อินเดียจ่าย ‘เงินเดือนแม่บ้าน’ ขณะที่หญิงไทยยังแบกภาระ ‘งานฟรี’

อินเดียจ่าย ‘เงินเดือนแม่บ้าน’ ขณะที่หญิงไทยยังแบกภาระ ‘งานฟรี’

แม่บ้านอินเดียมีเงินเดือน แต่แม่บ้านไทยยังไร้อิสรภาพทางการเงิน? เมื่อรัฐบาลอินเดียเลิกมองงานบ้านคืองานฟรี แต่แม่บ้านคืออาชีพที่มีมูลค่าศักดิ์ศรีที่รัฐต้องจ่าย

KEY

POINTS

  • รัฐบาลท้องถิ่นในหลายรัฐของอินเดียเริ่มมีนโยบายโอนเงินเข้าบัญชีให้แม่บ้านโดยตรง เพื่อเป็นค่าตอบแทนสำหรับงานบ้านที่ไม่มีค่าจ้าง
  • เงินอุดหนุนดังกล่าวช่วยให้ผู้หญิงอินเดียมีอิสรภาพทางการเงิน ศักดิ์ศรี และอำนาจในการตัดสินใจเรื่องต่างๆ ในครอบครัวมากขึ้น
  • แต่แม่บ้านในไทยและอีกหลายๆ ประเทศ ผู้หญิงยังคงแบกรับภาระงานบ้านและดูแลครอบครัวโดยไม่ได้รับการยอมรับในเชิงมูลค่า หรือได้รับค่าตอบแทนจากภาครัฐ

ในขณะที่แม่บ้านไทยต้องตื่นก่อนนอนทีหลัง แบกรับภาระดูแลครอบครัวโดยไม่มีวันหยุดและไม่มีค่าตอบแทน แต่อีกฟากหนึ่งของเอเชียอย่าง ‘อินเดีย’ กำลังเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งประวัติศาสตร์ เมื่อรัฐบาลท้องถิ่นในหลายรัฐเริ่มโอนเงินเข้าบัญชีให้ผู้ที่เป็นแม่บ้าน (ไม่ได้ทำงานหรือมีอาชีพอื่น) โดยตรง เพื่อตอบแทน ‘งานบ้าน’ ที่พวกเธอทำ ผลลัพธ์ที่ได้ไม่ใช่แค่ตัวเลขในบัญชี แต่มันคือการคืนศักดิ์ศรีและอิสรภาพทางการเงินที่ผู้หญิงหลายคนใฝ่ฝันถึง

ปรากฏการณ์นี้กำลังเกิดขึ้นในหมู่บ้านแห่งหนึ่งของรัฐมัธยประเทศ ในอินเดีย โดยเคสตัวอย่างหนึ่งคือ เปรมิลา ภลาวี (Premila Bhalavi) ผู้เป็นภรรยาและแม่บ้านที่ดูแลครอบครัว ได้รับเงินโอนเข้าบัญชีทุกเดือน เดือนละ 1,500 รูปี (ประมาณ 527 บาท) เงินก้อนนี้ไม่ใช่ค่าจ้างจากบริษัท เพราะเธอไม่มีงานทำอย่างเป็นทางการ แต่มันคือเงินอุดหนุนแบบไม่มีเงื่อนไขจากรัฐบาล

เปรมิลา เล่าว่า เงินจำนวนนี้เธอเอาไว้ใช้จ่ายค่าอาหาร ค่ายา และค่าเล่าเรียนของลูกชาย แม้ตัวเลขจะดูไม่มากนัก แต่มันสร้างแรงสั่นสะเทือนที่ยิ่งใหญ่ นั่นคือการมีรายได้ที่คาดการณ์ได้ ความรู้สึกที่ควบคุมชีวิตตัวเองได้ และรสชาติของอิสรภาพทางการเงินที่เธอไม่เคยสัมผัสมาก่อน

เรื่องราวของเปรมิลากำลังกลายเป็นเรื่องปกติใหม่ในอินเดีย ปัจจุบันมีผู้หญิงกว่า 118 ล้านคนใน 12 รัฐ ทั่วประเทศอินเดีย ที่ได้รับเงินโอนจากรัฐบาลแบบไม่มีเงื่อนไข ทำให้อินเดียกลายเป็นพื้นที่ทดลองนโยบายสังคมที่ใหญ่ที่สุดในโลก และเป็นโมเดลที่น่าสนใจสำหรับหลายๆ ประเทศ ที่งานบ้านยังถูกมองว่าเป็นงานฟรีที่ไม่ต้องมีค่าตอบแทน 

จากการอุดหนุน 'น้ำมัน-ข้าวสาร' สู่การจ่ายเงินให้ 'คนทำงานบ้าน'

ที่ผ่านมา อินเดียมักจะอุดหนุนงบประมาณไปที่ราคาน้ำมัน เชื้อเพลิง หรือการจ้างงานในชนบท แต่การเปลี่ยนแปลงล่าสุดนี้ ถือว่าเป็นการถอนรากถอนโคนแนวความคิดดั้งเดิมยิ่งกว่าที่เคย เพราะรัฐบาลเริ่มจ่ายเงินให้ผู้หญิงในฐานะ 'คนเบื้องหลัง' ที่คอยประคับประคองทุกอย่างในบ้านให้เดินหน้าต่อได้ ซึ่งเป็นภาระงานหนักที่พวกเธอต้องแบกรับมาตลอดโดยไม่มีค่าตอบแทน และที่สำคัญคือ พวกเธอเป็นกลุ่มผู้ถือคะแนนเสียงขนาดใหญ่เกินกว่าจะมองข้าม

สำหรับเกณฑ์การรับเงินมีความแตกต่างกันไปในแต่ละพื้นที่ ทั้งเรื่องเกณฑ์อายุ และระดับรายได้ โดยมักจะยกเว้นครอบครัวที่เป็นข้าราชการ ผู้มีรายได้ที่ต้องเสียภาษี ผู้ที่เป็นเจ้าของรถยนต์ และผู้ที่ถือครองที่ดินผืนใหญ่ ศาสตราจารย์ ปราบา โกติสวาราน (Prabha Kotiswaran) จาก King's College London ระบุว่า นี่คือการขยายขอบเขตสวัสดิการรัฐที่ส่งผลดีต่อผู้หญิงกลุ่มแม่บ้านอย่างมีนัยสำคัญ

การจ่ายเงินเดือนให้แม่บ้านอินเดีย เฉลี่ยอยู่ที่ 1,000 ถึง 2,500 รูปีต่อเดือน แม้จะคิดเป็นเพียง 5-12% ของรายได้ครัวเรือน แต่มันมีพลังมหาศาล เพราะความ "สม่ำเสมอ" ประกอบกับปัจจุบันผู้หญิงอินเดียกว่า 300 ล้านคนมีบัญชีธนาคารเป็นของตัวเอง ทำให้การโอนเงินถึงมือพวกเธอโดยตรงเป็นเรื่องง่ายและโปร่งใส

แม่บ้านอีกหลายประเทศไม่มีเงินเดือน 'งานหนักในบ้าน' ยังไม่มีค่าตัว

สิ่งที่ทำให้นโยบายของอินเดียแตกต่างจากเม็กซิโกหรือบราซิล คือการ "ไม่มีเงื่อนไข" เงินจะโอนเข้าบัญชีบรรดาแม่บ้านทันที ไม่ว่าลูกจะไปโรงเรียนหรือไม่ หรือครอบครัวจะอยู่ต่ำกว่าเส้นความยากจนหรือไม่ บางรัฐในอินเดียอย่าง "รัฐทมิฬนาดู" เรียกเงินนี้ว่า "Rights Grant" หรือเงินอุดหนุนตามสิทธิ เพื่อเชิดชูคุณค่าของงานที่มองไม่เห็น

ข้อมูลปี 2024 จากอินเดียระบุว่า ผู้หญิงใช้เวลาทำงานบ้านและดูแลครอบครัวเฉลี่ย 5 ชั่วโมงต่อวัน ซึ่งมากกว่าผู้ชายถึง 7.6 เท่า ภาระที่หนักอึ้งและไม่สมดุลนี้ คือเหตุผลสำคัญที่ทำให้ผู้หญิงเข้าสู่ตลาดแรงงานได้น้อยลง ซึ่งสถานการณ์ของแม่บ้านในหลายประเทศก็มีความใกล้เคียงกัน แต่สิ่งที่ขาดหายไป คือ การ "ยอมรับมูลค่า" ของงานเหล่านี้จากภาครัฐ

แน่นอนว่านโยบายนี้ไม่ได้มีแต่เสียงชื่นชม นักวิจารณ์บางกลุ่มมองว่านี่คือการ "ซื้อเสียง" อย่างโจ่งแจ้ง ในการเลือกตั้งรัฐพิหาร รัฐบาลโอนเงิน 10,000 รูปีให้ผู้หญิง 7.5 ล้านคน ก่อนวันลงคะแนน ผลที่ตามมาคือผู้หญิงออกมาใช้สิทธิมากกว่าผู้ชายและส่งให้รัฐบาลชุดเดิมชนะถล่มทลาย

นอกจากนี้ยังมีประเด็นเรื่องภาระทางการคลัง 12 รัฐในอินเดีย ต้องใช้งบประมาณรวมกันกว่า 1.8 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐในปีนี้ ซึ่งหลายรัฐกำลังประสบภาวะขาดดุลรายได้ จนต้องกู้เงินมาจ่ายสวัสดิการเหล่านี้โดยไม่ได้สร้างทรัพย์สินใหม่ขึ้นมา

ผลลัพธ์ที่เงินซื้อไม่ได้: ศักดิ์ศรีและอำนาจการต่อรอง

แม้จะมีข้อถกเถียงเรื่องงบประมาณ แต่ผลการศึกษาในหลายรัฐพบว่า การที่แม่บ้านได้รับเงินเดือนทำให้พวกเธอมั่นคงขึ้น ทั้งในแง่จิตใจและอิสรภาพทางการเงิน ยกตัวอย่างผลการศึกษาในรัฐเบงกอลตะวันตก พบว่า ผู้หญิง 90% จัดการบัญชีธนาคารด้วยตัวเอง และ 86% เป็นคนตัดสินใจว่าจะใช้เงินอย่างไร

ขณะที่ในรัฐกรรณาฏกะ พบว่า ผู้หญิงที่เป็นแม่บ้านในครัวเรือนมีโภชนาการที่ดีขึ้น และมีสิทธิมีเสียงในการตัดสินใจเรื่องในบ้านมากขึ้น ส่วนในรัฐทมิฬนาดู ผู้หญิงกลุ่มแม่บ้านระบุว่า พวกเธอมีความมั่นใจมากขึ้น ความขัดแย้งกับสามีลดลง เพราะไม่ต้องคอยขอเงินทุกบาททุกสตางค์เพื่อซื้อของใช้ส่วนตัว

ที่สำคัญที่สุด งานวิจัยระบุว่าเงินจำนวนนี้ไม่ได้ทำให้ผู้หญิงขี้เกียจ หรือไม่อยากออกไปหางานทำ แต่มันช่วยให้พวกเธอกล้าตั้งคำถามกับนักการเมือง และรับมือกับเหตุฉุกเฉินได้ดีขึ้น

ก้าวต่อไปของอินเดียคือการทำให้เกณฑ์การรับเงินง่ายขึ้น และสื่อสารให้ชัดเจนว่าเงินนี้คือการตอบแทน "คุณค่าของงานบ้าน" ไม่ใช่เงินสงเคราะห์คนจน นักวิจัยมองว่า หากมีการส่งเสริมเรื่องทักษะทางการเงินควบคู่ไปด้วย เงินก้อนเล็กๆ นี้จะช่วยเปลี่ยนโครงสร้างอำนาจทางเพศในสังคมที่ผู้ชายเป็นใหญ่ได้

สำหรับประเทศไทย บทเรียนเรื่องนี้จากอินเดียน่าจะช่วยสะกิดเตือนให้เราเลิกมองว่า "งานบ้าน" เป็นหน้าที่ตามสัญชาตญาณของแม่บ้านที่ต้องทำฟรีๆ แต่คือ "งานสำคัญ" ที่ขับเคลื่อนสังคม การที่อินเดียซึ่งเป็นประเทศขนาดใหญ่และมีความซับซ้อนสามารถเริ่มต้น "เงินเดือนแม่บ้าน" ได้ จึงเป็นคำถามตัวโตถึงไทย และอีหลายๆ ประเทศทั่วโลก ว่า ถึงเวลาแล้วหรือยังที่จะมอบรายได้และศักดิ์ศรีคืนให้กับผู้หญิงที่ทำงานหนักที่สุดในบ้านของเราเอง

 

อ้างอิง:  BBC