4 นิสัย คนประสบความสำเร็จสูงมีเหมือนกัน เลิกคิดเยอะแล้วลงมือทำ!

คนที่ประสบความสำเร็จไม่ได้โชคดีกว่าใคร แต่ “ลงมือทำ” มากกว่า นักจิตวิทยา Ivy League เผย 4 นิสัยแห่งความสำเร็จ คือ สนใจในสิ่งที่ทำ ตั้งใจฝึกฝน เป้าหมายยิ่งใหญ่ ไม่ยอมแพ้
KEY
POINTS
- คนที่ประสบความสำเร็จมักทำในสิ่งที่ตนเองสนใจอย่างแท้จริง โดยเน้นการลงมือทำเพื่อค้นหาความชอบ แทนที่จะมัวแต่คิดวนไปมาหรือลังเลใจ
- พวกเขาฝึกฝนอย่างมีเป้าหมายและตั้งใจ (Deliberate Practice) เพื่อพัฒนาตนเองให้เก่งขึ้น ไม่ใช่แค่ทำซ้ำไปวันๆ
- การมีเป้าหมายที่ยิ่งใหญ่กว่าตัวเองและเชื่อมโยงกับผู้อื่น เป็นแรงผลักดันสำคัญที่ทำให้มุ่งมั่นและรับผิดชอบต่อสิ่งที่ทำ
- มีความเชื่อว่าความพยายามจะทำให้เติบโต และใช้ "ชัยชนะเล็กๆ" (Small Wins) ในแต่ละวันเพื่อสร้างกำลังใจให้ก้าวต่อไป
คนที่สามารถบรรลุเป้าหมายได้อย่างต่อเนื่อง มักมีลักษณะบางอย่างที่คล้ายกันเสมอ นั่นคือสิ่งที่ แองเจลา ดักเวิร์ธ (Angela Duckworth) นักจิตวิทยาและศาสตราจารย์จาก มหาวิทยาลัยเพนซิลเวเนีย (University of Pennsylvania) ค้นพบจากการศึกษามานานกว่า 15 ปี
เธอคือผู้เขียนหนังสือขายดีระดับโลก “Grit: The Power of Passion and Perseverance” และเป็นผู้บุกเบิกแนวคิดเรื่อง “กริต (grit)” ซึ่งหมายถึง ความมุ่งมั่นและความพยายามระยะยาว ที่ทำให้คนหนึ่งคนประสบความสำเร็จได้เหนือคนทั่วไป
ในการให้สัมภาษณ์ในรายการ The Mel Robbins Podcast เมื่อวันที่ 13 ตุลาคมที่ผ่านมา ดักเวิร์ธสรุปว่า “คนที่ประสบความสำเร็จในระยะยาว” มักมี 4 คุณลักษณะสำคัญเหมือนกัน ดังนี้
1. พวกเขาทำในสิ่งที่ “สนใจจริงๆ”
รู้หรือไม่? “คนที่เก่งในสิ่งที่ตัวเองทำได้อย่างยอดเยี่ยม มักมีใจที่อยากอยู่กับเรื่องนั้นตลอดเวลา” ดักเวิร์ธ อธิบายว่า ความหลงใหล (passion) ไม่ได้เกิดขึ้นจากแรงผลักดันภายนอก แต่มาจาก “เมล็ดพันธุ์แห่งความสนใจ” ที่ปลูกอยู่ในใจเราตั้งแต่แรก
ถ้าคุณยังไม่รู้ว่าตัวเองชอบอะไรหรืออยากทำอะไรจริงๆ ให้สังเกตจากสิ่งรอบตัว อย่างเช่น เวลาคนใกล้ตัวพูดว่า ‘เธอพูดเรื่องนี้บ่อยมากเลยนะ’ นั่นอาจเป็นสัญญาณว่าเรากำลังสนใจบางอย่างโดยไม่รู้ตัว และแทนที่จะนั่งคิดว่า “สิ่งที่ใช่” คืออะไร ดักเวิร์ธแนะนำให้ “ลองทำมันเลย”
“อย่าแค่คิด อย่ามัวแต่เขียนไดอารี่ถามตัวเองว่าฉันชอบอะไร ลองลงมือทำเลย เพราะความสนใจของเราก็เหมือนตอนได้กินอาหาร คุณไม่มีทางรู้ว่าชอบหรือไม่ จนกว่าจะได้ลองชิมจริงๆ” เธอ ย้ำให้เห็นภาพชัด
2. พวกเขาฝึกฝนอย่างตั้งใจ ไม่ใช่แค่ทำซ้ำไปวันๆ
ดักเวิร์ธเล่าว่า เธอเคยสงสัยว่าทำไมตัวเองวิ่งออกกำลังกายเป็นประจำ แต่กลับไม่เก่งขึ้นเลย จนกระทั่งอาจารย์ที่ปรึกษาของเธอในอดีต นักจิตวิทยาชื่อดังผู้ล่วงลับ แอนเดอร์ส อีริกสัน (Anders Ericsson) ถามคำถามสำคัญกับเธอว่า
“เธอตั้งเป้าหมายชัดไหม?”
“เวลาออกกำลังกาย เธอใส่สมาธิเต็มร้อยไหม?”
“เธอเคยขอคำแนะนำเพื่อปรับปรุงตัวเองไหม?”
คำตอบของดักเวิร์ธคือ “ไม่เลย” และนั่นทำให้เธอรู้ว่าที่ผ่านมา เธอไม่ได้ฝึกฝนเพื่อพัฒนา แต่แค่ทำซ้ำโดยไม่มีจุดมุ่งหมาย ดังนั้น การฝึกฝนที่แท้จริง ต้องมี “ความตั้งใจ” (intentional) บวกกับ “ความพยายาม” (deliberate) ซึ่งเป็นสิ่งที่แยก “คนเก่งขึ้นเรื่อย ๆ” ออกจาก “คนที่ย่ำอยู่กับที่”
3. พวกเขามี “เป้าหมายที่ใหญ่กว่าตัวเอง”
อีกหนึ่งคุณลักษณะสำคัญคือ “ความรู้สึกว่ากำลังทำเพื่อบางสิ่งที่ยิ่งใหญ่กว่าเรา”
หรือพูดง่ายๆ คือ “การมีเป้าหมายที่เชื่อมโยงกับผู้อื่น” เนื่องจากการมีเป้าหมายแบบนี้ช่วยให้เรารับผิดชอบกับสิ่งที่ทำมากขึ้น เพราะรู้ว่าความพยายามของเรา “มีคนที่ได้รับผลลัพธ์จากมันจริงๆ”
แต่ในขณะเดียวกัน ผู้เขียนและคุณหมอ จอร์แดน กรูเม็ต (Jordan Grumet) เตือนว่า อย่ามองเป้าหมายใหญ่จนลืมเห็นคุณค่าของ “กระบวนการ” ที่กำลังเกิดขึ้น
“การโฟกัสแค่ผลลัพธ์สุดท้าย อาจทำให้เรามองข้ามความสุขระหว่างทาง” โดยเขาเคยเขียนถึงประเด็นนี้ในบทความบน CNBC Make It ไว้ว่า “ในขณะที่เป้าหมายใหญ่ต้องใช้เวลาเป็นปีหรือเป็นสิบปี แต่การลงมือทำในแต่ละวันต่างหาก ที่ทำให้ชีวิตเรามีความหมายจริงๆ”
4. พวกเขาเชื่อว่า “ความพยายามของวันนี้ จะทำให้ตัวเองดีขึ้นในวันหน้า”
ดักเวิร์ธบอกว่า ความเชื่อเล็กๆ นี้คือ “เชื้อเพลิงของความพยายาม” เพราะคนที่มองเห็นคุณค่าของการเติบโต จะไม่ท้อแม้ต้องเริ่มจากศูนย์ และเมื่อรู้สึกท้อแท้ เธอมีวิธีง่ายๆ ที่ใช้ปลุกตัวเองให้กลับมาเดินหน้าต่อ
เธอยกตัวอย่างวิธีของเธอเองว่า “ฉันจะหยิบปากกาขึ้นมา แล้วเขียน To-do list ที่ง่ายมากๆ เช่น ‘เปิด Google Docs’ จากนั้นก็เปิด แล้วติ๊กว่าเสร็จแล้ว” นั่นแหละคือชัยชนะเล็กๆ (small win) ที่ช่วยให้เรารู้สึกว่าเรา ‘ขยับไปข้างหน้า’ แม้จะเพียงนิดเดียว”
สุดท้ายแล้ว ความสำเร็จไม่ใช่เรื่องของพรสวรรค์ แต่คือ “นิสัยเล็กๆ ที่ทำซ้ำอย่างมีจุดหมาย” ดังนั้นจึงอาจพูดได้ว่า คนที่ประสบความสำเร็จจึงไม่ใช่คนที่มีแรงบันดาลใจมากกว่า แต่คือคนที่ “ลงมือทำมากกว่า” และบางครั้ง คำแนะนำที่ดีที่สุด อาจไม่ใช่ “หาความฝันให้เจอ” แต่คือการ “เลิกมัวแต่ถามตัวเองหรือลังเล แล้วลุกขึ้นไปลองทำมันจริงๆ สักที”
อ้างอิง: CNBC, Angela Duckworth, Mel Robbins







