งานวิจัยชี้ “การเลี้ยงสุนัข” ช่วยเสริมสุขภาพจิตวัยรุ่นได้

งานวิจัยจากญี่ปุ่นพบ วัยรุ่นที่เติบโตมากับสุนัขมีแนวโน้มปัญหาทางพฤติกรรมและการเข้าสังคมน้อยลง ความผูกพันและจุลินทรีย์อาจมีบทบาทสำคัญต่อสุขภาพจิต
KEY
POINTS
- งานวิจัยจากญี่ปุ่นชี้ว่าวัยรุ่นที่เติบโตมากับสุนัขมีแนวโน้มเผชิญปัญหาด้านพฤติกรรมและการเข้าสังคมน้อยกว่า และมีความเครียดต่ำกว่า
- นักวิทยาศาสตร์คาดว่ากลไกสำคัญอาจมาจากการ “แบ่งปันจุลินทรีย์” (ไมโครไบโอม) ระหว่างมนุษย์กับสุนัข ซึ่งส่งผลดีต่อพฤติกรรมทางสังคม
- การใช้ชีวิตใกล้ชิดกับสุนัขสามารถช่วยลดความเครียด และกระตุ้นการหลั่งฮอร์โมนออกซิโทซิน (oxytocin) ที่เกี่ยวข้องกับความผูกพันและความรู้สึกปลอดภัย
นักวิทยาศาสตร์พบว่า วัยรุ่นที่เติบโตมากับสุนัขมีแนวโน้มเผชิญปัญหาด้านพฤติกรรมและการเข้าสังคมน้อยกว่าเพื่อนวัยเดียวกัน
งานวิจัยล่าสุดจากญี่ปุ่นชี้ว่า การมีสุนัขอยู่ในบ้าน อาจเป็นหนึ่งในปัจจัยที่ช่วยส่งเสริมสุขภาพจิตของวัยรุ่นได้ วัยรุ่นที่เลี้ยงสุนัขมีระดับความเครียดต่ำกว่า และพบปัญหาด้านพฤติกรรมหรือการเข้าสังคมน้อยลง เมื่อเทียบกับคนที่ไม่ได้มีสัตว์เลี้ยง โดยนักวิทยาศาสตร์กำลังให้ความสนใจกับกลไกหนึ่งที่อาจอยู่เบื้องหลังผลลัพธ์นี้ นั่นคือการ “แบ่งปันจุลินทรีย์” ระหว่างมนุษย์กับสัตว์เลี้ยง
ศาสตราจารย์ ทาเคฟุมิ คิคุซุย (Prof Takefumi Kikusui) จากมหาวิทยาลัย Azabu ประเทศญี่ปุ่น ผู้นำทีมวิจัย อธิบายว่า การใช้ชีวิตใกล้ชิดกับสุนัขสามารถช่วยลดความเครียด และกระตุ้นการหลั่งสาร ออกซิโทซิน (oxytocin) ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่เกี่ยวข้องกับความผูกพัน ความไว้วางใจ และความรู้สึกปลอดภัย
งานวิจัยครั้งนี้ยังชี้ให้เห็นว่า ประโยชน์ของการเลี้ยงสุนัขอาจไม่ได้จำกัดอยู่เพียงแค่ผลดีทางอารมณ์เท่านั้น
ศาสตราจารย์ ทาเคฟุมิ กล่าว่า “มีงานวิจัยจำนวนมากที่รายงานว่าการเลี้ยงสุนัขส่งผลดีต่อสุขภาพจิต และงานของเราชี้ให้เห็นว่า ‘ไมโครไบโอม’ อาจเป็นหนึ่งในกลไกสำคัญที่อยู่เบื้องหลังผลลัพธ์เหล่านั้น”
ไมโครไบโอม (Microbiome) คือ ชุมชนของจุลินทรีย์ทั้งหมด (เช่น แบคทีเรีย ไวรัส เชื้อรา อาร์เคีย) ที่อาศัยอยู่ในสภาพแวดล้อมที่จำเพาะเจาะจง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในร่างกายมนุษย์ (เช่น ในลำไส้ ผิวหนัง)
‘กรุงเทพธุรกิจ จุดประกาย’ จะพาผู้อ่านไปสำรวจงานวิจัยล่าสุดจากญี่ปุ่น ที่เชื่อมโยงการเลี้ยงสุนัขเข้ากับสุขภาพจิตของวัยรุ่น ผ่านมุมมองของวิทยาศาสตร์ จุลินทรีย์ และความผูกพันระหว่างมนุษย์กับสัตว์เลี้ยงอย่างรอบด้าน
การเติบโตในบ้านที่มีสุนัข
งานวิจัยชิ้นนี้ ตีพิมพ์ในวารสารวิชาการ iScience โดยทีมนักวิทยาศาสตร์ได้ใช้ข้อมูลจากโครงการ Tokyo Teenager Cohort Study ซึ่งติดตามวัยรุ่นที่มีสุขภาพกายและใจแข็งแรงจำนวน 343 คน อย่างต่อเนื่อง ในกลุ่มตัวอย่างนี้ มีวัยรุ่น 96 คนที่เติบโตมากับสุนัขในบ้าน
ผลการศึกษาเผยให้เห็นว่า วัยรุ่นที่เลี้ยงสุนัขตั้งแต่อายุ 13 ปี มีแนวโน้มเผชิญปัญหาด้านพฤติกรรมและการเข้าสังคมน้อยลงอย่างชัดเจนในวัย 14 ปี เมื่อเทียบกับวัยรุ่นที่ไม่ได้เลี้ยงสัตว์เลี้ยง
งานวิจัยพบว่า วัยรุ่นที่เลี้ยงสุนัขมักมีปัญหาในเรื่องต่อไปนี้น้อยกว่า
- ความยากลำบากในการเข้าสังคม
- พฤติกรรมเก็บตัวหรือหลีกเลี่ยงการปฏิสัมพันธ์
- ปัญหาด้านความคิดและการรับรู้
- พฤติกรรมก้าวร้าวหรือแสดงอารมณ์รุนแรง
- พฤติกรรมฝ่าฝืนกฎหรือการกระทำที่ไม่เหมาะสม
ผลลัพธ์เหล่านี้สะท้อนว่า การเติบโตมากับสุนัขอาจช่วยสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อพัฒนาการทางอารมณ์และสังคมของวัยรุ่นได้มากกว่าที่คาดคิดไว้
บทบาทของ “จุลินทรีย์” ในร่างกาย
นักวิจัยยังได้ตรวจสอบ จุลินทรีย์ในน้ำลายของวัยรุ่น แล้วพบว่า แม้จะมีความคล้ายคลึงกันโดยรวม แต่มีแบคทีเรียบางชนิดถึง 12 สายพันธุ์ เช่น Streptococcus และ Prevotella ที่พบในปริมาณน้อยกว่ามากในกลุ่มที่ไม่ได้เลี้ยงสุนัข
เพื่อทำความเข้าใจผลลัพธ์นี้ให้มากขึ้น ทีมวิจัยจึงนำจุลินทรีย์จากน้ำลายของวัยรุ่นไปถ่ายโอนให้หนูทดลองที่ไม่มีจุลินทรีย์ในร่างกาย ปรากฎว่า หนูที่ได้รับจุลินทรีย์จากวัยรุ่นที่เลี้ยงสุนัข แสดงพฤติกรรมทางสังคมมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการเข้าไปดมหนูที่ไม่คุ้นเคย หรือการเข้าไปใกล้หนูตัวอื่นที่อยู่ในกรง
ศาสตราจารย์ทาเคฟุมิ อธิบายว่า พฤติกรรมลักษณะนี้เรียกว่า “preconcern” หรือ “empathetic concern” ซึ่งหมายถึง การแสดงออกถึงความสนใจและความเห็นอกเห็นใจผู้อื่น ทั้งในมนุษย์และสัตว์
นอกจากนี้ ทีมวิจัยยังพบว่า จุลินทรีย์บางชนิดในลำไส้ของหนูมีความสัมพันธ์กับพฤติกรรมทางสังคม และจุลินทรีย์สายพันธุ์เดียวกันนี้ ก็เชื่อมโยงกับพฤติกรรมของวัยรุ่นด้วย
“แม้จะไม่สามารถเปรียบเทียบพฤติกรรมของมนุษย์กับหนูได้โดยตรง แต่ผลลัพธ์เหล่านี้ชี้ให้เห็นว่า ไมโครไบโอม อาจมีส่วนช่วยปรับพฤติกรรมทางสังคมของวัยรุ่น หลังจากการใช้ชีวิตร่วมกับสุนัข”
ข้อจำกัดของงานวิจัย
อย่างไรก็ตาม งานวิจัยนี้ยังมีข้อจำกัด โดยทีมวิจัยไม่ได้ตรวจสอบจุลินทรีย์ที่มาจากตัวสุนัขโดยตรง ทำให้ยังไม่สามารถสรุปได้ชัดเจนว่า ความแตกต่างของจุลินทรีย์เกิดจากการถ่ายทอดจากสุนัข หรือเกิดจากการที่การเลี้ยงสุนัขช่วยลดความเครียด ซึ่งส่งผลต่อไมโครไบโอมทางอ้อม
ศาสตราจารย์ สเตฟาน รีเบอร์ (Prof Stefan Reber) จากมหาวิทยาลัย Ulm ประเทศเยอรมนี ซึ่งไม่ได้มีส่วนร่วมในงานวิจัยนี้ ให้ความเห็นสอดคล้องกันว่า
“สิ่งที่เรารู้ในตอนนี้คือ วัยรุ่นที่เลี้ยงสุนัขมีไมโครไบโอมในน้ำลายที่แตกต่างจากวัยรุ่นที่ไม่ได้เลี้ยงสุนัขเท่านั้น แต่ยังไม่สามารถสรุปกลไกได้ชัดเจน”
นอกจากนี้ นักวิทยาศาสตร์ยังไม่ทราบแน่ชัดว่า จุลินทรีย์เหล่านี้ส่งผลต่อสมองและพฤติกรรมอย่างไร
ไม่จำเป็นต้องเลี้ยงสุนัขเสมอไป
ศาสตราจารย์ ทาเคฟุมิ ย้ำว่า งานวิจัยนี้ไม่ได้หมายความว่าทุกคนควรเลี้ยงสุนัข
“แม้ไม่ได้เลี้ยงสุนัข การดูแลให้ร่างกายมีไมโครไบโอมที่หลากหลาย ก็อาจช่วยปรับคะแนนสุขภาพจิตให้ดีขึ้นได้เช่นกัน”
งานวิจัยชิ้นนี้สะท้อนให้เห็นว่า ความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับสัตว์เลี้ยงอาจลึกซึ้งกว่าที่คิด ไม่เพียงช่วยเยียวยาจิตใจในระดับอารมณ์ แต่ยังอาจเชื่อมโยงไปถึงระบบจุลินทรีย์ในร่างกาย ซึ่งกำลังกลายเป็นประเด็นสำคัญในวงการสุขภาพจิตยุคใหม่ อย่างไรก็ตาม นักวิทยาศาสตร์ยังเน้นย้ำว่า จำเป็นต้องมีการศึกษาต่อเพิ่มเติม เพื่อทำความเข้าใจกลไกเหล่านี้ให้ชัดเจนยิ่งขึ้นในอนาคต
อ้างอิง theguardian , atlaslongitudinaldatasets , genome







