ยลโฉม บุปผาราชินี มรดกพฤกษาล้ำค่าในพระนาม "สมเด็จพระพันปีหลวง"

น้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้ใน สมเด็จพระพันปีหลวง ผ่านเรื่องราวของพืชพรรณดอกไม้ป่าไทยที่ใกล้สูญพันธุ์ ทรงอุ้มชูธรรมชาติให้อยู่คู่แผ่นดินไทย
KEY
POINTS
- ชวนยลโฉมพรรณไม้ได้รับพระราชทานพระนามาภิไธย "สิริกิติ์" เพื่อเทิดพระเกียรติในพระราชกรณียกิจด้านการอนุรักษ์ อาทิ กุหลาบควีนสิริกิติ์ และแคทลียาควีนสิริกิติ์ ฯลฯ
- ทรงพระราชทานนามให้แก่ดอกไม้ป่าหลายชนิดเพื่อสร้างคุณค่าและส่งเสริมการอนุรักษ์ เช่น กลุ่มดอกไม้ป่าที่อุทยานแห่งชาติผาแต้ม ได้แก่ ดุสิตา สร้อยสุวรรณา และมณีเทวา
- นอกจากพรรณไม้ในพระนามและนามพระราชทาน ยังมีดอกไม้ที่ทรงโปรดเป็นพิเศษซึ่งสะท้อนพระราชนิยมส่วนพระองค์ เช่น บัวสัตตบงกช กุหลาบมอญ และดอกปีบ
น้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้ใน สมเด็จพระพันปีหลวง พระผู้ทรงอภิบาลดอกไม้ป่าไทย ย้อนรำลึกถึงความผูกพันของพระองค์กับพืชพรรณและดอกไม้ป่าไทย ซึ่งทรงให้ชีวิตใหม่แก่พรรณไม้ใกล้สูญพันธุ์ สร้างคุณค่าทางธรรมชาติให้ยั่งยืนคู่แผ่นดินไทย
แม้ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง จะเสด็จสู่สวรรคาลัยแล้ว แต่พระราชปณิธานและพระราชกรณียกิจที่ทรงบำเพ็ญมาตลอดพระชนม์ชีพ ยังคงเป็นที่ประจักษ์และสถิตอยู่ในความทรงจำของพสกนิกรตลอดไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้าน การอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและพรรณพืช
พระองค์ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณอย่างใหญ่หลวง ต่อการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ ป่าไม้ รวมถึงการอนุรักษ์และฟื้นฟูพืชพรรณไม้ ดอกไม้ และกล้วยไม้ใกล้สูญพันธุ์ไว้เป็นจำนวนมาก ตลอดรัชสมัยแห่งการทรงงาน พระองค์ทรงอุทิศพระวรกายเพื่อการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมอย่างใหญ่หลวง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้าน พฤกษศาสตร์ และ ดอกไม้ป่าของไทย ที่ทรงให้ความสนพระราชหฤทัยและทรงฟื้นฟูอย่างต่อเนื่องจนก่อเกิดเป็น "มรดกพฤกษา" อันล้ำค่า
ทั้งนี้ พระราชกรณียกิจด้านพรรณพืชและดอกไม้ป่าของพระองค์ได้ถูกรวบรวมไว้ภายใต้แนวคิด “บุปผาราชินี” ซึ่งสะท้อนถึงพระมหากรุณาธิคุณในการสร้างคุณค่าให้พืชพรรณไทย โดยแบ่งออกได้เป็น 3 หมวดสำคัญ ดังนี้
ดอกไม้พระนามาภิไธย: เกียรติยศคู่แผ่นดิน งดงามระดับสากล
ด้วยพระราชจริยวัตรที่ทรงงานด้านการอนุรักษ์และสิ่งแวดล้อมอย่างต่อเนื่อง ทำให้มีสถาบันในต่างประเทศชื่นชมและเทิดพระเกียรติคุณ โดยได้ขอพระราชทานพระราชานุญาต อัญเชิญพระนามาภิไธย “สิริกิติ์” ไปตั้งเป็นชื่อของดอกไม้งาม ซึ่งถือเป็นเกียรติอันสูงสุดต่อประเทศไทย พรรณไม้ที่ได้รับพระราชทานนามอันสำคัญนี้ ได้แก่
1. “กุหลาบควีนสิริกิติ์” (Queen Sirikit Rose)
ลักษณะ: เป็นดอกกุหลาบขนาดใหญ่ มีสีเหลือง ระเรื่อด้วยสีส้มแดงตรงปลายกลีบเมื่อกระทบกับแสงแดด และมีกลิ่นหอมอ่อนๆ
เริ่มนำออกเผยแพร่เมื่อปี พ.ศ. 2511 และได้รับรางวัลชนะเลิศในการประกวดกุหลาบที่กรุงเบลฟาสต์ ประเทศไอร์แลนด์ โดยนาย Andre' Hendricx ได้ขอพระราชทานพระราชานุญาตเชิญพระนามาภิไธย “สิริกิติ์” เป็นชื่อของกุหลาบเมื่อเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2514 ครั้งเมื่อพระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เสด็จประภาสประเทศเดนมาร์ก
2. “กล้วยไม้แคทลียาควีนสิริกิติ์” (Cattleya ‘Queen Sirikit’)
ลักษณะ: กล้วยไม้ลูกผสมตระกูลคัทลียา มีกลีบดอกขาวนวล แต่งแต้มด้วยสีเหลืองทองตรงกลาง
ด้วยความงามอันโดดเด่น ทำให้ได้รับรางวัลยอดเยี่ยมจาก The Royal Horticulture Society ประเทศอังกฤษ บริษัทแบล็กแอนด์ฟลอรี (Black & Flory) บริษัทกล้วยไม้เก่าแก่ของอังกฤษ ได้ขอพระราชทานพระราชานุญาตเชิญพระนามาภิไธย “สิริกิติ์” เป็นชื่อของกล้วยไม้ โดยจดทะเบียนเมื่อ พ.ศ. 2501 นอกจากนั้นสมเด็จพระพันปีหลวงได้พระราชทาน แคทลียา ควีนสิริกิติ์ เป็น ดอกไม้ประจำวันสตรีไทย
3. “ดอนญ่าควีนสิริกิติ์” (Mussaenda ‘Queen Sirikit’)
ลักษณะ: เป็นไม้พุ่มประดับ ดอกรูปดาวสีเหลืองสด ขนาดเล็ก ดอกออกเป็นช่อที่ปลายกิ่ง แต่ละช่อมีกลีบรองสีชมพูอ่อนตัดด้วยขอบสีชมพูเข้มเกือบแดง
เป็นพันธุ์ลูกผสมที่มหาวิทยาลัยฟิลิปปินส์ผสมขึ้น ในปี พ.ศ. 2506 เมื่อครั้งนั้น สมเด็จพระพันปีหลวง ได้เสด็จพระราชดำเนินไปทรงเยือนประเทศฟิลิปปินส์อย่างเป็นทางการ ทางมหาวิทยาลัยจึงได้กราบบังคมทูลขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตเชิญพระนามาภิไธย “สิริกิติ์” เป็นชื่อของดอนญ่าลูกผสมพันธุ์ใหม่นี้
4. “บัวควีนสิริกิติ์” (Nymphaea ‘Queen Sirikit’)
ลักษณะ: บัวลูกผสมที่มีกลีบดอก 2 สี คือส่วนปลายกลีบดอกมีสีม่วง โคนกลีบดอกมีสีขาว ส่วนกลีบเลี้ยงมีสีขาวอมเขียว สีดอกของบัวลูกผสมนี้มีสีม่วง ซึ่งถือได้ว่าเป็น “สีใหม่” ที่ยังไม่เคยปรากฏมาก่อนในสายพันธุ์บัวเขตอบอุ่น
เกิดจากพันธุ์บัวสายเขตอบอุ่นของสหรัฐอเมริกา และบัวสายเขตร้อนของไทยผสมสายพันธุ์กัน สมาคมพฤกษศาสตร์ในพระบรมราชินูปถัมภ์ได้กราบบังคมทูลขอพระราชทานพระราชานุญาต เชิญพระนามาภิไธย “สิริกิติ์” เป็นชื่อของบัวลูกผสมพันธุ์นี้ เมื่อวันที่ 11 มิถุนายน พ.ศ. 2555 เพื่อเป็นการเทิดพระเกียรติเนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 80 พรรษา
5. “โมกราชินี” หรือ โมกสิริกิติ์ (Wrightia sirikitiae)
ลักษณะ: อยู่ในสกุลโมกมัน ลักษณะเป็นช่อดอกสีขาวหรือขาวปนเขียวอ่อน มีกลิ่นหอมอ่อนๆ
ถือเป็นพรรณไม้ชนิดใหม่ของโลก ถูกค้นพบโดย ศาสตราจารย์ ดร.ธวัชชัย สันติสุข บริเวณภูเขาหินปูน จังหวัดสระบุรี และได้ขอพระราชทานพระราชานุญาต ใช้ชื่อพรรณไม้นี้ตามพระนามาภิไธย เมื่อปี พ.ศ. 2544
ดอกไม้นามพระราชทาน: การชุบชีวิต "อัญมณีแห่งป่า"
สมเด็จพระพันปีหลวง ทรงให้ความสนพระราชหฤทัยในธรรมชาติรอบพระวรกายอยู่เสมอ แม้ครั้งเมื่อเสด็จฯ ไปทรงงาน ณ พื้นที่แห่งใด ก็จะทรงชื่นชมความงามของพันธุ์ไม้ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นพันธุ์ไม้หายากหรือแม้เพียงดอกไม้ป่าต้นเล็กๆ พระองค์ก็ทรงให้ความสำคัญ และยังทรงโปรดพระราชทานชื่อให้เพื่อสร้างคุณค่าให้กับพันธุ์ไม้เหล่านั้นได้เป็นสมบัติทางธรรมชาติที่ล้ำค่าของประเทศไทยตลอดไป
พระองค์เคยเสด็จพระราชดําเนินไปทอดพระเนตรความงดงามของทุ่งดอกไม้ป่า ณ หน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติผาแต้ม (หน่วยที่ 1 สร้อยสวรรค์) เมื่อวันที่ 25 ธันวาคม พ.ศ. 2548 และได้ทรงพระราชทานนามดอกไม้ป่า 5 ชนิดที่ผาแต้ม ได้แก่ ดุสิตา, สร้อยสุวรรณา, มณีเทวา, ทิพเกสร และ สรัสจันทร
1. "ดุสิตา” (Utricularia delphinioides)
ชื่อเรียกทั่วไป: หญ้าข้าวก่ำน้อย, หญ้าเข็ม, ดอกขมิ้น
ลักษณะ: เป็นพืชล้มลุกกินแมลง ดอกเป็นช่อสีม่วงเข้ม มีใบที่เปลี่ยนเป็นถุงสำหรับดักจับแมลงขนาดเล็ก
การพบ: พบตามพื้นที่โล่งและชุ่มชื้นในภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ออกดอกช่วงตุลาคม - ธันวาคม
2. “มณีเทวา” (Eriocaulon smitinandii)
ชื่อเรียกทั่วไป: กระดุมเงิน, หญ้าตุ้มหู, หญ้าผมหงอก
ลักษณะ: เป็นไม้ล้มลุก ดอกกลมสีขาวออกเป็นช่อ
การพบ: พบมากในภาคตะวันออกและตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทย ออกดอกช่วงเดือนตุลาคม - กุมภาพันธ์
3. “สร้อยสุวรรณา” (Utricularia bifida)
ชื่อเรียกทั่วไป: เหลืองพิศมร, หญ้าสีทอง, สาหร่ายดอกเหลือง
ลักษณะ: เป็นไม้ล้มลุกกินแมลงกอเล็กๆ ออกดอกเป็นช่อสีเหลืองงามสะพรั่ง
การพบ: ในประเทศไทยพบตามพื้นที่โล่งและชุ่มชื้นในภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ออกดอกช่วงเดือนตุลาคม-ธันวาคม
4. “ทิพเกสร” (Utricularia caerulea)
ชื่อเรียกทั่วไป: หญ้าฝอยเล็ก
ลักษณะ: มีดอกสีม่วงอ่อนแกมชมพู
การพบ: ในประเทศไทยพบมากทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ออกดอกช่วงสิงหาคม - ธันวาคม
5. “นิมมานรดี” (Vanda sirindhorniana)
ชื่อเรียกทั่วไป: เอื้องผีพราย
ลักษณะ: เป็นกล้วยไม้อิงอาศัย ดอกขนาดกลีบเล็กสีขาว มีเส้นตามยาวสีแดงเข้ม กลีบปากที่ปลายมีพื้นสีเหลืองเข้ม และมีแต้มสีแดงเข้มที่โคนกลีบ
การพบ: สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง พระราชทานนาม “นิมมานนรดี” เมื่อครั้งเสด็จฯ ทอดพระเนตรพรรณไม้ ณ บริเวณโคกนกกะบา เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูหลวง จังหวัดเลย เดือนมีนาคม พ.ศ. 2534
ดอกไม้ทรงโปรด: ความงามสงบและเป็นมงคล
นอกจากพรรณไม้ที่ทรงอภิบาลและพระราชทานนามแล้ว ยังมีดอกไม้ที่ทรงโปรดเป็นพิเศษ ได้แก่ “บัวสัตตบงกช” ซึ่งเป็นบัวหลวงพันธุ์ดอกสีชมพูซ้อน มีรูปทรงดอกตูม ป้อมกว่าบัวหลวงธรรมดา เป็นพันธุ์ไม้ที่รู้จักกันดี นิยมใช้ในพิธีทางศาสนา และแทบทุกส่วนของบัวหลวงใช้ประโยชน์ได้ทั้งราก ใบ กลีบดอก เมล็ด และเกสร บัวทั้งสองสีเป็นพันธุ์ที่พบเฉพาะในประเทศไทย
นอกจากนี้ ยังมีข้อมูลจาก อุทยานหลวงราชพฤกษ์ ที่ระบุด้วยว่า ดอกไม้ที่ทรงโปรดยังมีชนิดอื่นๆ อีก ได้แก่ ดอกกุหลาบมอญ ดอกปีบ และดอกจันทน์กะพ้อ สะท้อนว่าสมเด็จพระพันปีทรงโปรดพรรณไม้หลายชนิด บ้างเป็นไม้ดอกกลิ่นหอม บ้างเป็นไม้ผลพันธุ์พื้นเมืองบ้าง มีใบรูปทรงสีสันสวยงามบ้าง มีพระราชดำริให้ส่งเสริมการปลูก และนำไปเป็นแรงบันดาลใจในการออกแบบหัตถศิลป์
การน้อมรำลึกถึงพระราชกรณียกิจด้านพฤกษศาสตร์ของสมเด็จพระพันปีหลวง เป็นการตอกย้ำให้คนไทยทุกภาคส่วน ตระหนักถึงความสำคัญของการอนุรักษ์พืชพรรณและดอกไม้ป่า ซึ่งเป็นมรดกทางธรรมชาติที่ทรงสร้างคุณค่าไว้ให้แผ่นดินไทยอย่างยั่งยืนสืบไป
ที่มา ภาพและข้อมูล: สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 11 (พิษณุโลก), สวนพฤษศาสตร์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์, อุทยานหลวงราชพฤกษ์











