ภาวะ 'สมาธิสั้น' ไม่ใช่แค่ความซน สังเกตอาการ เพื่อรักษาทันท่วงที

ก้าวข้ามความไม่รู้และความกลัวปลดล็อกชีวิตผู้มีภาวะ "สมาธิสั้น" ที่ไม่ใช่แค่เรื่องความซน แล้วอาการสมาธิสั้นเป็นอย่างไร ทำความเข้าใจเพื่อรักษาทันท่วงที
แม้ในปัจจุบัน สังคมไทยจะคุ้นชินและมีความรู้เกี่ยวกับ ภาวะสมาธิสั้น กันมากขึ้นแล้ว ว่า ไม่ได้เป็นเพียงอาการซนอย่างที่หลายคนเคยเข้าใจ หากเป็นความผิดปกติทางสมองที่ส่งผลต่อการควบคุมตนเองและการจดจ่อ อย่างไรก็ตาม การจะช่วยผลักดันให้ผู้มีภาวะสมาธิสั้นได้แสดงศักยภาพสูงสุดของตัวเองออกมาได้นั้น ยังคงเป็นความท้าทาย ที่ต้องพึ่งพาหลายภาคส่วนของสังคม ช่วยกันขับเคลื่อน
ข้อมูลที่อาจทำให้ตกใจ คือ ทราบไหมว่า อัตราการป่วยด้วยโรคสมาธิสั้นในคนไทยสูงถึง 5-8% ซึ่งถือว่า เกือบสูงสุดเมื่อเทียบกับนานาประเทศ
ศ.เกียรติคุณ นพ.รณชัย คงสกนธ์ อดีตแพทยสมาคมแห่งประเทศไทยฯ ให้ข้อมูลในงาน “เปิดหัวใจ เข้าใจสมาธิสั้น ปลดล็อกศักยภาพที่แท้จริง” ว่า ถ้าคิดโดยเฉลี่ย จะเท่ากับว่า ห้องเรียน 1 ห้อง จะมีเด็กสมาธิสั้น 1-2 คน
แต่ที่น่าห่วง คือ ผู้ปกครองหลายคนไม่อยากพาบุตรหลานมาพบแพทย์ เพราะกลัวจะถูกมองว่าเป็นโรคจิตเวช ขณะที่ความจริงแล้ว โรคนี้เกี่ยวข้องกับการทำงานผิดปกติของสมอง ซึ่งหากไม่รักษาจะทำให้เด็กไม่สามารถใช้ศักยภาพของตนเองได้เต็มที่
หลายเคสเมื่อหายแล้ว จะสามารถเรียนได้ดี ในทางกลับกัน ผู้ป่วยที่มีพฤติกรรมหุนหันพลันแล่นที่ไม่ได้รักษาอาจก่อให้เกิดความสูญเสียโดยเฉพาะการทะเลาะวิวาททำร้ายกันได้
งานดังกล่าวจึงจัดขึ้นเพื่อแบ่งปันความรู้ สร้างความเข้าใจเกี่ยวกับภาวะสมาธิสั้นอย่างถูกต้อง จัดขึ้นโดยหลายภาคีเครือข่าย ทั้งแพทยสมาคมแห่งประเทศไทยฯ สมาคมจิตแพทย์แห่งประเทศไทย ชมรมจิตแพทย์เด็กและวัยรุ่นแห่งประเทศไทย สมาคมพัฒนาการและพฤติกรรมเด็ก สมาคมกุมารแพทย์แห่งประเทศไทย กรุงเทพมหานคร บริษัท ทรู ดิจิทัล กรุ๊ป จำกัด บริษัท ยูนิชาร์ม (ประเทศไทย) จำกัด บริษัท การ์ตูน คลับ มีเดีย จำกัด และบริษัท ทาเคดา (ประเทศไทย) จำกัด โดยมี ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เป็นประธานเปิดงาน
อาการสมาธิสั้น พร้อมไขกุญแจสู่การรักษา
พญ.ศุภรา เชาว์ปรีชา ตัวแทนนายกสมาคมจิตแพทย์แห่งประเทศไทย ได้ฉายภาพอาการของโรคสมาธิสั้นเพื่อให้ทุกคนได้สังเกตตัวเองและคนรอบข้าง โดยกล่าวว่า การแสดงออกของโรคนี้มีความแตกต่างกันตามพัฒนาการในแต่ละช่วงวัย
ใน "วัยเด็ก" อาการจะเห็นชัด โดยจะมีการเคลื่อนไหวทางกายที่มากกว่าปกติ หุนหันพลันแล่น ชอบทำกิจกรรมตื่นเต้นหวาดเสียว
ส่วน "วัยผู้ใหญ่" แม้พัฒนาการจะช่วยให้พวกเขาปรับปรุงพฤติกรรมได้ดีขึ้น แต่ร่องรอยของความหุนหันพลันแล่นจะยังคงอยู่ และมักส่งผลกระทบชัดเจนต่อความสัมพันธ์ โดยเฉพาะปัญหาที่เกิดจากความใจร้อน อารมณ์หงุดหงิดพุ่งเร็ว มีปากเสียงง่าย
นอกจากนี้ อาจสังเกตได้ว่า มีอาการที่ดูยุกยิก กระวนกระวาย ไม่ค่อยนิ่ง โดยเฉพาะเวลาทำงานที่มักจะไม่เสร็จเป็นชิ้นเป็นอัน หรือทำงานได้แต่มักจะหลุดรั่ว
การวินิจฉัยโรคสมาธิสั้น
สำหรับการวินิจฉัยโรค รศ.นพ.ณัทธร พิทยรัตน์เสถียร ประธานชมรมจิตแพทย์เด็กและวัยรุ่นแห่งประเทศไทย อธิบายว่าจะใช้เกณฑ์จากการประเมินอาการเป็นหลัก
อย่างไรก็ตาม อาการบางอย่างอาจคล้ายคลึงกับโรคทางกายอื่น และมักมีภาวะอื่นร่วมด้วย เช่น ดื้อ ต่อต้าน และวิตกกังวล ซึ่งผู้ที่มีบทบาทสำคัญในกระบวนการรักษา คือ ผู้ปกครอง เพราะข้อมูลจากผู้ปกครองจะเป็นหัวใจสำคัญที่นำไปสู่การวินิจฉัยที่แม่นยำ
แนวทางการรักษาโรคสมาธิสั้น
สำหรับแนวทางการรักษาโรคสมาธิสั้นนั้น โดยทั่วไปจะเริ่มจากการปรับพฤติกรรม ซึ่งผู้ปกครองสามารถช่วยได้มากในการจัดระบบการดูแลและลดสิ่งเร้าในสภาพแวดล้อม เพื่อช่วยให้เด็กสงบลง ซึ่งในบางราย การปรับการดูแลที่ดีจะทำให้อาการดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด และแม้ว่าการใช้ยาจะช่วยให้สมองทำงานดีขึ้น แต่การปรับพฤติกรรมก็ยังคงต้องทำควบคู่กัน
ด้าน ศ.นพ.วิฐารณ บุญสิทธิ ราชวิทยาลัยกุมารแพทย์แห่งประเทศไทย ได้ชี้ให้เห็นถึงอุปสรรคใหญ่ของการเข้าถึงการรักษา
อุปสรรคแรก คือ ความไม่รู้ เพราะผู้ปกครองส่วนมากเข้าใจผิดคิดว่าอาการซน อยู่ไม่นิ่ง หรือการทำงานสะเพร่าของบุตรหลาน เป็นเพียงเพราะซน ดูจอมากเกินไป หรือขี้เกียจ จึงละเลยที่จะพาไปพบแพทย์
อุปสรรคที่สอง คือ ความกลัว ผู้ปกครองบางส่วนมองว่าโรคนี้เป็นโรคที่น่ากลัวจึงเลือกที่จะไม่พามาพบแพทย์ ซึ่งความจริงแล้วโรคนี้มียาจำเพาะที่ใช้มานานเกือบ 80 ปี มีประสิทธิภาพและปลอดภัย และการรักษาไม่ได้มีเป้าหมายแค่การลดอาการที่เป็นอุปสรรค แต่ยังป้องกันผลกระทบที่จะเกิดขึ้นในระยะยาว ทั้งในด้านการเรียน สภาพจิตใจ และความสัมพันธ์กับผู้อื่น การรักษาจึงเป็นการเพิ่มศักยภาพให้ผู้มีภาวะสมาธิสั้นประสบความสำเร็จได้ดีขึ้น และเพิ่มคุณภาพชีวิตให้แก่ตนเองและครอบครัว
ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ได้เอ่ยเสริมถึงบทบาทของกรุงเทพมหานครในการดูแลผู้ที่มีภาวะสมาธิสั้นว่า การดูแลควรทำแบบองค์รวม ต้องอาศัยความร่วมมือที่เข้มแข็งระหว่าง “บ้าน-โรงเรียน-สาธารณสุข”
โดยเฉพาะที่สำคัญที่สุด คือ ความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องของผู้ปกครอง และขอให้ผู้ปกครอง “อย่ากลัวที่จะเปิดเผย” หรือพาบุตรหลานมาตรวจ ถ้ารู้เร็วยิ่งดี เพราะจะนำไปสู่การแก้ไขที่เหมาะสมได้ทันเวลา
"กีฬา" เครื่องมือบำบัด ที่งัดศักยภาพให้ฉายแสงได้
อย่างที่เห็นกันมาก คือ การส่งเสริมให้เด็กที่มีภาวะสมาธิสั้นหัดเล่นกีฬา ในเรื่องนี้ นาวาอากาศเอก (พิเศษ) นพ.ไพศาล จันทรพิทักษ์ ประธานฝ่ายแพทย์ สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย กล่าวว่า กีฬาเป็นเครื่องมือบำบัดและฝึกสมาธิที่มีประสิทธิภาพสำหรับผู้ที่มีภาวะสมาธิสั้นจริง เพราะกีฬาทุกประเภทต้องอาศัยสมาธิเป็นพื้นฐาน และมีกฎ กติกา ระเบียบที่ชัดเจน ซึ่งจะช่วยปรับพฤติกรรม มีการควบคุมตนเอง และสามารถฝึกสมาธิให้ดีขึ้นได้
สอดคล้องกันกับมุมมองของ อดีตนักฟุตบอลทีมชาติ กวินทร์ ธรรมะสัจจานนท์ ได้ให้กำลังใจผู้มีภาวะสมาธิสั้นที่มีความฝันอยากเป็นนักกีฬาว่า อยากให้เปลี่ยนมุมมองใหม่ อย่ามองว่าสิ่งที่ตนเองเป็นคือจุดอ่อน แต่ให้มั่นใจในตัวเอง มองหาและใช้ประโยชน์จากสิ่งที่เราเป็น
สำคัญ คือ การสนับสนุนจากคนรอบข้าง ที่จะต้องเข้าใจ ให้กำลังใจ พร้อมสนับสนุน ช่วยให้พวกเขาเห็นความสำคัญของตัวเอง และค้นหาความสามารถของตนเองให้เจอ เพื่อเข้าถึงศักยภาพสูงสุดของตนเอง และเติบโตอย่างมีคุณภาพและมีความสุข







