สวยสมมง! 'หนิง ปัทมา' คว้ามิสแกรนด์ชลบุรี เปิดใจขอบคุณตัวเองที่กล้ากลับมาอีกครั้ง

หนิง ปัทมา สวยสมมง คว้าตำแหน่งมิสแกรนด์ชลบุรี 2026 เปิดใจหลังคว้ามงฯ ขอบคุณตัวเองที่กล้า ขอบคุณแฟนๆ ที่ยังตามเชียร์
หลังฝ่าดราม่าสละมงมิสยูนิเวิร์สชลบุรีมาก่อนหน้านี้ของ "หนิง ปัทมา" หรือ ปัทมา จิตรสวัสดิ์ นักร้องลูกทุ่งสาวที่จำต้องทิ้งมงกุฎมิสยูนิเวิร์สชลบุรีเนื่องจากไม่สามารถจัดคิวให้ลงตัวกับงานเดินสายร้องเพลงของตนเองได้
ล่าสุด เธอตามคว้าฝันได้สำเร็จ โดยคว้ามงกุฎ มิสแกรนด์ชลบุรี 2026 ได้เป็นที่สำเร็จเมื่อคืนวันที่ 2 ธ.ค. 68
“ใจยังเต้นเหมือนเดิมเลยค่ะ ใจยังเต้นมากๆ เหมือนเดิม ต่อให้เคยผ่านการประกวดมาแล้ว 1 ครั้งนะคะ วันนี้ก็ยังรู้สึกตื่นเต้นมากๆ แล้วก็ดีใจที่ชื่อหนิง ปัทมา จิตรสวัสดิ์ ได้พูดออกจากเวทีมิสแกรนด์ชลบุรี
ปีนี้เค้าเรียกว่าผู้เข้าแข่งขันเยอะกว่ารอบมิสยูนิเวิร์สใช่มั้ยคะ ก็ค่อนข้างน่ากลัว ก็สวยๆ เยอะ ความสามารถก็เยอะ หนูเป็นคนขี้กลัว (หัวเราะ)
รู้สึกดีใจมากๆ ที่หลายๆ คนก็ยังเชียร์เราในครั้งที่เราเคยแบบทำให้หลายๆ คนแบบรู้สึกผิดหวังหรือเสียใจก็แล้วแต่ แต่การกลับมาครั้งนี้หนูบอกเลยว่าหนูสู้ 100% พร้อมสู้ค่ะ
ในการอันดับแรกต้องขอบคุณตัวเองก่อนนะคะ ที่กล้าที่จะเอาตัวเองเข้ามาสู่การประกวดอีกครั้งนึง เพื่อพิสูจน์ให้ทุกท่านได้เห็นว่าการมาครั้งเนี้ย หนูมาด้วยความแบบตั้งมั่น แล้วก็จริงจังกับมันจริงๆ”
ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้ หนิง ปัทมา อยู่ในกระแสข่าวหลังจากประกาศทิ้งตำแหน่งมิสยูนิเวิร์สชลบุรี เพื่อเลือกเดินเส้นทางนักร้อง เนื่องจากไม่สามารถจัดคิวงานให้ลงตัวได้
"หนิงต้องเลือก ระหว่างการเป็นนางงามกับอาชีพ สุดท้ายเลือกในสิ่งที่รักและเป็นอาชีพที่ทำอยู่ เพราะถ้าผ่านเข้ารอบในประเทศ ต้องเก็บตัว 1 เดือน ไม่สามารถทำงานอื่น ๆ ได้
เราต้องคำนึงถึงทีมงานเบื้องหลังของเรา พวกเขามีงานตลอด เขาทำงานให้เรา เป็นอาชีพที่เรารัก อยู่คู่กับเรามาตั้งแต่เด็ก จำเป็นต้องเลือกทางนี้ก่อน”
โดยก่อนหน้านี้ หนิงได้เปิดใจกับ “กรุงเทพธุรกิจ” โดยยืนยันว่า ไม่ได้มีปัญหากับกองประกวด เป็นเพียงแต่ไม่สามารถจัดคิวงานให้ลงตัวได้ พร้อมประกาศว่า หากมีโอกาสก็จะกลับมาขึ้นเวทีนางงามอีกครั้ง
แล้วเธอก็กลับมาตามที่เคยพูดไว้ และทำได้สำเร็จ
"กรุงเทพธุรกิจ" ชวนอ่านบทสนทนากับหนิง ปัทมา เมื่อกลางปี 2568 ที่ผ่านมา โดยย่อดังนี้
นางงาม คือ เวทีแห่งโอกาส
รักในอาชีพ เหตุใดถึงมาสมัครประกวดนางงาม ? หนิงตอบว่า เพราะ พี่ ๆ แฟนคลับยุเยอะมาก
"พวกเขาอยากเห็นหนิงในบทบาทอื่น นอกจากนักร้อง ก็ถือว่าประสบความสำเร็จ เพราะหนิงได้รับมง
พี่ ๆ เขาอยากรู้ว่าถ้าผ่านจังหวัดแล้ว ไปเก็บตัวระดับประเทศ หนิงจะไปสุดได้แค่ไหน เขาอยากเห็นหนิงไปลึกที่สุดของการเป็นนางงามเหมือนกัน
ก่อนการประกวด ไปเรียนเดินเลยค่ะ เพราะปกติหนิงค่อนข้างซุ่มซ่าม ต้องปรับภาพลักษณ์ให้เป็นมิส ส่วนเรื่องลดน้ำหนัก ไม่ได้ตั้งใจ น่าจะเกิดจากการทำงานเยอะ กินไม่เป็นเวลา
การเป็นนางงาม ต้องปรับบุคลิกภาพค่อนข้างเยอะ ส่วนการเป็นนักร้อง การร้องเพลงเราคุ้นชินมาตั้งแต่เด็ก ๆ เป็นสิ่งที่เรารัก
พอสละมง พวกพี่ ๆ แฟนคลับเขาก็เสียดาย บอกว่าอยากเห็นหนิงไปต่ออีกสักเวทีหนึ่งที่มันจะสุดความสามารถที่หนิงจะทำได้ เหมือนเราประกวดระดับจังหวัดได้แล้วก็ต้องไประดับประเทศ
เรื่องประกวดนางงาม คือการพิสูจน์ให้เห็นว่าเรามาทำให้ดูแล้ว หนูไม่ได้สวยขนาดที่จะต้องไปเวทีนางงามขนาดนั้น
สิ่งที่ยากที่สุดคือ การเอาชนะใจตัวเอง หนิงเป็นคนขี้กลัวคนหนึ่ง พอเราข้ามความกลัวมาได้ ก็มาปรับบุคลิกภาพตัวเองให้เหมาะสมกับบริบทนั้น ๆ
ถ้าไปเวทีแกรนด์ หนิงอาจจะไม่ต้องเปลี่ยนแปลงอะไร แต่ในบริบทของมิสยูนิเวิร์ส ภาพที่ออกมาต้องสวยงาม สง่า ไม่เป็นม้าดีดกะโหลก มันค่อนข้างขัดกับบุคลิกนิดหนึ่งค่ะ
ความประทับใจหรือประสบการณ์ที่ได้รับจากการประกวดคือ มิตรภาพ และการได้เรียนรู้ผู้คน ต้องขอบคุณทีมงานจังหวัดที่ดูแลเอาใจใส่หนิงเป็นอย่างดี และผู้คนรอบข้างก็ดูแลดีเช่นกัน
สำหรับคลิปที่สวมมงร้องเพลง คืองานอาฟเตอร์ปาร์ตี้ ไม่ได้ตั้งใจที่จะทำให้เวทีเสียหาย แค่อยากเผยความเป็นตัวเองออกมาแค่นั้นเอง"
ภาพ : ตะวันแดงมหาซน ณ ขอนแก่น
นักร้อง คือ ความฝัน
หนิงเล่าว่า เป็นนักร้องมาตั้งแต่อายุ 12 ตอนนี้อายุ 32 แล้ว
"ไม่เคยแฉลบไปทางอื่นเลย เป็นแม่ค้าออนไลน์บ้าง เพื่อความอยู่รอด ส่วนหนัง ละคร ซิทคอมไม่เคยเลย มาแฉลบที่นางงามเลย เป็นอันเดียวที่ไปแบบเต็มตัว ท้าทายมาก ออกจากเซฟโซนเลย
ตอนเด็ก ๆ คุณครูให้เขียนความฝัน ตอบว่า นักร้อง จุดหมายเดียวคือการเป็นนักร้อง สิ่งที่ทำให้อยากเป็นนักร้องคือ แม่ชอบร้องเพลง หนิงอยากร้องเพลงเป็น อยากให้เขาภูมิใจที่เราเป็นนักร้อง
หนิงสนิทกับคุณตาคุณยายมาก เลี้ยงมาตั้งแต่เด็ก ๆ รักกันมาก ผูกพันกันมาก วันที่จบปริญญาโท แบกชุดครุยไปถ่ายที่สุรินทร์ ถามตาว่าภูมิใจไหมที่มีหนูเป็นหลาน ปริญญาโทใบนี้ก็เป็นใบแรกของลูกหลานในบ้านเรา ตาภูมิใจถึงกับน้ำตาไหลเลยค่ะ รู้สึกว่าความเหนื่อยตรงนั้นทำให้ครอบครัวเราเชิดหน้าชูตาได้ หนิงโตมากับตายาย ท่านสอนให้หาเลี้ยงดูตัวเองด้วยอาชีพที่ตัวเองทำได้
ความฝันคือ อยากมีเพลงฮิตติดหูสักเพลงหนึ่ง เพลงลูกทุ่ง ไว ๆ สนุกสนาน แค่เพลงเพลงเดียวหนิงก็ตายตาหลับแล้วค่ะ
ความสุขคือ การร้องเพลง การจับไมค์ มอบความบันเทิงให้คนดู เห็นคนดูสนุกหนิงก็มีความสุข
หนิงขอบคุณทุก ๆ คนที่อยู่ในด้อมและทุกคนที่เป็นแรงซัพพอร์ตให้ ขอบคุณมากค่ะ
ส่วนเรื่องการแสดง ตอนแรกไม่กล้ารับ แต่ตอนนี้ เปิดใจรับแล้วค่ะ พร้อมเรียนรู้ ลองแคสติ้งดู และมุ่งเน้นเรื่องเพลง เต็มที่กับมันที่สุด"







