สรุป 'TREND 2026' เจน X ยังเครียดต่อไป เจน Y เข้าสู่วัยกลางคนเต็มตัว

สรุปรายงาน "เทรนด์โลก 2026" โดย TCDC เจาะอินไซต์คนต่างเจน ขณะที่ Gen X ยังต้องเจอเรื่องเครียดต่อไป (แต่รับมือได้ดี) ส่วน Gen Y ทั้งรุ่นก็จะเข้าสู่วัยกลางคนเต็มตัวแล้ว
สรุปรายงาน "เจาะเทรนด์โลก 2026: Maze of Echoes" โดย ศูนย์สร้างสรรค์การออกแบบ (TCDC) ภายใต้สํานักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (องค์การมหาชน) หรือ Creative Economy Agency (CEA) ในปีหน้า 2026 หรือ พ.ศ. 2569 นั้น เตรียมตัวเข้าสู่โลกที่เต็มไปด้วยความยุ่งเหยิง (MAZE OF CHAOS) ผู้คนจำนวนมากจะโหยหาการเชื่อมต่อระหว่างกันมากขึ้น และให้ความสำคัญกับพื้นที่ส่วนตัวในชีวิตจริงอย่างไม่น่าเชื่อ
ขณะที่คนรุ่นใหม่มองว่าโลกนี้เต็มไปด้วยความขัดแย้งทางการเมือง ปัญหาสิ่งแวดล้อม และสงคราม แต่พวกเขาก็เชื่อว่าปัญญาประดิษฐ์ (AI) คือเครื่องมือที่จะช่วยพลิกวิธีคิดได้
เกี่ยวกับพฤติกรรม ความคิด ความเชื่อ ของคนแต่ละกลุ่มเจเนอเรชัน ในปี 2026 นั้น กรุงเทพธุรกิจ สรุปจากรายงานดังกล่าวไว้ให้ที่นี่แล้ว
เบบี้บูมเมอร์ (Baby Boomers: 1946–1964) ถึงตัวจะแก่ แต่หัวใจยังสดชื่น
กลุ่มเบบี้บูมเมอร์ เป็นเจเนอเรชั่นที่อายุระหว่าง 62 - 80 ปี ในปี 2026 และเมื่อถึงปี 2030 จะมีอายุระหว่าง 66 - 84 ปี เรียกได้ว่าเป็น "ผู้สูงอายุตอนต้น (Young Old)" ซึ่งจะมีจำนวน 61 ล้านคนทั่วโลก
ลักษณะร่วมของคนกลุ่มนี้ คือ ถึงแม้จะแก่ตัว แต่หัวใจยังสดชื่น และจากอายุที่มากขึ้นซึ่งทำให้ต้องใส่ใจกับเรื่องสุขภาพร่างกาย แต่พวกเขาก็มาพร้อมกับเสถียรภาพทางการเงินและมีอำนาจในการจับจ่ายใช้สอย พวกเขามีทัศนคติที่ไม่ละเลยเรื่องความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อมด้วย
ในมุมเศรษฐกิจและการบริโภค พบว่า ประชากรโลกที่มีอายุมากกว่า 65 ปีเพิ่มขึ้นในอัตราที่เร็วกว่าประชากรที่อายุน้อย โดยในปี 2025 ที่ผ่านมา คนที่มีอายุ 50 ปีขึ้นไป เป็นฝ่ายขับเคลื่อนการเติบโตของการใช้จ่ายทั่วโลก โดย 60% ของมูลค่าการใช้จ่ายนี้อยู่ในจีนและสหรัฐอเมริกา และ 79% อยู่ในสหภาพยุโรป
ขณะเดียวกัน พวกเขายังคงให้ความสำคัญเรื่องสุขภาพและความแข็งแรงของร่างกาย โดยเฉพาะเบบี้บูมเมอร์ชาวจีน 2 ใน 3 คน จะทุ่มเงินไปกับการออกกำลังกาย
นอกจากนี้ รายงานฉบับดังกล่าวยังบอกให้จับตาคำว่า บลูโซน (Blue Zones) ให้ดี เพราะกระแสธุรกิจที่พัฒนาแหล่งพักผ่อนสำหรับผู้สูงอายุทั่วโลกกำลังมาแรง ภายใต้แนวคิด "บลูโซน" (Blue Zones) เช่น Bluceira ในโปรตุเกส ที่มีเป้าหมายยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้สูงวัย 60 ปีขึ้นไป ด้วยโปรแกรมการพักผ่อนแบบองค์รวมที่อิงจากภูมิภาคโซนสีน้ำเงินทั่วโลก ครอบคลุมตั้งแต่ออกกำลังกาย การกินอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการ และการทำกิจกรรมต่าง ๆ เช่น ทำสวนหรือเดินป่า
ในแง่การพักผ่อนและการท่องเที่ยว พวกเขายังคงให้ความสำคัญเรื่องการพักผ่อน และไม่หยุดที่จะสร้างเสริมประสบการณ์ชีวิตด้วยการทำกิจกรรมท่องเที่ยวสารพัดรูปแบบ ธุรกิจที่มอบบริการท่องเที่ยวเพื่อสุขภาพและความสุขทางใจจึงเป็นตัวเลือกอันดับต้น ๆ (เช่น บริษัท Saga ที่ออกแบบทัวร์สำหรับคน 50 ปีขึ้นไปโดยเฉพาะ)
สำหรับแบรนด์ กลยุทธ์ที่น่าสนใจคือการตลาดแบบหลากหลายช่วงวัย (Multi-generational marketing) เช่น แฟชั่นที่แสดงให้เห็นว่าคนต่างวัยสามารถใส่เสื้อผ้าจากคอลเล็กชันเดียวกันได้ และให้ความรู้สึกแบบ Timeless Design อย่างไรก็ตาม ผู้ที่มีอายุ 55 ปีขึ้นไปในสหราชอาณาจักรถึง 88% ไม่พอใจกับภาพลักษณ์ของตนเองในโฆษณา
เจนเอ็กซ์ (Gen X: 1965–1980) เครียดแล้ว เครียดอยู่ เครียดต่อไป (แต่รับมือได้ดี)
ข้อมูลศึกษาวิจัยโดย Linkedin ในปี 2019 พบว่า เจนเอ็กซ์เผชิญภาวะความเครียดสูงสุดเมื่อเทียบกับเจนอื่นๆ ทั้งเรื่องความสมดุลระหว่างชีวิตกับการทำงาน ความมั่นคงในหน้าที่การงาน การรักษาเป้าหมายในชีวิต รวมถึงความมั่นคงในช่วงเกษียณ ข้อมูลในปี 2021 ยังแสดงให้เห็นด้วยว่า แนวโน้มนี้ยังคงดำเนินต่อไป โดยเจนเอ็กซ์ 22% ยอมรับว่า ต่อสู้กับความเครียดทุกวัน
แม้ว่า เจนเอ็กซ์อาจมีความเครียดมากที่สุด แต่ก็มีความพร้อมในการจัดการกับสถานการณ์ต่างๆ มากที่สุด ด้วยภูมิหลังของพวกเขาเติบโตมากับการคิดหาทางออกด้วยตนเอง การรู้จักปรับตัวจนมีทักษะความยืดหยุ่นที่เป็นเอกลักษณ์
สมาคมจิตวิทยาอเมริกัน ชี้ให้เห็นว่า "ความเครียดสามารถเกิดขึ้นได้กับทุกช่วงวัย แต่สำหรับคนเจนเอ็กซ์ ดูเหมือนพวกเขาจะมีทักษะการรับมือกับความเครียดได้ดี แม้จะรู้สึกกดดันมากกว่ากลุ่มคนอื่นก็ตาม"
แม้จะถูกขนานนามว่าเป็น “เจนที่ถูกลืม” และเป็นเจนที่มีจำนวนน้อย แต่เจนเอ็กซ์กลับเป็นผู้สร้างอิทธิพลต่อโลกอย่างมาก ปัจจุบัน ซีอีโอของบริษัทยักษ์ใหญ่จาก 500 Fortune โดย Fast Company มากกว่าครึ่งหนึ่งอยู่ในกลุ่มเจนเอ็กซ์ เช่น เจฟฟ์ เบโซส, อีลอน มัสก์, สัตยา นาเดลลา, แลร์รี่ เพจ และ เซอร์เกย์ บริน ล้วนเป็นผลผลิตจากช่วงยุคปฏิวัติคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล ช่วงปลายทศวรรษ 1970 ถึงต้นทศวรรษ 1990
ปัจจุบัน กลุ่มเจนเอ็กซ์คิดเป็น 31% ของประชากรโลก และ 27% ของรายจ่ายทั่วโลก รวมถึงมีแนวโน้มที่จะกลายเป็นศูนย์กลางความมั่งคั่งมากที่สุดในปี 2026 โดยมีการเติบโตของบุคคลที่มีมูลค่าทรัพย์สินในระดับสูง (High-Net-Worth Individuals : HNWIs)
นอกจากนี้ ตามรายงานดังกล่าวยังบอกอีกว่า อย่าประเมิน TikTok ว่า มีไว้สำหรับคนรุ่นใหม่เท่านั้น เพราะยังมีครีเอเตอร์เจนเอ็กซ์ที่ได้รับความสนใจมากขึ้นด้วย
ชาวมิลเลนเนียล (Millennials: 1981–1995) เตรียมเข้าสู่ "วัยกลางคนเต็มตัว"
ข้อมูลน่าสนใจ คือ ในปีหน้า มิลเลนเนียลอายุน้อยที่สุด ก็จะตบเท้าเข้าสู่อายุเลข 3 กันอย่างพร้อมเพรียง โดยในปี 2026 ชาวมิลเลนเนียล หรือ Gen Y จะถูกขนานนามว่า เป็น “วัยกลางคน” เต็มตัว
สำหรับกลุ่มมิลเลนเนียลนั้น นับว่า “ขับเคลื่อนโซเชียลมีเดีย” ไม่แพ้เจนซี
และในภาวะเศรษฐกิจถดถอยเช่นนี้ ชาวมิลเลนเนียล 47% หวนคิดถึงชีวิตที่เรียบง่ายยุค 90 และปี 2000 ร่วมกระแสย้อนยุค (Nostalgia) โดยนำเทรนด์แฟชั่น Y2K กลับมาและแพร่กระจายไปยังกลุ่มเจนซี ในปี 2026 อุตสาหกรรมบันเทิงที่นำประสบการณ์ในอดีตกลับมา (เช่น เพลงยุค 70, 80, 90 บน TikTok) จะสามารถเข้าถึงและได้รับการตอบรับที่ดีมากถึง 46% โดยใช้ความ "คิดถึง" เป็นกุญแจปลอบประโลมใจจากความเหนื่อยล้า
ในส่วนสไตล์การใช้ชีวิต พบว่า 88% ของชาวมิลเลนเนียลยังคงสืบค้นสินค้าและของตกแต่งในสไตล์มินิมอล (Minimalism) โดยใส่ใจเรื่องชุดสี (เช่น Earth tone และสีแนวเรโทร) เพื่อบ่งบอกตัวตน พวกเขามักใช้สีที่ให้ความรู้สึกหรูหราและสุขภาพดี
แนวโน้มด้านสุขภาพ พบแนวโน้ม "Sober Is The New Cool" (ทัศนคติการดื่มแบบไร้แอลกอฮอล์) กำลังมาแรง ซึ่งเป็นผลจากการหันมารักและดูแลสุขภาพตัวเองมากขึ้น และเปลี่ยนโฟกัสไปที่การเชื่อมต่อที่มีความหมายและการมีช่วงเวลาที่น่าจดจำ
พวกเขายังให้ความสนใจกับโภชนาการตามเวลาชีวภาพ (Chrononutrition) ซึ่งเป็นสไตล์ที่เน้นการกินอาหารตามจังหวะเวลาของร่างกาย (Circadian Rhythm) เช่น การทำ Intermittent Fasting (IF)
ในบทบาทผู้ปกครองและการท่องเที่ยว พ่อแม่มิลเลนเนียล 89% ชื่นชอบวางแผนท่องเที่ยวของครอบครัวในช่วงวันหยุด 44% ใช้ AI วางแผนกิจกรรม คำนวณงบประมาณ แนะนำการเดินทาง และออกแบบแผนท่องเที่ยวเฉพาะบุคคล โดยคำนึงถึงสถานที่ที่สามารถทำกิจกรรมได้สำหรับคนทุกช่วงวัย
เจนซี (Gen Z: 1996–2011) กับ New Culture Code
เจนซีเติบโตมาพร้อมกับเทคโนโลยีและเป็น "ดิจิทัลเนทีฟ" อย่างแท้จริง โดย "รหัสทางวัฒนธรรมใหม่ (New Culture Code)" ถูกขนานนามว่าเป็นตัวตนของเจนซีในปี 2026 โดยแบ่งเป็น 2 โหมด ได้แก่
- Dark Mode (โหมดออฟไลน์) : ใช้เวลากับพื้นที่ส่วนตัว (Private Space) ในกิจกรรมที่ปล่อยจอย (ผ่อนคลาย) ซ่อนรสนิยมความชอบที่แตกต่าง เสพความหรูหรา และเปิดเผยเฉพาะเพื่อนที่รู้ใจ (คอนเซ็ปต์ OIYK - Only If You Know)
- Chronically Online (โหมดออนไลน์แบบตะโกน) : เห็นความจำเป็นของโซเชียลมีเดียเป็นเครื่องมือกระตุ้นความคิดสร้างสรรค์
ในเรื่องการจับจ่าย พวกเขาจริงจังกับการบริหารค่าใช้จ่ายในงบประมาณของตนเอง และเกิดกระแส "อวดการประหยัดให้โลกรู้ (Loud Budgeting)" บน TikTok ซึ่งมีผู้เข้าชมกว่า 2.5 ล้านครั้ง
โดยเจนซีชาวอเมริกันและยุโรป 93% ใส่ใจเรื่องค่าใช้จ่ายเกินงบเมื่อต้องออกไปรับประทานอาหารนอกบ้าน และ 70% นิยมใช้ TikTok เป็นแพลตฟอร์มแนะนำร้านอาหาร
ที่สำคัญ คือ พวกเขาเป็นกำลังหลักใน "Dupe Culture" (สินค้าเลียนแบบ) โดย 61% มักมองหาสินค้าลอกเลียนแบบหรือสินค้าที่ชอบในราคาถูกกว่า
เจนซีชาวจีนกำลังปรับรูปแบบการใช้ชีวิตให้ไม่ตึงเครียด ไม่ติดแกลม เลิกวิ่งตามกระแส และเน้นความคุ้มทุนมากกว่าโอ้อวด
ในเรื่องการทำงานและการพักผ่อน เจนซีในเอเชียแปซิฟิก 93% วางแผนการเงินและวันลาเพื่อใช้สำหรับกิจกรรมและงานอดิเรกที่ชื่นชอบ (เช่น งานแฟนด้อมศิลปินหรืองานอีสปอร์ต) ซึ่งถือเป็น "หลุมหลบภัยชั่วคราว" จากความตึงเครียดทางสังคมและเศรษฐกิจ
บทบาทในครอบครัวและการเดินทาง หลายคนยังคงอาศัยอยู่กับครอบครัว 87% ในเอเชียแปซิฟิก รับหน้าที่เป็นหัวหน้าโปรเจกต์ท่องเที่ยวของครอบครัว พวกเขาชอบการท่องเที่ยวที่ใช้ชีวิตเสมือนคนพื้นถิ่น
ด้านสุขภาพ/สังคม พวกเขารู้สึกหมดไฟกับแอปหาคู่ (79% ในสหรัฐฯ) เป็นกลุ่มที่โหยหาพื้นที่ส่วนตัวและพื้นที่ทางสังคม (Social Space) เพื่อสร้างมิตรภาพ และเป็นคลื่นลูกที่ห้าของเฟมินิสต์ที่พยายามล้มล้างบทบาททางเพศ
เจนอัลฟา (Gen Alpha: 2012–2024) เจนไอแพดที่อยากใช้ชีวิตจริงๆ
เจนอัลฟาคือกลุ่มที่มีอายุระหว่าง 1-12 ปีในปี 2025 พวกเขาได้ฉายาว่า “เจนไอแพด” เนื่องจากใช้ชีวิตวัยเด็กท่ามกลางการล็อกดาวน์
เกี่ยวกับพฤติกรรมและความสัมพันธ์ แม้จะได้ฉายาว่า "เจนไอแพด" แต่ผลที่ตามมาคือพวกเขากลับชอบปฏิสัมพันธ์ในชีวิตจริงมากกว่าดิจิทัล ต้องการมีเพื่อนและสร้างความสัมพันธ์ที่ดี 67% ของเด็กอายุ 9-13 ปีในสหรัฐฯ ชอบรับประทานอาหารกับครอบครัวและเพื่อนมากกว่าการดูทีวีหรือเลื่อนฟีดโซเชียลมีเดีย
ในเรื่องการเรียนรู้และความคิดสร้างสรรค์ พวกเขาให้ความสำคัญกับการเล่น อารมณ์ขัน และความคิดสร้างสรรค์ ในฐานะเครื่องมือในการเชื่อมต่อ 90% รู้สึกมีความสุขมากขึ้นเมื่อได้เล่น
การศึกษา: พวกเขาจะหันมาใช้แบรนด์ต่าง ๆ เพื่อการศึกษาหัวข้อที่ถูกตัดออกจากหลักสูตรรัฐบาล (เช่น การต่อต้านการเหยียดเชื้อชาติ, สิทธิ LGBTQ+) สื่อการเรียนรู้ที่ชื่นชอบที่สุดคือ วิดีโอฮาวทู (How-to) และ DIY และวิธีเรียนรู้ที่ดีที่สุดคือเกมและประสบการณ์แบบอินเทอร์แอกทีฟ
ด้านสุขภาพจิต: พ่อแม่มิลเลนเนียลที่ดูแลเจนอัลฟาจะใส่ใจสุขภาพกายและใจ และสอนให้เด็กรู้จักดูแลสุขภาพจิตของตนเอง (6 ใน 10 คนในสหรัฐฯ อายุ 12-14 ปี)
เจนเบต้า (Gen Beta: 2025 onwards) ผู้มีเพื่อนเป็น AI
เจนเบต้าคือกลุ่มที่กำลังจะเติบโตในยุคที่ AI เข้ามามีบทบาทสำคัญที่สุด โดยมี AI เป็นเพื่อนคนแรก
นอกจากนี้ ในยุคของเอไอ พ่อแม่ได้เริ่มป้อนข้อมูลลูกน้อยลงในระบบผู้ช่วย AI ทำให้ AI กลายเป็นเพื่อนที่รู้ใจคนแรกของเจนเบต้า แนวโน้มนี้ส่งผลให้ยอดขายอุปกรณ์ผู้ช่วยเสียง (เช่น Alexa ที่มีรูปสัตว์) และอุปกรณ์กล้องวงจรปิดที่ทำหน้าที่พี่เลี้ยงเด็กเพิ่มขึ้น
ส่วนของเล่นนั้น ผู้ปกครองมีความพิถีพิถันในการเลือกของเล่นที่ต้องช่วยเพิ่มปฏิสัมพันธ์กับผู้ใหญ่ คำว่า Kidult ถูกใช้เพื่ออธิบายของเล่นที่เป็นตัวแทนเชื่อมโยงระหว่างคนต่างเจน
อ้างอิงข้อมูล : TCDC







