ประวัติ โขนพระราชทาน สมเด็จพระพันปีหลวง ศิลปวัฒนธรรมล้ำค่า

ประวัติ โขนพระราชทาน สมเด็จพระพันปีหลวง ศิลปวัฒนธรรมล้ำค่า

ปฐมเหตุ "โขนพระราชทาน" พระราชกรณียกิจใน สมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวง ในการอนุรักษ์ และสืบทอดศิลปะการแสดงโขนของไทย สู่บัญชี "มรดกวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้" ยูเนสโก

KEY

POINTS

  • สมเด็จพระพันปีหลวง ทรงมีพระราชดำริในการอนุรักษ์ และฟื้นฟูการแสดง "โขน"  ศิลปะการแสดงชั้นสูงของชาติที่กำลังซบเซาให้กลับมาเป็นที่รู้จัก และนิยมอีกครั้ง
  • โครงการ "โขนพระราชทาน" ได้พลิกฟื้นศาสตร์ และงานช่างหัตถศิลป์ไทยหลายสาขา เช่น การสร้างเครื่องแต่งกายโขนตามแบบแผนโบราณ และการฟื้นฟูการทอผ้ายกเมืองนคร
  • การแสดงมีการผสมผสานศิลปะดั้งเดิมเข้ากับเทคนิคสมัยใหม่ด้านฉากที่ตระการตา และเปิดโอกาสให้คนรุ่นใหม่เข้ามามีส่วนร่วมในการสืบทอดผ่านการคัดเลือกนักแสดง
  • จากพระราชกรณียกิจในการฟื้นฟูโขน นำไปสู่การขึ้นทะเบียนโดย "ยูเนสโก" ให้เป็นมรดกวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของมนุษยชาติ

การอนุรักษ์ และสืบทอดศิลปะการแสดง โขน เป็นหนึ่งในพระราชกรณียกิจที่ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ทรงให้ความสำคัญเป็นอันมากตั้งแต่ยังทรงดำรงพระราชอิสริยยศ ‘สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ’ (สมเด็จพระบรมราชินีนาถในรัชกาลที่ 9)

เห็นได้จากการเสด็จพระราชดำเนินเพื่อทรงประกอบพระราชกรณียกิจยังต่างประเทศ หากต้องมีการแสดง ‘สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ’ มักทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ นำ ศิลปะการแสดง ‘โขน’ ไปจัดแสดงให้ประจักษ์สู่สายตาชาวโลกอยู่เสมอ เช่นเดียวกับในงานเลี้ยงรับรองพระราชอาคันตุกะในประเทศ พระองค์ยังทรงเลือกให้มีการแสดง ‘โขน’ รวมอยู่ด้วย

ประวัติ โขนพระราชทาน สมเด็จพระพันปีหลวง ศิลปวัฒนธรรมล้ำค่า

สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง

หนึ่งในภาพประวัติศาสตร์เกี่ยวกับ ‘โขน’ ได้รับการบันทึกไว้เมื่อเดือนพฤศจิกายน พ.ศ.2539 เมื่อประธานาธิบดีสหรัฐ บิล คลินตัน เดินทางมาพร้อมด้วยภริยา ฮิลลารี คลินตัน ในฐานะพระราชอาคันตุกะของ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร (รัชกาลที่ 9) เพื่อร่วมถวายพระพรเนื่องในวโรกาสการทรงครองสิริราชสมบัติครบ 50 ปี ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้จัดการต้อนรับผู้นำสหรัฐ และสุภาพสตรีหมายเลข 1 ในรูปแบบรัฐพิธี ณ พระบรมมหาราชวัง

ในงานพระราชทานเลี้ยงค่ำนั้น ‘สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ’ ทรงโปรดเกล้าฯ ให้จัดการแสดงโขนรามเกียรติ์ ชุด ‘ยกรบ’ เฉพาะพระพักตร์ ณ บริเวณสนามหน้าพระที่นั่งจักรีมหาปราสาท ด้วยทรงมีพระราชประสงค์ให้แขกต่างถิ่นที่มาเยือนได้เห็นว่าประเทศไทยมีมรดกศิลปวัฒนธรรมอันงดงามไม่เหมือนกับชาติใดในโลก

ทั้งนี้ ทั้งสองพระองค์ยังได้พระราชทานคำอธิบายโขนกับพระราชอาคันตุกะทั้งสองอย่างเป็นกันเองระหว่างการแสดง

 

 

 

โขนของประเทศไทย

โขนในประเทศไทย มีมาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยาตามหลักฐานจากจดหมายเหตุลาลูแบร์ราชทูตฝรั่งเศส สมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช

ราชสำนัก และตามบ้านขุนนางชั้นสูงมีการฝึกหัดการแสดงโขน เพื่อใช้แสดงใน ‘งานมหรสพหลวง’ และพิธีต่างๆ สำหรับสร้างความบันเทิง และเป็นสื่อเรียนรู้ทางวัฒนธรรมที่สอดแทรกคติธรรมต่างๆ สู่ผู้ชม ผ่านการแสดงของตัวละครที่เป็นสัญลักษณ์ของความดี ความชั่ว ความกตัญญู ความซื่อสัตย์ ฯลฯ

ต่อมาจึงเผยแพร่สู่ประชาชน เกิดคณะโขนพื้นบ้านหลายคณะ และมีการเรียนการสอนในสถาบันการศึกษา

โขน แม้ได้รับการสืบทอดต่อเนื่อง แต่เมื่อความเจริญด้านต่างๆ มีมากขึ้น ประเภทการแสดงมีความหลากหลาย การแสดงโขนเริ่มได้รับความนิยมลดลง

 

ประวัติ โขนพระราชทาน สมเด็จพระพันปีหลวง ศิลปวัฒนธรรมล้ำค่า ตัวอย่างโปสเตอร์โขนพระราชทาน 3 ปี

ปฐมเหตุโขนพระราชทาน

"พ.ศ.2546 สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงกราบบังคมทูลว่า ช่วงนี้โขนค่อนข้างซบเซา ไม่มีคนดูเลย จะทำอย่างไรดี สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ทรงบอกว่า ‘ถ้าไม่มีใครดู แม่จะดูเอง’ ก็เป็นเหตุให้มีการแสดงโขนไปแสดงตามพระตำหนักต่างๆ ที่ทรงแปรพระราชฐานไปเพื่อประทับทรงงาน เช่น ที่พระตำหนักภูพิงคราชนิเวศน์ ทรงนำโขนไปแสดงในงานเลี้ยงขอบคุณประชาชน และพระราชองครักษ์"

สุรัตน์ จงดา คณะกรรมการ จัดแสดงโขนมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ หรือ ‘โขนพระราชทาน’ กล่าวไว้ในการบรรยายเรื่อง ‘ฉากประทับใจในโขนพระราชทาน’ จัดโดย พิพิธภัณฑ์ผ้า ในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ เมื่อเดือนกันยายน พ.ศ.2559

นับเป็นปฐมเหตุของ โขนพระราชทาน ซึ่งเป็นที่รู้จักกันในนาม การแสดงโขน มูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ในเวลานี้

พระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ 300,000 บาท 

ลักษณะสำคัญอย่างหนึ่งของโขนอยู่ที่ผู้แสดงต้องสวม หัวโขน ทุกคน (ยกเว้นตัวพระ ตัวนาง และเทวดา) รวมทั้ง เครื่องแต่งกาย เครื่องถนิมพิมพาภรณ์ การแต่งหน้า ล้วนงดงามมีรายละเอียดเป็นเอกลักษณ์

สมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวง ทรงมีพระราชเสาวนีย์เรื่อง การแต่งหน้าโขน เป็นอันดับแรกในการอนุรักษ์โขน

“เพราะเมื่อดูในระยะใกล้พบว่า ‘ตัวพระ’ และ ‘ตัวนาง’ มีการแต่งหน้าเหมือนกัน แยกกันไม่ออก ผู้นำประเทศหันมาถามเสมอ คนไหนเล่นเป็นผู้ชาย คนไหนเล่นเป็นผู้หญิง ทรงให้ศึกษาการแต่งหน้าโขนที่ว่าโขนโบราณแต่งหน้าอย่างไร” สุรัตน์ จงดา กล่าว

ถัดมาทรงให้ความสนพระทัยเรื่อง เครื่องแต่งกายโขน ทรงให้ข้อสังเกตว่า เครื่องแต่งกายโขนมีลักษณะแตกต่างไปจากโขนในสมัยแรกที่นิยมสร้างเลียนแบบชิ้นส่วน ‘เครื่องต้น’ อันเป็นเครื่องทรงพระมหากษัตริย์ในอดีต

พร้อมพระราชทานพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ จำนวน 300,000 บาท ให้ ‘กรมศิลปากร’ ค้นคว้าและพัฒนาเครื่องแต่งกายโขนให้ถูกต้องตามแบบโบราณขึ้นมาชุดหนึ่ง

มูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพฯ และกรมศิลปากร สนองพระราชดำริด้วยการแต่งตั้งคณะกรรมการจัดสร้างเครื่องแต่งกายโขนขึ้นมาใหม่ที่คงความงดงามตามแบบโบราณ และกราบบังคมทูลขอพระราชทานเพื่อใช้เป็นครั้งแรกในการแสดงโขนเรื่อง 'รามเกียรติ์ ชุด ศึกพรหมาศ’ ถวายทอดพระเนตร และเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร (รัชกาลที่ 9)  80 พรรษา 5 ธันวาคม 2550

 

ประวัติ โขนพระราชทาน สมเด็จพระพันปีหลวง ศิลปวัฒนธรรมล้ำค่า สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ 9 เสด็จพระราชดำเนินทอดพระเนตรการแสดงโขน  ชุด ‘ศึกมัยราพณ์’ ณ หอประชุมใหญ่ ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย เมื่อวันที่ 14 กรกฎาคม 2554 (ภาพ : สำนักงานพระคลังข้างที่)

ประวัติ โขนพระราชทาน สมเด็จพระพันปีหลวง ศิลปวัฒนธรรมล้ำค่า ฉากหนุมานอมพลับพลาที่ประทับพระราม ตอน ‘ศึกมัยราพณ์’ พ.ศ.2554

ประวัติ โขนพระราชทาน สมเด็จพระพันปีหลวง ศิลปวัฒนธรรมล้ำค่า หนุมาน-มัจฉานุ, นางพิรากวน, มัยราพณ์ : ความงดงามของชุดโขน และพัสตราภรณ์

จากคอนเสิร์ตสู่โขนพระราชทาน 

การแสดงโขนเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา 5 ธันวาคม 2550 ครานั้น จัดแสดงในรูปแบบการบรรเลงคอนเสิร์ต เนื่องจาก ‘รัชกาลที่ 9’ ทรงโปรดดนตรีสากล โดยเลือกบทพระนิพนธ์ในสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอเจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์ ใช้ชื่อว่า การแสดงเฉลิมพระเกียรติ เรื่องรามเกียรติ์ ตอน : พรหมาศ บรรเลงโดยวงโยธวาทิต กองดุริยางค์กองทัพบก

สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ เสด็จฯ ทอดพระเนตรการแสดงรอบปฐมทัศน์ วันที่ 25 ธันวาคม 2550 (รอบประชาชนทั่วไป 27-28 ธ.ค.) ณ หอประชุมใหญ่ ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย

หลังจบการแสดง มูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพฯ ดำเนินงานปรับปรุงเกี่ยวกับโขนอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะเครื่องแต่งกายโขนที่เพิ่มรายละเอียดให้วิจิตรยิ่งขึ้น

พ.ศ.2552 คณะกรรมการจัดการแสดงโขน มูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพฯ กราบบังคมทูลขอพระราชานุญาตจัด การแสดงโขนเรื่อง รามเกียรติ์ ตอน : พรหมาศ ขึ้นอีกครั้งในลักษณะสลับรอบเล่นระหว่างวงปี่พาทย์กับดนตรีสากลแบบเดิม ระหว่าง 19-21 มิถุนายน ได้รับความชื่นชมจากประชาชน ต้องเพิ่มรอบการแสดงจาก 5 รอบ เป็น 6 รอบ

จากนั้น สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ จึงมีพระราชเสาวนีย์ให้จัดการแสดงโขนออกสู่สายตาประชาชนต่อเนื่องทุกปี กลายเป็นต้นกำเนิดการแสดง โขนพระราชทาน ในปีต่อๆ มา พร้อมรอบการแสดงที่เพิ่มมากขึ้นเป็นลำดับเนื่องจากได้รับความนิยมจากผู้ชม อาทิ

  • นางลอย 22-26 ก.ค.2553 จำนวน 7 รอบการแสดง
  • ศึกมัยราพณ์ 15 ก.ค.- 7 ส.ค.2554 จำนวน 32 รอบการแสดง
  • จองถนน 2-30 พ.ย.2555 จำนวน 35 รอบการแสดง
  • ชุดศึกกุมภกรรณ ตอน โมกขศักดิ์ 24 พ.ย.-9 ธ.ค.2556 จำนวน 34 รอบการแสดง
  • ชุดศึกอินทรชิต ตอน นาคบาศ 7 พ.ย.-5 ธ.ค.2557 จำนวน 47 รอบการแสดง
  • ชุดศึกอินทรชิต ตอน พรหมาศ 7 พ.ย.-6 ธ.ค.2558 จำนวน 49 รอบการแสดง

“ทุกครั้งที่มีการแสดงโขนพระราชทาน จะมีแบบสอบถามให้ผู้ชมติชม ว่าชื่นชอบเรื่องใด ตอนไหน มีการประมวลเพื่อนำความขึ้นกราบบังคมทูลสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ จากนั้นจะทรงเลือกตอนจากข้อมูลแบบสอบถามด้วยความสนพระราชหฤทัย เนื่องจากพระองค์ทรงทราบตอนของรามเกียรติ์ตลอดทั้งเรื่อง” ท่านผู้หญิงจรุงจิตต์ ทีขะระ เคยให้สัมภาษณ์ไว้ขณะถวายงานในหน้าที่ราชเลขานุการในพระองค์สมเด็จพระบรมราชินีนาถในรัชกาลที่ 9 และผู้อำนวยการผลิตโขนมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพฯ

 

ประวัติ โขนพระราชทาน สมเด็จพระพันปีหลวง ศิลปวัฒนธรรมล้ำค่า การจัดทำเครื่องแต่งกายโขน การปัก การทำหัวโขน และการทอ ‘ผ้ายก’ ซึ่งต้องใช้ช่างทอทำงานพร้อมกันอย่างน้อย 4 คน โดยสมาชิกศูนย์ศิลปาชีพบัวทอง อ.แสวงหา จ.อ่างทอง

ภูมิปัญญาควบคู่นวัตกรรม 

การจัดแสดงโขนพระราชทานแต่ละปี ส่งผลให้เกิดการศึกษา และฟื้นฟูศาสตร์ทั้งหมดที่เกี่ยวกับ ‘โขน’ เป็นลำดับ ทั้งวรรณศิลป์ นาฏศิลป์ คีตศิลป์ หัตถศิลป์ ศิลปกรรม และพัตราภรณ์

ครั้งหนึ่ง ผ้ายกเมืองนคร มรดกวัฒนธรรมผ้าทอราชสำนักไทยอายุนับร้อยปี ทอด้วยเส้นไหมเนื้อละเอียด แทรกลวดลายด้วยไหมเงินไหมทองที่บางเบา เหลือฐานะเพียง ‘โบราณวัตถุในพิพิธภัณฑ์’

สมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวงทรงฟื้นฟูการทอ ‘ผ้ายกเมืองนคร’ ที่ศูนย์ศิลปาชีพบ้านเนินธัมมัง และบ้านตรอกแค จังหวัดนครศรีธรรมราช และให้ ‘ผ้ายกเมืองนคร’ กลับมาเป็นส่วนหนึ่งของพัสตราภรณ์สำหรับการแสดงโขนมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพฯ

วีรธรรม ตระกูลเงินไทย ผู้ออกแบบเครื่องแต่งกาย และเครื่องประดับให้กับการแสดงโขน มูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพฯ เคยให้สัมภาษณ์ว่า "การแสดงโขนฯ ปี 2557 ได้มีการใช้ ‘ผ้ายกทอง’ จากศูนย์ศิลปาชีพฯ ทั้งสองแห่งจำนวนมากถึง 43 ผืน ทดแทนการสั่งผ้าเข้ามาจากต่างประเทศจากในช่วงปีแรกๆ ของการผลิตโขนพระราชทานได้เป็นอย่างดี”

ประวัติ โขนพระราชทาน สมเด็จพระพันปีหลวง ศิลปวัฒนธรรมล้ำค่า ฉากหนุมานสูงกว่า 8 เมตร ใช้หางพันรอบเขาสรรพยา เพื่อจับสังกรณี-ตรีชวา
การแสดง ตอน ‘โมกขศักดิ์’ พ.ศ.2556

องค์ประกอบงานศิลปกรรมด้าน การสร้างฉาก และ งานประติมากรรม ได้รับการให้ความสำคัญอย่างพิถีพิถันเพื่อการแสดงที่งามวิจิตร ควบคู่กับความทันสมัยของ เทคนิคกลไก ทำให้ฉากแห่งความฝันของคนไทยที่เคยอ่านวรรณคดีเรื่องรามเกียรติ์ดูราวเกิดขึ้นจริง อาทิ 

  • ตอน ‘ศึกมัยราพณ์’ ผู้ชมต่างตื่นตาตื่นใจกับฉากหนุมานเนรมิตกายใหญ่โตนอนเต็มความยาวเวทีหอประชุมใหญ่ ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย เพื่ออ้าปากอมพลับพลาที่ประทับพระราม
  • ตอน ‘โมกขศักดิ์’ ฉากผู้แสดงเป็นหนุมานร่ายมนต์แล้วเยื้องย่างหายไปด้านหลังเขาสรรพยา ฉับพลันภูเขาสูงใหญ่กว่า 8 เมตรก็พลิกกลับมาพร้อมประติมากรรมหนุมานขนาดใหญ่กางแขนโอบภูเขาทั้งลูก และสำแดงเดชเห็นหางค่อยๆ ขยับพันรอบภูเขาเพื่อจับสังกรณี-ตรีชวา เป็นอีกฉากที่เรียกเสียงปรบมือ
  • ตอน ‘นาคบาศ’ ความงามสง่าของประติมากรรมลอยตัว ‘พระนารายณ์ทรงสุบรรณ’ ความสูง 7 เมตร ประกอบฉากระบำนารายณ์เจ็ดปาง และฉาก ‘โพรงไม้โรทัน’ ที่อินทรชิตเข้าไปประกอบพิธีชุบศรนาคบาศ ดูลึกลับดั่งวรรณคดีบรรยาย
  • ตอน ‘พรหมาศ’ ฉากศรพรหมาศ การปรากฏตัวของประติมากรรมช้างเอราวัณ ความสูง 3.5 เมตร ใส่กลไกให้ขยับในอิริยาบถต่างๆ ได้ ไม่ว่าจะเป็นการชูงวง ขยับคอได้ทั้งสามเศียร การทรุดตัวหมอบ

ประวัติ โขนพระราชทาน สมเด็จพระพันปีหลวง ศิลปวัฒนธรรมล้ำค่า ฉากอินทรชิตแปลงกายเป็นพระอินทร์ทรงช้างเอราวัณ รายล้อมด้วยเหล่ายักษ์ที่ปลอมกายเป็นเทวดา-นางฟ้า ในการแสดงโขน ชุดศึกอินทรชิต ตอน ‘พรหมาศ’ พ.ศ.2558

“เรานำความงามความวิเศษชั้นเยี่ยมของศิลปกรรมไทยทุกศาสตร์สมัยราชสำนักอยุธยา และต้นกรุงรัตนโกสินทร์ยุคฟื้นฟูฝีมือช่าง สืบค้นจากศิลปวัตถุที่เหลืออยู่ตามพิพิธภัณฑ์ มาใส่ไว้ในงานนี้ คือ ศิลปกรรมที่เป็นแบบไทยประเพณีแท้ๆ ซึ่งไม่มีใครสร้างแล้ว มีแต่สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ที่ทรงมีพระอัจฉริยภาพ มีรสนิยมที่จะรักษางานของชาติไว้ ท่านทรงคิดไกลมาก”

สุดสาคร ชายเสม ผู้ออกแบบฉาก และอุปกรณ์ประกอบฉาก เป็นตัวแทนของสมาชิกศูนย์ศิลปาชีพเกาะเกิด อ.บางปะอิน ช่างหัตถศิลป์เยาวชนชาวไทยภูเขาจากบ้านแม่ตื่น อ.อมก๋อย จ.เชียงใหม่ และเยาวชนจากบ้านห้วยต้าเหนือเขื่อนสิริกิติ์ จ.อุตรดิตถ์ ผู้ร่วมกันเนรมิตฉากแห่งความฝันที่บรรยายไว้ด้วยตัวอักษรให้มองเห็นได้ด้วยสายตา กล่าวถึงการมีโอกาสถวายงานจัดแสดงโขนพระราชทานทุกครั้ง

พระองค์ยังทรงมีพระราชดำริให้ คนรุ่นใหม่ มีส่วนร่วมอนุรักษ์ และสืบทอดการแสดงโขน ทรงมีพระราชเสาวนีย์ให้มีการคัดเลือกนักแสดงตัวเอกที่เป็นหนุ่มสาวรุ่นใหม่เป็นครั้งแรกในการจัดแสดงโขนพระราชทาน ตอน ‘นางลอย’

จากปีแรกๆ ที่มีผู้สมัครหลักสิบคน ถึงปีที่จัด การแสดงโขนมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพฯ ตอน : สัตยาพาลี พ.ศ.2568 มีเยาวชนคนรุ่นใหม่ให้ความสนใจร่วมสมัครเพื่อรับคัดเลือกมากขึ้นเกือบหนึ่งพันคน เพื่อให้ได้เป็น 1 ใน 5 คนของตัวละครประเภท ตัวพระ(โขน) ตัวพระ(ละคร) ตัวนาง ตัวยักษ์ และ ตัวลิง ซึ่งแต่ละคนล้วนมีพรสวรรค์ และความสามารถ

 

ประวัติ โขนพระราชทาน สมเด็จพระพันปีหลวง ศิลปวัฒนธรรมล้ำค่า การทดสอบบทมัจฉานุ นักแสดงรุ่นเยาว์ที่เข้าทดสอบบทมีอายุน้อยสุดคือ 9 ขวบ

 

มรดกวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้

พระราชกรณียกิจฟื้นฟูโขน ไม่ใช่แค่การฟื้นฟูนาฏศิลป์ แต่เป็นการพลิกฟื้น ‘ศาสตร์’ และ ‘งานฝีมือช่างหัตถศิลป์ไทยหลายสาขา' เกิดการประชุมกันของผู้มีความรู้ความเชี่ยวชาญงานประณีตศิลป์ของไทยที่กระจายอยู่ตามภูมิภาคต่างๆ นับร้อยชีวิต เพื่อเชิดชู และสืบทอดศิลปะการแสดงชั้นสูงแขนงนี้ให้ถูกต้องครบถ้วนตามแบบแผน

กรมส่งเสริมวัฒนธรรม กระทรวงวัฒนธรรม ประกาศขึ้นทะเบียน โขน เป็น มรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมของชาติ ประจำปีพุทธศักราช 2552 ในลำดับที่ 1 สาขาศิลปะการแสดง เมื่อวันที่ 19 กันยายน 2552

ต่อมาในการประชุมคณะกรรมการอนุสัญญาว่าด้วยการสงวนรักษามรดกวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ ค.ศ.2003 ครั้งที่ 13 ที่เมืองพอร์ตลูอิส สาธารณรัฐมอริเชียส เมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน พ.ศ.2561 เวลา 19.35 น. ตามเวลาประเทศไทย องค์การยูเนสโก ประกาศขึ้นทะเบียนการแสดงโขนของไทยภายใต้ชื่อภาษาอังกฤษ Khon, masked dance drama in Thailand เป็นรายการตัวแทน มรดกวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ ในประเภท “รายการตัวแทนมรดกทางวัฒนธรรมของมนุษยชาติ (Representative List of the Intangible Cultural Heritage of Humanity)” โดยมิได้ถูกคณะกรรมการตั้งข้อสังเกตถึงคุณสมบัติแต่ประการใด นับเป็นการขึ้นทะเบียน ‘มรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้’ ขององค์การยูเนสโก รายการแรกของประเทศไทย

น้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้ในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง

 

อ้างอิง :

  • กรมส่งเสริมวัฒนธรรม กระทรวงวัฒนธรรม
  • กรมประชาสัมพันธ์
  • การแสดงโขนมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพฯ ตอน : สัตยาพาลี พ.ศ.2568 จัดแสดงตามกำหนดเดิมคือ ระหว่างวันที่ 6 พ.ย. - 8 ธ.ค.2568 ณ หอประชุมใหญ่ ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย

 

 

 

ภาพ : การแสดงโขน มูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพฯ

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์