินไป.. บางทีสิ่งที่เรียกว่า “วัฒนธรรมองค์กรที่ดี” อาจไม่ใช่การบังคับให้ทุกคนสนุกในแบบที่เหมือนกัน แต่คือการทำให้พนักงานทุกคน “อยู่ร่วมกันได้” โดยไม่ต้องฝืนตัวตนของตัวเองมากเกินจำเป็น!
อ้างอิง: The Wall Street Journal, Wtop







