Gen Z ไม่ชอบร่วมงาน Gen Z ด้วยกัน กดดันเปรียบเทียบ ชอบพี่ Gen Y ที่สุด

Gen Z เบื่อกันเอง? ผลสำรวจใหม่ เผย คนรุ่นใหม่ไม่ชอบทำงานกับรุ่นเดียวกัน เพราะเปรียบเทียบกันตลอดเวลา ชอบทำงานกับรุ่น Gen Y ที่สุด เพราะมีวุฒิภาวะและเข้าใจมนุษย์มากกว่า
KEY
POINTS
- ผลสำรวจเผยว่า Gen Z ราว 3 ใน 10 ไม่ชอบทำงานกับคนรุ่นเดียวกัน เพราะรู้สึกว่าน่ารำคาญ มีการแข่งขันสูง และกดดันจากการเปรียบเทียบ
- คนรุ่น Gen Z ส่วนใหญ่รู้สึกสบายใจ และชอบทำงานร่วมกับคนรุ่น Millennials (Gen Y) มากที่สุด เพราะมองว่ามีความเข้าใจและมั่นคงกว่า
- ผู้เชี่ยวชาญมองว่าความรู้สึกแข่งขันของ Gen Z เป็นผลมาจากการเติบโตในยุคโซเชียลมีเดียที่ต้องสร้างตัวตนและเปรียบเทียบกับผู้อื่นตลอดเวลา
- พฤติกรรมของ Gen Z ที่คนรุ่นเดียวกันไม่ชอบ เช่น การติดออนไลน์ตลอดเวลา การโพสต์ชีวิตส่วนตัวมากเกินไป และการพึ่งพา AI มากเกินไป
เมื่อไม่นานมานี้ มีผลสำรวจใหม่เผยว่า วัยทำงานรุ่น Gen Z ถึง 3 ใน 10 ไม่อยากร่วมงานกับคนรุ่นเดียวกัน เพราะรู้สึกว่า “น่ารำคาญ” และ “แข่งขันกันเกินไป” พร้อมชี้ว่า พวกเขากลับรู้สึกสบายใจกว่าที่จะทำงานกับคนรุ่น Millennials (Gen Y) ที่ดูมีความเข้าใจผู้อื่นและมั่นคงในการทำงานมากกว่า
Gen Z ไม่อยากทำงานกับรุ่นเดียวกัน “สะท้อนตัวตนของตัวเอง”
ในยุคที่คนทำงานรุ่นใหม่อย่าง Gen Z (เกิดระหว่างปี 1997-2012) กำลังกลายเป็นแรงงานหลักของโลก แต่ตอนนี้กำลังเกิดปรากฏการณ์หนึ่งที่น่าสนใจขึ้นมา โดยมีผลการสำรวจจาก Edubirdie ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มออนไลน์ที่ให้บริการช่วยเหลือด้านวิชาการ ที่สอบถาม Gen Z จำนวน 2,000 คน และค้นพบว่า “พวกเขาไม่อยากทำงานกับคนรุ่นเดียวกัน”
โดย 31% ยอมรับว่าไม่ชอบทำงานกับ Gen Z ด้วยกันเอง โดยมองว่าคนรุ่นตัวเอง “น่ารำคาญที่สุด” เมื่อเทียบกับรุ่นอื่นๆ
ในขณะที่มีเพียง 20% เท่านั้น ที่บอกว่าคนรุ่นเบบี้บูมเมอร์ (Baby Boomers) คือกลุ่มที่ทำงานด้วยยากที่สุด และอีก 14% มองว่าคนรุ่น Gen X น่ารำคาญ และมีส่วนน้อยที่สุด (12%) ที่บอกว่าไม่ชอบทำงานกับคนรุ่น Millennials (Gen Y) แปลว่า คน Gen Z ส่วนใหญ่ ชอบทำงานกับคนรุ่น Gen Y มากที่สุดนั่นเอง
สำหรับคนรุ่นนี้ แม้จะเป็นรุ่นที่เติบโตมากับเทคโนโลยีและมีความคิดสร้างสรรค์สูง แต่ Gen Z ก็สร้างชื่อเสียงในด้าน “ทำงานด้วยยาก” มาสักระยะแล้ว ยืนยันจากผลสำรวจจาก Intelligent เมื่อไม่นานก่อนหน้านี้ที่ชี้ว่า
1 ใน 6 ของบริษัทในสหรัฐฯ ยอมรับว่า รู้สึกลังเลที่จะจ้างเด็กจบใหม่ เพราะกังวลเรื่องความพร้อมในการทำงาน รวมถึงทักษะการสื่อสารและความเป็นมืออาชีพ ขณะที่ 60% ของนายจ้าง ยอมรับว่าได้ “เลิกจ้าง” เด็กจบใหม่ที่เพิ่งรับเข้าทำงานในปี 2024 ไปแล้ว
Gen Z วิจารณ์ “รุ่นตัวเอง” หนักกว่าใคร
เมื่อถามถึงสิ่งที่ไม่ชอบในคนรุ่นเดียวกัน ผลสำรวจเผยว่า
- 53% ของ Gen Z เกลียดที่รุ่นตัวเอง “ติดออนไลน์ตลอดเวลา”
- 49% รำคาญพฤติกรรมชอบโพสต์ชีวิตส่วนตัวมากเกินไป
- 42% ไม่ชอบที่ Gen Z พึ่งพา AI มากเกินไป
- 37% บอกว่าเกลียดการ “แกล้งทำเหมือนไม่แคร์ ทั้งที่จริง ๆ ก็แคร์”
- 32% บอกว่าเกลียดนิสัย “อยากแตกต่างตลอดเวลา”
ขณะเดียวกัน 80% ของ Gen Z รู้สึกว่าตัวเองถูกปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรมในที่ทำงาน แต่ก็มีเกือบครึ่ง หรือประมาณ 48% ที่เชื่อว่าคนรุ่นตัวเอง “จะเป็นหัวหน้าที่ดีกว่าคนรุ่น Millennials” ในอนาคต
ด้าน ไบรอัน ดริสคอลล์ (Bryan Driscoll) ที่ปรึกษาด้านทรัพยากรบุคคล อธิบายว่า เหตุผลที่ Gen Z รู้สึกสบายใจกับการทำงานร่วมกับ Gen Y มากกว่า เพราะคนรุ่น Gen Y เป็น “สะพานเชื่อมระหว่างยุคดิจิทัลกับยุคอนาล็อก”
“คนทำงานรุ่นมิลเลนเนียล รู้จักทั้งโลกเทคโนโลยีและโลกความอดทน พวกเขาจึงมีทั้งความร่วมมือและความเข้าใจในมนุษย์ ซึ่งเป็นสิ่งที่ Gen Z ต้องการที่สุดในตอนนี้” ดริสคอลล์ ให้ความเห็นผ่าน Newsweek
เขาอธิบายเพิ่มเติมว่า Gen Z เติบโตมากับยุคที่ต้อง “สร้างแบรนด์ให้ตัวเอง” ตั้งแต่ยังเรียนมัธยม ผ่านโซเชียลมีเดียและการเปรียบเทียบกับคนอื่นตลอดเวลา จึงไม่แปลกที่เมื่อโตมาทำงาน พวกเขาจะรู้สึก “แข่งขัน” มากกว่า “ร่วมมือ” กับเพื่อนร่วมรุ่น
“นี่ไม่ใช่เรื่องของวินัยการทำงานของ Gen Z แต่เป็นผลจากสภาพแวดล้อมที่พวกเขาเติบโตมา โลกการทำงานที่เต็มไปด้วยอาการหมดไฟ การปลดพนักงาน และวัฒนธรรมการทำงานที่เน้นโชว์ออฟ มากกว่าจะโชว์ความจริงใจ” เขากล่าว
คนเรามักไม่อยากทำงานกับคนที่เหมือนตัวเองเกินไป?
เควิน ทอมป์สัน (Kevin Thompson) ซีอีโอของ 9i Capital Group กล่าวในเชิงเปรียบเทียบว่า ปรากฏการณ์นี้ไม่ต่างจากการออกเดต เขาบอกว่า “จากข้อมูลข้างต้นที่ชี้ว่า 30% ของ Gen Z มองเพื่อนรุ่นเดียวกันน่ารำคาญ มันก็เหมือนกับการออกเดต เราไม่อยากคบใครที่เหมือนตัวเองเกินไป” เขากล่าว
ทอมป์สันมองว่า Millennials กลายเป็น “คู่ขาในที่ทำงาน” ที่สมดุลกว่า เพราะเข้าใจวัฒนธรรมของ Gen Z แต่ยังคงความอดทนและวุฒิภาวะจากยุคก่อนหน้าไว้ได้
ขณะที่ ดริสคอลล์ เตือนว่า ปัญหานี้ไม่ใช่เรื่องเล็กสำหรับองค์กร เขามองว่า ในระยะยาว สิ่งนี้จะสะท้อนช่องว่างระหว่างเจเนอเรชันที่นายจ้างมองข้ามไม่ได้ เพราะถ้าคนรุ่นใหม่ไม่ไว้ใจกันเอง การทำงานร่วมกันและนวัตกรรมก็จะลดลงทันที” เขาแนะนำให้องค์กร “เลิกมองคนทำงานจากรุ่น” แล้วหันมาสร้าง “สภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยทางจิตใจ” เพื่อให้คนทุกวัยทำงานร่วมกันโดยไม่รู้สึกเป็นคู่แข่ง
ส่วนทาง อเล็กซ์ บีน (Alex Beene) อาจารย์ด้านการรู้เท่าทันทางการเงิน จากมหาวิทยาลัยเทนเนสซี มองว่า ความแตกต่างภายใน Gen Z เองก็เป็นอีกปัจจัยสำคัญ ในแวดวงของ Gen Z เอง ก็มีทั้งคนที่มุ่งมั่นจะเติบโตในสายอาชีพ และคนที่ไม่ค่อยจริงจังกับการทำงาน ซึ่งช่องว่างนี้ยิ่งเห็นชัดเมื่อเข้ามาอยู่ในองค์กร
เขาบอกด้วยว่า คนรุ่น Gen Z ที่มีเป้าหมายชัดเจน จะชอบทำงานร่วมกับ Millennials มากกว่า เพราะมองว่าคนรุ่นนั้น “เข้าใจเทคโนโลยีแต่ก็รู้ว่าชีวิตออนไลน์ไม่ใช่ทั้งหมดของการทำงาน”
เมื่ออนาคตการทำงานไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป
ทอมป์สันมองว่า เมื่อระบบงานประจำแบบ 9-to-5 เริ่มจางหาย โลกของการทำงานกำลังเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว และ Gen Z คือกลุ่มที่ต้องเผชิญแรงสั่นสะเทือนมากที่สุด
“ความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจและเทคโนโลยี ทำให้ Gen Z ถูกเหมารวมว่า ‘ขี้เกียจ’ หรือ ‘ไม่มีแรงจูงใจ’ ทั้งที่จริง พวกเขาแค่กำลังหาทางอยู่รอดในระบบที่ไม่เหมือนเดิม” เขากล่าว
ทอมป์สันเชื่อว่า เมื่อภาพจำเชิงลบยังคงอยู่ คนรุ่นนี้จะหันไปสร้างเส้นทางของตัวเองมากขึ้น ทั้งในรูปแบบของผู้ประกอบการ (Entrepreneur) หรืออาชีพอิสระที่ให้ความยืดหยุ่นและอิสระมากกว่าเดิม ในที่สุดแล้ว Gen Z จะนิยามคำว่า ‘การทำงาน’ ใหม่ในแบบของตัวเอง
พูดได้ว่าปรากฏการณ์ดังกล่าว อาจเป็นผลสะท้อนจากระบบการทำงานยุคใหม่ ที่หล่อหลอมให้คนรุ่นนี้แข่งขันและเปรียบเทียบกันตั้งแต่ยังไม่เข้าสู่ตลาดแรงงาน หากอยากแก้ไขปัญหานี้ ผู้นำองค์กรหรือหัวหน้าทีมต้องหันมา “สร้างทีมที่ดี” ซึ่งไม่ใช่การจับคนรุ่นเดียวกันมาอยู่ด้วยกัน แต่คือการออกแบบวัฒนธรรมองค์กรที่เปิดโอกาสให้คนต่างรุ่นทำงานร่วมกันอย่างไว้วางใจ
เพราะสุดท้าย..ไม่ว่าจะเป็น Gen Z หรือ Gen Y ความสำเร็จของงานไม่ได้ขึ้นอยู่กับช่วงวัยของพนักงานแต่ละคน แต่ขึ้นอยู่กับ “ความเข้าใจและความร่วมมือ” ที่ทุกคนสร้างร่วมกันในที่ทำงานต่างหาก







