พระโกศทองใหญ่: พระเกียรติยศสูงสุด “สมเด็จพระพันปีหลวง” ครั้งแรกในประวัติศาสตร์ไทย

การประดิษฐานพระบรมศพสมเด็จพระพันปีหลวง โดยประกอบ “พระโกศทองใหญ่” เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ไทย ที่ทรงได้รับการถวายพระเกียรติยศสูงสุดเทียบเท่าพระมหากษัตริย์
KEY
POINTS
- การใช้พระโกศทองใหญ่ประกอบพระบรมศพสมเด็จพระพันปีหลวง ถือเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ไทยที่ถวายพระเกียรติยศสูงสุดเทียบเท่าพระมหากษัตริย์
- พระโกศทองใหญ่เป็นพระโกศที่มีลำดับยศสูงสุดในราชสำนัก สำหรับทรงพระบรมศพของพระมหากษัตริย์และพระบรมวงศ์ชั้นสูง
- พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้เชิญพระบรมศพประดิษฐานประกอบพระโกศทองใหญ่ ภายใต้นพปฎลมหาเศวตฉัตร (ฉัตร 9 ชั้น)
การประดิษฐานพระบรมศพ "สมเด็จพระพันปีหลวง" โดยประกอบ "พระโกศทองใหญ่" ในครั้งนี้ นับเป็นเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ที่สำคัญอย่างยิ่ง โดยพระโกศทองใหญ่ ทรงพระบรมศพ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง แห่งมหาจักรีบรมราชวงศ์ ประดิษฐานเหนือพระแท่นสุวรรณเบญจดลภายใต้นพปฎลมหาเศวตฉัตร แวดล้อมด้วยเครื่องสูงหักทองขวาง มีชุมสายฉัตร 5 ชั้น บังแทรกฉัตร 7 ชั้น ต้นไม้ทองเงิน ณ มุขตะวันตก พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง
นับเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ไทยที่ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงได้รับการถวายพระเกียรติยศพิเศษสูงสุดเทียบเท่าพระมหากษัตริย์
กรุงเทพธุรกิจ ชวนย้อนดูตำนานเรื่องราวความเป็นมาของ พระโกศทองใหญ่ และเจาะลึกถึงที่มา ธรรมเนียมปฏิบัติ รวมถึงการจัดลำดับยศของพระโกศไทยทั้ง 14 ชนิด ที่สืบทอดมาอย่างยาวนานในราชสำนักไทย
ประวัติศาสตร์หน้าใหม่ "พระโกศทองใหญ่" พระเกียรติยศสูงสุดแด่ "สมเด็จพระพันปีหลวง"
ท่ามกลางสายธารของพสกนิกรไทยที่หลั่งไหลไปยังพระบรมมหาราชวัง เพื่อเข้าถวายสักการะพระบรมศพ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ที่เบื้องหน้าพระฉายาลักษณ์ ซึ่งประดิษฐาน ณ ศาลาสหทัยสมาคม ขณะเดียวกัน ในพระราชพิธีพระบรมศพ สมเด็จพระพันปีหลวง แห่งมหาจักรีบรมราชวงศ์ ก็มีความพิเศษที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
ในการนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้สำนักพระราชวังจัดการพระบรมศพ โดยถวายพระเกียรติยศสูงสุดตามราชประเพณี อีกทั้งโปรดเกล้าฯ ให้เชิญพระบรมศพลงสู่พระหีบ และประดิษฐานเหนือพระแท่นสุวรรณเบญจดล ประกอบ พระโกศทองใหญ่ ภายใต้ นพปฎลมหาเศวตฉัตร หรือ พระเศวตฉัตร 9 ชั้น แวดล้อมด้วยเครื่องสูงหักทองขวาง มีชุมสายฉัตร 5 ชั้น บังแทรกฉัตร 7 ชั้น และต้นไม้ทองเงิน ณ มุขตะวันตก พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ซึ่งเป็นสถานที่ทรงคุณค่าทางพระราชพิธีของราชอาณาจักรไทย
สำหรับ พระโกศทองใหญ่ หรือที่เรียกอีกอย่างว่า พระลองทองใหญ่ คือพระโกศสำหรับทรงพระบรมศพของพระมหากษัตริย์และพระศพของพระบรมวงศ์ชั้นสูง ซึ่งถือเป็นพระโกศที่มีลำดับยศสูงสุดในราชสำนักไทย
ผู้ที่ได้รับพระราชทานพระโกศทองใหญ่ ได้แก่ พระมหากษัตริย์, พระอัครมเหสี, พระยุพราช, พระราชกุมารี, และพระบรมวงศ์ชั้นสมเด็จพระบรมราชินี, สมเด็จพระบรมราชชนนี, สมเด็จพระยุพราช, สมเด็จพระบรมราชกุมารี, และสมเด็จเจ้าฟ้าที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ เป็นพิเศษ
ประวัติความเป็นมาและการสร้าง "พระโกศทองใหญ่" ในรัชกาลที่ 1
พระโกศทองใหญ่ ถูกสร้างขึ้นในรัชสมัย พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช (รัชกาลที่ 1) เมื่อปีมะโรง จุลศักราช 1170 ซึ่งตรงกับ พุทธศักราช 2351 พระองค์ทรงโปรดเกล้าฯ ให้รื้อทองที่เคยหุ้ม พระโกศกุดั่น มาใช้ในการสร้างพระโกศทองใหญ่ โดยมีพระราชประสงค์เพื่อเตรียมไว้สำหรับทรงพระบรมศพของพระองค์เอง
ลักษณะตัวพระโกศนั้นทำจากไม้ แกะสลักเป็นทรงแปดเหลี่ยม หุ้มด้วยทองคำตลอดทั้งองค์ และมีฝาเป็นยอดมงกุฎที่วิจิตรงดงาม เมื่อการสร้างแล้วเสร็จ พระองค์ทรงโปรดให้นำพระโกศองค์นี้ตั้งถวายเพื่อทอดพระเนตร ณ พระที่นั่งไพศาลทักษิณ
พระโกศทองใหญ่ เป็นพระโกศสำหรับทรงพระบรมศพของพระมหากษัตริย์และพระศพของพระบรมวงศ์ชั้นสูง โดยได้ใช้ทรงพระศพของสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้ากรมหลวงศรีสุนทรเทพเป็นพระองค์แรก (แต่ในพระราชพงศาวดารกรุงรัตนโกสินทร์รัชกาลที่ 1 ฉบับเจ้าพระยาทิพากรวงศ์ ระบุว่าพระศพสมเด็จเจ้าฟ้าฯ กรมหลวงศรีสุนทรเทพนั้น ใช้พระโกศไม้สิบสอง และเมื่อเสร็จการพระศพจึงลอกทองที่หุ้มพระโกศไม้สิบสองมาหุ้มทำพระโกศทองใหญ่และทรงพระบรมศพของรัชกาลที่ 1 เป็นพระองค์แรก)
พระโกศทองใหญ่ใช้ทรงพระศพของสมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดีเป็นพระองค์ล่าสุด
นอกจากนี้ พระโกศทองใหญ่ยังใช้เป็นเครื่องประกอบพระบรมราชอิสริยยศและพระอิสริยยศสำหรับพระบรมวงศานุวงศ์ที่บรรจุพระบรมศพและพระศพลงในหีบแทนการลงพระโกศ เช่น พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง
พระโกศทองใหญ่ทั้ง 3 องค์ และการประดับเครื่องยศ
ปัจจุบัน พระโกศทองใหญ่มีจำนวนทั้งสิ้น 3 องค์ ได้แก่
1. องค์แรก: สร้างขึ้นในรัชกาลที่ 1
2. องค์ที่สอง: สร้างขึ้นในรัชกาลที่ 5 โดยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดเกล้าฯ ให้ พระวรวงศ์เธอ กรมหมื่นปราบปรปักษ์ เป็นผู้สร้าง
3. องค์ที่สาม: สร้างขึ้นในรัชกาลที่ 9 โดยพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้น เนื่องจากพระโกศทองใหญ่องค์เดิมทั้งสององค์ชำรุดทรุดโทรม พระโกศทองใหญ่องค์ที่สามนี้ถูกนำมาใช้เป็นเครื่องประกอบพระอิสริยยศของ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ เป็นพระองค์แรก
นอกจากนี้ ยังมีการพระราชทานเครื่องประดับพระโกศของเจ้านายที่พระราชทานพระโกศทองใหญ่ให้ทรงพระบรมศพหรือพระศพ โดยจะลดหลั่นกันไปตามพระอิสริยยศ โดยปกติพระบรมศพนั้นจะพระราชทานดอกไม้เพชร ดอกไม้ไหว เฟื่อง และดอกไม้เอว เป็นเครื่องประดับพระโกศ ส่วนพระศพของเจ้าฟ้าที่ไม่ได้สถาปนาเป็นพิเศษ จะเอาดอกไม้เพชรฝาพระโกศกับดอกไม้เอวเพชรออก คงเหลือแต่พุ่มเพชรกับเฟื่องเพชร เป็นต้น
14 ลำดับชั้นยศของ "พระโกศไทย" ตามราชประเพณี
พระโกศนั้นเป็นภาชนะเครื่องสูงมีรูปทรงเป็นกรวยมียอดแหลม อาจแยกตามวัตถุประสงค์การใช้งานเป็น 2 ประเภท คือ พระโกศสำหรับทรงพระบรมศพหรือพระศพ และ พระโกศพระบรมอัฐิหรือพระอัฐิ
ในส่วนของพระโกศพระบรมศพนั้นมี 2 ชั้น คือชั้นนอกเรียกว่า 'ลอง' ทำด้วยโครงไม้หุ้มทอง และชั้นในเรียกว่า 'โกศ' ทำด้วยเหล็ก ทองแดง หรือเงิน ซึ่งต่อมาผู้คนมักนิยมเรียกพระโกศแทนพระลอง จนเข้าใจว่าเป็นสิ่งเดียวกัน เช่น เรียกพระลองทองใหญ่ ว่าพระโกศทองใหญ่
อย่างไรก็ตาม หากอ้างอิงตามลำดับยศแล้ว พระโกศแบ่งออกเป็น 14 ชนิด ได้แก่
1. พระโกศทองใหญ่: ใช้กับ พระมหากษัตริย์, พระอัครมเหสี, พระยุพราช, พระราชกุมารี, และผู้ทรงโปรดเกล้าพระราชทานเป็นพิเศษ
2. พระโกศทองรองทรง: นับเสมอกับพระโกศทองใหญ่ ใช้กับ พระมหากษัตริย์, พระอัครมเหสี, พระยุพราช, พระราชกุมารี, และผู้ทรงโปรดเกล้าพระราชทานเป็นพิเศษ
3. พระโกศทองเล็ก: ใช้กับ สมเด็จเจ้าฟ้า (ชั้นเอก)
4. พระโกศทองน้อย: ใช้กับ สมเด็จเจ้าฟ้า, พระวรราชเทวี, สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้า และสมเด็จพระนางเจ้า พระวรราชชายา
5. พระโกศกุดั่นใหญ่: ใช้กับ สมเด็จพระสังฆราช
6. พระโกศกุดั่นน้อย: ใช้กับ พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้า, เจ้าจอม, เจ้านายทรงกรม, ผู้สำเร็จราชการ, และผู้ได้รับตรานพรัตนราชวราภรณ์
7. พระโกศมณฑปใหญ่: ใช้กับ พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้า ทรงกรม และเสนาบดีที่เป็นราชสกุล
8. พระโกศมณฑปน้อย: ใช้กับ พระเจ้าวรวงศ์เธอ และพระองค์เจ้า
9. พระโกศไม้สิบสอง: ใช้กับ พระองค์เจ้าฝ่ายพระราชวังบวร, เจ้าพระยา, รัฐมนตรี (ขณะดำรงตำแหน่ง), และสมเด็จพระราชาคณะ
10. พระโกศพระองค์เจ้า (เดิมเรียกว่า โกศลังกา): ใช้กับ พระวรวงศ์เธอ และพระองค์เจ้า
11. โกศราชนิกุล: ใช้กับ ข้าราชการผู้เป็นราชสกุล และราชนิกุล
12. โกศเกราะ: ใช้กับ ผู้มีรูปร่างใหญ่ ที่มิสามารถลงลองสามัญได้
13. โกศแปดเหลี่ยม: ใช้กับ ข้าราชการสัญญาบัตร ผู้ได้รับพระราชทานตราปฐมจุลจอมเกล้า และผู้ได้รับพระราชทานตราปถมาภรณ์ช้างเผือก
14. โกศโถ: ใช้กับ ท้าวนาง, ท่านผู้หญิง, ผู้ได้รับพระราชทานตรามงกุฎไทย, และผู้ประกอบคุณความดี
แม้ว่าในปัจจุบันจะมีการเชิญพระบรมศพหรือพระศพลงสู่พระหีบแทนการบรรจุลงในพระโกศ แต่พระโกศทองใหญ่ก็ยังคงถูกนำมาใช้เพื่อประกอบพระบรมราชอิสริยยศและพระอิสริยยศ ตามราชประเพณี เช่นเดียวกับในคราวพระบรมศพของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง
อ้างอิง: กรมประชาสัมพันธ์, พระลาน, LertchaiMaster, Wikipedia, PhraMeRuMas, ข่าวสารงานพระพุทธศาสนา











