ย้อนรอยพระราชกรณียกิจ 'สมเด็จพระพันปีหลวง' ผู้ทรงเป็นนักอนุรักษ์ล้ำยุค

ย้อนรำลึกพระราชกรณียกิจใน สมเด็จพระพันปีหลวง พระผู้ทรงมีสายพระเนตรกว้างไกลด้านสิ่งแวดล้อม ทรงริเริ่มโครงการ 'ป่ารักน้ำ' เพื่อฟื้นฟูธรรมชาติในประเทศไทย
KEY
POINTS
- ทรงริเริ่มโครงการ “ป่ารักน้ำ” เพื่อฟื้นฟูสภาพป่าเสื่อมโทรม โดยปลูกไม้หลายชนิดผสมผสานกันเพื่อสร้างสมดุลระหว่างการอนุรักษ์และวิถีชีวิตของราษฎร
- ทรงมีพระราชดำริด้านการอนุรักษ์สัตว์ป่ามาอย่างยาวนานก่อนที่กระแสสังคมจะตื่นตัว โดยเฉพาะการจัดตั้ง “โครงการอนุรักษ์พันธุ์เต่าทะเล” เพื่อป้องกันการสูญพันธุ์
- ทรงเป็นต้นแบบของนักอนุรักษ์ที่ลงมือปฏิบัติด้วยพระองค์เอง ทรงให้ความสำคัญกับการปลูกฝังและสร้างความตระหนักรู้ให้ประชาชนเห็นคุณค่าของทรัพยากรธรรมชาติ
น้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้ใน สมเด็จพระพันปีหลวง หรือสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ผู้ทรงมีสายพระเนตรกว้างไกลด้านสิ่งแวดล้อม ทรงริเริ่มโครงการ 'ป่ารักน้ำ' เพื่อฟื้นฟูธรรมชาติ และทรงเป็นผู้จุดประกาย 'งานอนุรักษ์พันธุ์เต่าทะเล' ให้คงอยู่คู่ทะเลไทย
พระราชจริยวัตรแห่งความห่วงใยในสรรพสิ่ง
สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง นั้น ทรงโปรดธรรมชาติยิ่งนัก และทรงเข้าพระทัยดีถึงความสำคัญของป่าไม้ ต้นน้ำลำธารที่มีต่อชีวิตของมนุษย์และสรรพสัตว์ พระองค์ทรงสอนข้าราชบริพารให้ช่วยกันรักษาป่าอยู่เสมอ ดั่งบทกลอนที่กล่าวถึงพระราชปณิธานนี้
"ห่วงโลกจะร้อนแล้ง น้ำจะแห้งจะเหือดหาย
แผ่นดินจะมลาย และส่ำสัตว์จะสิ้นสูญ"
ในระหว่างที่เสด็จแปรพระราชฐานไปประทับแรม ณ พระตำหนักภูพิงคราชนิเวศน์ จังหวัดเชียงใหม่ หากทรงว่างจากพระราชกิจ มักจะทรงพระราชดำเนินไปตามทางเท้าขึ้นเขาเข้าป่าอยู่เสมอ ด้วยความที่ทรงใส่พระทัยในรายละเอียดของธรรมชาติ หากทรงพบว่ามีผู้ทิ้งก้นบุหรี่ลงบนกองใบไม้แห้งจนไฟกำลังคุขึ้น
พระองค์จะทรงตำหนิ และรับสั่งให้ข้าราชบริพารทราบถึงอันตรายของการทิ้งเชื้อไฟลงในป่า เพราะใบไม้แห้งเป็นเชื้อไฟอย่างดี หากเกิดไฟไหม้ ไฟจะลุกลามอย่างรวดเร็วทำให้ดับยาก และจะก่อให้เกิดความเสียหายใหญ่หลวง ทั้งสัตว์ป่าก็จะแตกตื่นและอาจล้มตายในกองไฟได้
ด้วยเหตุนี้เอง ทุกครั้งที่ทรงพระดำเนินไปพบว่าไฟกำลังลุกอยู่ ณ จุดใด จะทรงหยุดขบวนและมีพระราชเสาวนีย์ให้คนในขบวนไปดับไฟเสียทันที หากไฟลุกลามเกินกำลังที่จะดับได้เอง ก็จะทรงมีพระราชเสาวนีย์ให้แจ้งเจ้าหน้าที่ป่าไม้มาดำเนินการทันที นอกจากนี้ พระองค์ยังทรงมุ่งมั่นที่จะอบรมชาวบ้านให้ช่วยกันรักษาป่าและต้นน้ำลำธารอย่างต่อเนื่อง ผ่านการสอดแทรกความรู้นี้ไว้ในสมุดภาพที่พระราชทานแก่ศาลารวมใจมาเป็นเวลาเกือบ 20 ปี
พระราชดำริ "ป่ารักน้ำ" เพื่อความยั่งยืนของแผ่นดิน
เมื่อทรงพบว่าป่าไม้ถูกทำลายจนเหลือน้อยลงทุกที สมเด็จพระพันปีหลวง จึงทรงมีพระราชดำริที่สำคัญยิ่ง คือการริเริ่ม โครงการป่ารักน้ำ ขึ้นเป็นครั้งแรกที่จังหวัดสกลนคร เมื่อพุทธศักราช 2525 โดยโปรดเกล้าฯ ให้หาที่ดินที่รกร้างว่างเปล่า หรือป่าที่เสื่อมโทรมแล้ว เพื่อนำต้นไม้ไปปลูก และให้ชาวบ้านช่วยกันดูแลฟื้นฟูผืนป่า
ทรงนำความขึ้นกราบบังคมทูลปรึกษาพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ในเรื่องชนิดของต้นไม้ที่จะนำไปปลูก ซึ่งทรงโปรดให้ปลูกต้นไม้หลายจำพวกสลับกันไปอย่างชาญฉลาด
การปลูกนั้นประกอบด้วยไม้โตเร็ว เช่น กระถินยักษ์ และยูคาลิปตัส เพื่อให้ช่วยเป็นร่มเงาแก่ไม้เศรษฐกิจ เช่น ไม้สัก ไม้แดง ไม้เต็งรัง เป็นต้น นอกจากนี้ก็มีไม้ใช้สอยในชีวิตประจำวันของชาวบ้าน เช่น ไม้ไผ่ แคบ้าน และกระถิน
โดยไม้เหล่านี้จะปลูกสับหว่างกันไป และเมื่อไม้เศรษฐกิจเติบโตแข็งแรงแล้ว ก็อนุญาตให้ชาวบ้านตัดไม้โตเร็วและไม้ใช้สอยออกไปใช้ได้ ซึ่งเป็นรูปแบบที่สร้างสมดุลระหว่างการอนุรักษ์และการใช้ประโยชน์ในชีวิตประจำวันของราษฎรได้อย่างยั่งยืน
พระวิสัยทัศน์ล้ำยุคในการอนุรักษ์สัตว์ป่า
พระราชกรณียกิจของพระองค์ในด้านการอนุรักษ์พันธุ์สัตว์ป่าก็มีความสำคัญยิ่ง โดยทรงมีพระราชดำริที่จะอนุรักษ์ไว้ไม่ให้สูญพันธุ์มานานแล้ว ก่อนที่จะมีการตื่นตัวเรื่องอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมอย่างกว้างขวางเช่นปัจจุบันนี้เสียอีก
เวลาเสด็จพระราชดำเนินไปต่างจังหวัด มักมีชาวบ้านนำสัตว์ป่ามาถวาย เช่น นกเหงือก ไก่ฟ้า กระจง เป็นต้น ซึ่งจะโปรดเกล้าฯ ให้ส่งไปเลี้ยงไว้เพื่อขยายพันธุ์ และเมื่อมีจำนวนมากพอสมควรแล้ว ก็ให้นำไปปล่อยคืนสู่ป่าตามธรรมชาติเพื่อดำรงความหลากหลายทางชีวภาพ
นอกจากนี้ งานด้านอนุรักษ์พันธุ์สัตว์ที่ สมเด็จพระพันปีหลวง ทรงริเริ่มมาเกือบ 20 ปีแล้ว แต่ยังไม่ใคร่มีผู้ทราบกันนัก คือ งานอนุรักษ์พันธุ์เต่าทะเล เนื่องจากทรงเห็นว่าคนไทยนิยมรับประทานไข่เต่า หรือที่เรียกกันว่า "ไข่จะละเม็ด" กันมาก ทรงเกรงว่าเต่าทะเลจะสูญพันธุ์ไปจากน่านน้ำไทย จึงโปรดเกล้าฯ ให้หาซื้อที่เพื่อเพาะเลี้ยงขยายพันธุ์เต่าทะเล ซึ่งเมื่อ ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช ได้ทราบถึงพระราชประสงค์ ก็ได้น้อมเกล้าฯ ถวาย เกาะมันใน จังหวัดระยอง ให้เป็นที่ทรงเพาะเลี้ยงเต่าทะเลตามพระราชดำริ
จากนั้น ทรงโปรดเกล้าฯ ให้พลเรือเอกนิรันดร์ ศิรินาวิน สมุหราชองครักษ์ในสมัยนั้นเป็นผู้ดำเนินการโครงการ โดยได้ขอความร่วมมือจากกรมประมง ทำให้ “โครงการสมเด็จฯ อนุรักษ์พันธุ์เต่าทะเล” ได้กำเนิดขึ้นและอยู่ในความดูแลของกรมประมงตลอดมา โครงการนี้สามารถเพาะพันธุ์เต่าทะเลได้เป็นจำนวนมาก และเมื่อลูกเต่าเติบโตแข็งแรงพอที่จะหาอาหารกินเองได้แล้ว ก็จะนำไปปล่อยลงในทะเล
ด้วยพระวิสัยทัศน์อันกว้างไกลและพระเมตตาที่ทรงมีต่อสรรพสิ่ง อาจเป็นไปได้ว่า ที่เต่าทะเลในน่านน้ำไทยยังคงมีอยู่จนทุกวันนี้ ก็เพราะพระมหากรุณาธิคุณของ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ของเรานั่นเอง
พระราชกรณียกิจด้าน การพิทักษ์รักษาสรรพสิ่ง เหล่านี้ แสดงให้เห็นถึงพระมหากรุณาธิคุณที่มิได้จำกัดอยู่เพียงมนุษย์ แต่แผ่ไพศาลครอบคลุมไปถึงสรรพสัตว์และสิ่งแวดล้อมธรรมชาติ จะเห็นได้ว่า.. พระราชปณิธานที่ทรงริเริ่มโครงการ ป่ารักน้ำ และงานอนุรักษ์พันธุ์เต่าทะเล ยังคงเป็น มรดกทางธรรมชาติอันยิ่งใหญ่ ที่ดำรงอยู่คู่แผ่นดินไทย เพื่อให้ลูกหลานได้อาศัยและพึ่งพิงอย่างยั่งยืน พระวิสัยทัศน์อันกว้างไกลและพระเมตตาที่ทรงมีต่อสรรพสิ่ง จะยังคงสถิตอยู่ในความทรงจำและดวงใจของพสกนิกรชาวไทยตลอดไป
อ้างอิง: Royaloffice, พระลาน











