Gen Z หันเดทในออฟฟิศแทนแอปหาคู่ เมื่อความรักออนไลน์ไม่ตอบโจทย์

Gen Z หันเดทในออฟฟิศแทนแอปหาคู่ เมื่อความรักออนไลน์ไม่ตอบโจทย์

เทรนด์ “RTO Romance” ในที่ทำงาน เมื่อ Gen Z มองการกลับเข้าออฟฟิศคือโอกาสเจอคนที่ใช่ เหตุเหนื่อยล้าจากแอปหาคู่เบื่อความสัมพันธ์ออนไลน์ฉาบฉวย อยากเจอคนตัวจริงมากกว่า

KEY

POINTS

  • คนรุ่นใหม่ รู้สึกเบื่อหน่ายกับความสัมพันธ์ที่ฉาบฉวยจากแอปหาคู่ จึงหันมามองออฟฟิศเป็นพื้นที่ใหม่ในการสร้างความสัมพันธ์ที่จริงใจ
  • นโยบายกลับเข้าทำงานที่ออฟฟิศ (RTO) ทำให้คนรุ่นใหม่มองว่าที่ทำงานเป็นพื้นที่ทางสังคม ที่ช่วยเพิ่มโอกาสในการพบเจอความรักและคนที่ใช่!
  • Gen Z มีทัศนคติที่เปิดกว้างต่อความรักในที่ทำงานมากกว่าคนรุ่นก่อน และเชื่อว่าสามารถส่งผลดีต่อแรงจูงใจและความสุขในการทำงานได้
  • แม้จะเปิดใจกับความรักในที่ทำงาน แต่ Gen Z ตระหนักถึงความเสี่ยง โดยเฉพาะความสัมพันธ์ระหว่างหัวหน้ากับลูกน้อง ที่มองว่าเป็นสิ่งที่ไม่เหมาะสม

ในขณะที่เหล่าผู้บริหารกำลังเฝ้าดูตัวเลขประสิทธิภาพการทำงานและประเมินผลจากนโยบาย “กลับเข้าออฟฟิศ” หรือ RTO (Return to Office) อย่างเข้มข้น กลุ่มคนทำงานรุ่นใหม่อย่าง Gen Z กลับกำลังให้ความสนใจกับอีกเรื่องหนึ่งโดยสิ้นเชิง นั่นคือ “ชีวิตรักในที่ทำงาน” ที่ดูเหมือนจะกลับมามีบทบาทอีกครั้งจากวัยทำงานทั่วโลกก้าวผ่านยุคโควิดมาได้หลายปี

ผลสำรวจจากแพลตฟอร์ม EduBirdie ซึ่งทำการศึกษาพฤติกรรมคนทำงานรุ่นใหม่ในสหรัฐฯ พบว่า 1 ใน 3 ของ พนักงานรุ่น Gen Z มองว่าการกลับเข้าออฟฟิศช่วยเพิ่มโอกาสในการเจอความรัก สิ่งนี้สะท้อนให้เห็นถึงการเปลี่ยนมุมมองของคนรุ่นใหม่ที่เริ่มมอง “ที่ทำงาน” ไม่ใช่แค่สถานที่ทำงาน แต่เป็น “พื้นที่ทางสังคม” ที่อาจพาความสัมพันธ์ดีๆ เข้ามาในชีวิต

ในขณะที่ผู้บริหารกำลังห่วงเรื่องประสิทธิภาพการทำงาน ฝ่าย HR กลับต้องจับตาดูแลพนักงาน ในประเด็นที่เกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อนร่วมงาน ที่เริ่มจะ ก้าวข้าม “ขอบเขต” ของเฟรนด์โซนมากขึ้นเรื่อยๆ

เอเวอรี มอร์แกน (Avery Morgan) ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายทรัพยากรบุคคลของ EduBirdie อธิบายว่า Gen Z โหยหาความจริงใจในโลกที่เต็มไปด้วยโปรไฟล์แต่งสวยและการสไลด์ไม่รู้จบ พวกเขาเบื่อแอปหาคู่ และอยากรู้จักคนจริงๆ ในสถานการณ์จริง ตั้งแต่การเดินทางร่วมกัน มื้อเที่ยงในออฟฟิศ ไปจนถึงบทสนทนาเล็กๆ ใน Slack”

แอปหาคู่เริ่มหมดเสน่ห์ “ออฟฟิศ” กลายเป็นสนามรักยุคใหม่

รายงานการวิจัยข้างต้น เผยด้วยว่า 79% ของคน Gen Z รู้สึกหมดไฟกับการใช้แอปหาคู่ หรือที่เรียกว่า "Dating App Burnout" เพราะมองว่าความสัมพันธ์บนโลกดิจิทัลเต็มไปด้วยความฉาบฉวย และสร้างความเหนื่อยล้าทางอารมณ์
ทำให้พวกเขาเริ่มกลับไปมองหาการพบเจอในโลกจริง ไม่ว่าจะผ่านแวดวงเพื่อนๆ คนรอบตัว แวดวงสังคม หรือแม้แต่ในที่ทำงาน

ที่น่าสนใจคือ 21% ของ Gen Z ยอมรับว่าเคย “สมัครงาน” เพราะอยากเจอคนพิเศษในออฟฟิศ และคนรุ่นใหม่อีก 15% เลือกที่จะทำงานในอุตสาหกรรมหรือบริษัท จากความคาดหวังว่าจะได้พบคนที่มีค่านิยมคล้ายกัน

นี่ไม่ใช่แค่เรื่องของความรักในเชิงส่วนตัวเท่านั้น แต่สะท้อนถึง “ความเปลี่ยนแปลงทางสังคม” ของคนรุ่นใหม่ที่มองว่า โลกออนไลน์ไม่สามารถทดแทนประสบการณ์จริงของการพบปะผู้คนได้อีกต่อไป

ที่ทำงานกลายเป็นพื้นที่ความสัมพันธ์ “จริง” มากกว่า “รูปแบบเสมือน”

ข้อมูลจาก สมาคมทรัพยากรบุคคลแห่งสหรัฐฯ (SHRM) เสริมภาพนี้ได้อย่างชัดเจน โดยระบุว่า มากกว่า 1 ใน 3 (กว่า 33%) ของคนทำงานทุกวัยมี “Work Spouse” หรือ เพื่อนร่วมงานที่มีความสัมพันธ์สนิทสนมในลักษณะเพื่อนสนิทพิเศษ
และที่น่าสนใจคือ กว่า 40% ยอมรับว่ารู้สึกเกินกว่าเพื่อนกับคนๆ นั้น

สำหรับ Gen Z และมิลเลนเนียล พวกเขามองว่า ความสัมพันธ์ในที่ทำงานไม่ใช่เรื่องต้องห้ามอีกต่อไป อีกทั้ง กว่า 50% ของคน Gen Z และ 60% ของมิลเลนเนียล เห็นว่า ความรักในออฟฟิศ “เป็นสิ่งที่ยอมรับได้” ขณะที่ในกลุ่มเบบี้บูมเมอร์ มีเพียง 1 ใน 4 เท่านั้นที่มองแบบเดียวกัน

สิ่งที่ต่างไปคือ “ความกล้าเปิดเผย” โดยคนรุ่น Gen Z พร้อมที่จะพูดคุยเรื่องนี้มากกว่ารุ่นก่อน โดยเกือบครึ่งหนึ่งของพวกเขาบอกหัวหน้าโดยตรง ว่า ตนเองอยู่ในความสัมพันธ์แบบมากเกินกว่าเพื่อนกับเพื่อนร่วมงาน โดย 30% เลือกบอกทันที และ 17% ค่อยเปิดเผยในภายหลัง

เมื่อความรักอาจเป็นแรงผลักดันที่ดีต่อการทำงาน

แม้เรื่อง “ความสัมพันธ์ในที่ทำงาน” มักถูกมองว่าเสี่ยงต่อปัญหาภายในองค์กร
แต่ผลสำรวจของ EduBirdie กลับพบว่า ความรักในที่ทำงานอาจส่งผลดีมากกว่าที่คิด โดย 2 ใน 5 ของคน Gen Z เชื่อว่า การมีคนรักในออฟฟิศช่วยเพิ่มแรงจูงใจและประสิทธิภาพการทำงาน

ขณะที่รายงานจาก SHRM ยังพบว่า พนักงานที่อยู่ในความสัมพันธ์ในที่ทำงาน มักรู้สึก “มีความสุขและมีส่วนร่วมกับงานมากขึ้น” อย่างเห็นได้ชัด
- 85% บอกว่าชีวิตการทำงานโดยรวมดีขึ้น
- 83% มีแรงจูงใจสูงขึ้น
- 83% รู้สึกเป็นส่วนหนึ่งขององค์กร
- 81% มีความภักดีต่อบริษัท
- 80% รู้สึกว่าชีวิตสมดุลมากขึ้น

นั่นหมายความว่า “ความสัมพันธ์” อาจไม่ใช่ตัวรบกวนการทำงานเสมอไป ในบางกรณี มันอาจช่วยให้พนักงานรู้สึกผูกพันกับองค์กร และทำงานได้มีความหมายมากขึ้น

แต่ความรักในออฟฟิศก็มาพร้อมความเสี่ยง แน่นอนว่าในอีกมุมหนึ่ง ความโรแมนติกในที่ทำงานก็สร้างความกังวลให้กับฝ่ายทรัพยากรบุคคล (HR) ไม่น้อย โดยผลสำรวจของ EduBirdie พบว่า 20% ของพนักงานกลัวว่าจะกลายเป็น “ประเด็นใน Slack” หากความสัมพันธ์ถูกพูดถึงในวงกว้างในที่ทำงาน และอีก 14% เลือกเก็บความสัมพันธ์ไว้เป็นความลับ เพื่อเลี่ยงปัญหาทางวินัยหรืออคติจากหัวหน้างาน

ข้อมูลจาก SHRM ยังเตือนว่า เมื่อความสัมพันธ์ในที่ทำงานจบไม่สวย มันมักนำไปสู่ผลกระทบต่อองค์กร เช่น การลำเอียงในการประเมินผลงาน การสูญเสียประสิทธิภาพ หรือในบางกรณีอาจถึงขั้นล่วงละเมิดทางจริยธรรมและการฟ้องร้อง

ปัญหายิ่งทวีความซับซ้อนเมื่อบริษัทส่วนใหญ่ ไม่มีนโยบายชัดเจนเกี่ยวกับความสัมพันธ์ในที่ทำงาน โดยครึ่งหนึ่งของพนักงานยอมรับว่าบริษัทของตน “ไม่เคยกำหนดกฎระเบียบเรื่องนี้” และ 41% บอกว่า “ไม่รู้เลยว่าบริษัทมีนโยบายห้ามหรือไม่”

Gen Z เข้าใจความเสี่ยง แต่ยังเลือกเปิดใจ

แม้จะเปิดรับความรักในที่ทำงาน แต่ Gen Z ก็ไม่ได้ไร้เดียงสาต่อผลกระทบที่อาจตามมา พวกเขารู้ดีว่า “เส้นบาง ๆ ระหว่างงานกับหัวใจ” ต้องการความรับผิดชอบร่วมกัน ที่น่าสนใจคือ แม้จะเปิดรับความสัมพันธ์ในระดับเพื่อนร่วมงาน แต่ มากกว่า 40% ของ Gen Z เห็นว่าความสัมพันธ์ระหว่างหัวหน้ากับลูกน้อง ยังเป็นสิ่งที่ไม่เหมาะสมอย่างยิ่ง ..สะท้อนถึงความเข้าใจในประเด็นอำนาจและจริยธรรมในการทำงาน

สถานการณ์นี้ทำให้บทบาทของฝ่าย HR ต้องเปลี่ยนไป จาก “ผู้คอยระวังความรักในออฟฟิศ” สู่ “ผู้จัดการความสัมพันธ์ในเชิงนโยบายและวัฒนธรรมองค์กร” โดย เอเวอรี มอร์แกน จาก EduBirdie กล่าวทิ้งท้ายไว้ได้อย่างน่าสนใจว่า

“เราควรยอมรับความจริงที่ว่า ออฟฟิศคือหนึ่งในไม่กี่ที่ที่ความสัมพันธ์ยังเกิดขึ้นได้จริง สิ่งสำคัญคือการตั้ง ‘ขอบเขต’ ให้ชัดเจน โดยเฉพาะความสัมพันธ์ที่มีอำนาจไม่เท่ากัน เช่น ระหว่างหัวหน้ากับลูกน้อง ซึ่งควรเป็นเรื่องต้องห้ามโดยเด็ดขาด”

เมื่อยุคแห่งการ “กลับเข้าออฟฟิศ” เดินคู่มากับ “ความเบื่อหน่ายต่อโลกออนไลน์”
ปรากฏการณ์ RTO Romance จึงกลายเป็นเรื่องจริงที่องค์กรต้องยอมรับ ในวันที่คนรุ่นใหม่มอง “ออฟฟิศ” เป็นมากกว่าสถานที่ทำงาน การเกิด “ความรักในที่ทำงาน” อาจไม่ใช่สิ่งต้องห้าม หากทุกคนเรียนรู้ที่จะรักอย่างมีสติ และทำงานอย่างมีวุฒิภาวะ

 

 

อ้างอิง: Worklife, EdubirdieEssayproSHRM.org