11 ทักษะมาแรงปี 2030 รายได้พุ่ง ยุคนี้ต้องการคนไม่หยุดเรียนรู้

11 ทักษะมาแรงปี 2030 รายได้พุ่ง ยุคนี้ต้องการคนไม่หยุดเรียนรู้

เปิด 11 ทักษะสุดปังนายจ้างแย่งตัว เน้นทักษะสำคัญกับงานอนาคต แม้จบหลักสูตรสั้นๆ ไม่ง้อใบปริญญา รายงานชี้ชัด คนอัปสกิลเฉพาะด้านมีโอกาสเพิ่มรายได้ ตลาดต้องการสูง

KEY

POINTS

  • นายจ้างยุคใหม่ให้ความสำคัญกับทักษะที่ใช้งานได้จริงมากกว่าใบปริญญา โดยใบรับรองจากคอร์สระยะสั้นสามารถเพิ่มโอกาสในอาชีพและรายได้ที่สูงขึ้นได้
  • ทักษะที่เป็นที่ต้องการสูงในปี 2030 มีทั้งทักษะด้านเทคโนโลยี (AI, Big Data) และทักษะด้านมนุษย์ (ความคิดสร้างสรรค์, ความยืดหยุ่น, ภาวะผู้นำ) ซึ่งมีความสำคัญไม่แพ้กัน
  • การเรียนรู้ตลอดชีวิตและการพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่อง คือปัจจัยสำคัญที่สุดสำหรับคนทำงานเพื่อความอยู่รอดและเติบโตในตลาดแรงงานอนาคต

รายงานใหม่เผยว่า ทักษะที่ตลาดแรงงานปี 2030 ต้องการมากที่สุด ไม่จำเป็นต้องเรียน 4 ปีจนจบระดับปริญญา แค่มีใบประกาศจากคอร์สระยะสั้นของทักษะงานที่จำเป็นในโลกอนาคต ก็สามารถได้งานดีๆ เงินเดือนสูงๆ ไม่แพ้ใคร เพราะสิ่งที่นายจ้างยุคนี้กำลังมองหาไม่ใช่แค่ “ใบปริญญา” แต่คือ “ความสามารถที่ใช้งานได้จริง” โดยเฉพาะด้านความคิดสร้างสรรค์ การเข้าใจ AI และความตระหนักรู้ในตนเอง

หางานยุคใหม่ ใบประกาศคอร์สสั้น สร้างอาชีพระยะยาว

เมื่อไม่นานมานี้ มีรายงานผลสำรวจจาก Resume Now ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มสร้างเรซูเม่ด้วย AI ได้ทำการรวบรวมข้อมูลจากรายงาน Future of Jobs Report ของ World Economic Forum (WEF) และดัชนี Credential Value Index จาก Burning Glass Institute เพื่อตีแผ่ “ทักษะที่เติบโตเร็วที่สุดในอีก 5 ปีข้างหน้า” พร้อมแนะนำคอร์สเรียนทักษะจำเป็นต่องานอนาคต ที่มี “ใบรับรอง (Certification)” ซึ่งทีมวิจัยพบว่า มันช่วยเพิ่มรายได้ให้สูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ

คีธ สเปนเซอร์ (Keith Spencer) ผู้เชี่ยวชาญด้านอาชีพจาก Resume Now ให้ความเห็นว่า การเตรียมตัวสำหรับอนาคตของโลกการทำงาน ไม่จำเป็นต้องใช้เวลาเรียน 4 ปีในมหาวิทยาลัยอีกต่อไป แค่วัยทำงานมีใบประกาศนียบัตรจากการเรียนคอร์สสั้นๆ แบบมุ่งเป้าทักษะเฉพาะด้าน ก็สามารถสร้างผลลัพธ์จริงได้ทั้งในด้านรายได้และการเติบโตในสายอาชีพ

“คนที่พัฒนาตัวเองเสมอและอัปสกิลอย่างต่อเนื่อง คือคนที่มีโอกาสสูงกว่าที่จะอยู่รอด ขับเคลื่อนตัวเองไปข้างหน้าได้ไกลกว่า และเข้าถึงโอกาสอาชีพการงานที่ดีกว่า” สเปนเซอร์ อธิบาย

สเปนเซอร์ยังแนะนำว่า การเรียนหลักสูตรเฉพาะด้านจะช่วยให้บริษัท “เห็นหลักฐานชัดเจนว่าคุณเชี่ยวชาญจริง” ซึ่งมีผลต่อการพิจารณาจ้างงานหรือเลื่อนตำแหน่งงานในบริษัทเดิม

11 ทักษะมาแรงแห่งปี 2030 ที่ช่วยเพิ่มรายได้ได้จริง

จากข้อมูลของ Resume Now ทักษะต่อไปนี้คือสิ่งที่ตลาดแรงงานทั่วโลกต้องการมากที่สุด พร้อมคาดการณ์อัตราการเติบโตและรายได้เฉลี่ยที่เพิ่มขึ้นจากการเรียนรู้แต่ละด้าน

1. AI และ Big Data

ทักษะด้านเทคโนโลยีและข้อมูลยังคงมาแรง โดยคาดว่าจะเติบโตถึง 90% ภายในปี 2030
หลักสูตรแนะนำ: SQL for Data Analytics (Udemy)
ช่วยเพิ่มรายได้เฉลี่ย ประมาณ 6,800 ดอลลาร์ (ราวๆ 223,000 บาท)

2. ความเข้าใจเทคโนโลยี (Technological Literacy)

เข้าใจเครื่องมือดิจิทัลและระบบพื้นฐานที่ใช้ในองค์กรยุคใหม่ คาดว่าจะเติบโตในตลาดแรงงาน 69%
หลักสูตรแนะนำ: Basic Skills and Developmental/Remedial Education (IBM)
เพิ่มรายได้เฉลี่ย 3,600 ดอลลาร์ (ราวๆ 118,000 บาท)

3. ความยืดหยุ่นและการปรับตัว (Resilience, Flexibility & Agility)

ทักษะที่จำเป็นในโลกงานที่เปลี่ยนเร็ว คาดว่าจะเติบโตและเป็นที่ต้องการของตลาดมากถึง 68%
หลักสูตรแนะนำ: The Agile Leader (eCornell)
เพิ่มรายได้เฉลี่ย 1,800 ดอลลาร์  (ราวๆ 59,000 บาท)

4. ความคิดสร้างสรรค์ (Creative Thinking)

หนึ่งในทักษะที่นายจ้างให้ค่ามากที่สุด เป็นทักษะที่กำลังเติบโต และเป็นที่ต้องการของตลาดมากถึง 68%
หลักสูตรแนะนำ: Business Innovation (Ideo U)
เพิ่มรายได้เฉลี่ย 7,100 ดอลลาร์ (ราวๆ 233,000 บาท)

5. ภาวะผู้นำและอิทธิพลทางสังคม (Leadership & Social Influence)

เป็นทักษะที่กำลังเติบโตขึ้นมากถึง 65% และเป็นสิ่งที่องค์กรทุกระดับต้องการ
หลักสูตรแนะนำ: Women in Leadership: Inspiring Positive Change (Case Western Reserve University via Coursera)
เพิ่มรายได้เฉลี่ย 3,700 ดอลลาร์  (ราวๆ 121,000 บาท)

6. การคิดวิเคราะห์ (Analytical Thinking)

ทักษะวิเคราะห์ข้อมูลและตัดสินใจอย่างมีเหตุผล คาดว่าจะเติบโตในตลาดแรงงาน 60%
หลักสูตรแนะนำ: Critical Thinking Skills for the Professional (University of California, Davis via Coursera)
เพิ่มรายได้เฉลี่ย 4,900 ดอลลาร์ (ราวๆ 161,000 บาท)

7. ความใฝ่รู้และการเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง (Curiosity & Lifelong Learning)

นายจ้างมองว่านี่คือคุณสมบัติของคนที่เติบโตเร็ว คาดว่าจะเติบโตในตลาดแรงงาน 57%
หลักสูตรแนะนำ: The Growth Mindset (University of California, Davis via Coursera)
เพิ่มรายได้เฉลี่ย 2,900 ดอลลาร์ (ราวๆ 95,000 บาท)

8. ความเข้าอกเข้าใจและการฟังอย่างตั้งใจ (Empathy & Active Listening)

ทักษะสำคัญในการสื่อสารและบริหารทีม เป็นทักษะที่กำลังเติบโตขึ้น และเป็นที่ต้องการของตลาดมากถึง 54%
หลักสูตรแนะนำ: Emotional Intelligence at Work (Udemy)
เพิ่มรายได้เฉลี่ย 6,000 ดอลลาร์ (ราวๆ 196,700 บาท)

9. การบริหารจัดการคนเก่ง (Talent Management)

องค์กรทั่วโลกขาดผู้จัดการที่ดูแลทีมได้อย่างมีประสิทธิภาพ คาดว่าจะเติบโตในตลาดแรงงาน 54%
หลักสูตรแนะนำ: Integrated Talent Management (ATD)
เพิ่มรายได้เฉลี่ย 4,800 ดอลลาร์ (ราวๆ 157,000 บาท)

10. การคิดเชิงระบบ (Systems Thinking)

เข้าใจการทำงานของระบบองค์กรและความเชื่อมโยงระหว่างหน่วยงาน เป็นทักษะที่กำลังเติบโตขึ้น และเป็นที่ต้องการของตลาดมากถึง 52%
หลักสูตรแนะนำ: Systems Thinking in Public Health (Johns Hopkins University via Coursera)
เพิ่มรายได้เฉลี่ย 2,400 ดอลลาร์ (ราวๆ 78,700 บาท)

11. แรงจูงใจและการรู้จักตัวเอง (Motivation & Self-Awareness)

ทักษะนี้จะช่วยให้คนทำงานเข้าใจเป้าหมายและขับเคลื่อนตนเอง เป็นทักษะที่กำลังเติบโตขึ้น และเป็นที่ต้องการของตลาดมากถึง 50%
หลักสูตรแนะนำ: Myers-Briggs Type Indicator Certification
เพิ่มรายได้เฉลี่ย 1,400 ดอลลาร์ (ราวๆ 45,000 บาท)

ไม่ใช่แค่ “ทักษะเทคโนโลยี” แต่ “ทักษะมนุษย์” ก็จำเป็นไม่แพ้กัน

แม้ AI และเทคโนโลยีจะครองพื้นที่ในทุกอุตสาหกรรม แต่นายจ้างจำนวนมากกลับให้คุณค่าอย่างมากกับ “ทักษะที่มนุษย์เท่านั้นมี”

“เราคาดอยู่แล้วว่า AI กับข้อมูลจะมาแรง แต่ที่น่าทึ่งคือ ความคิดสร้างสรรค์และความฉลาดทางอารมณ์กลับเป็นทักษะที่ติดอันดับต้นๆ ที่นายจ้างต้องการจขากผู้สมัครงาน” สเปนเซอร์กล่าว

เขาอธิบายว่า การเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยีที่รวดเร็วทำให้บริษัทให้ความสำคัญกับคนที่ “เรียนรู้ ปรับตัว และนำทีมได้ในสถานการณ์ไม่แน่นอน” มากกว่าแค่มีใบรับรองทางเทคนิค นั่นหมายความว่า คนที่มีทักษะด้านมนุษย์ เช่น การสื่อสาร การฟัง การเข้าใจอารมณ์ผู้อื่น หรือความคิดสร้างสรรค์ จะยังคงเป็นที่ต้องการสูงในยุคที่ AI ทำงานแทนได้แทบทุกอย่าง

ทั้งนี้มีหลักฐานใหม่ๆ จากงานศึกษาวิจัยชี้ชัดว่า การเรียนรู้อย่างต่อเนื่องคือบันไดแห่งโอกาส ตามรายงานของ Resume Now สรุปว่า ผู้สมัครที่แสดงให้นายจ้างเห็นถึงความสนใจในการเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ จะโดดเด่นกว่าในสายตานายจ้าง

“มันสะท้อนถึงความใฝ่รู้ แรงขับเคลื่อน และความยืดหยุ่น ซึ่งบางครั้งสำคัญพอ ๆ กับทักษะเฉพาะทาง” สเปนเซอร์ ย้ำ

ดังนั้น การอัปสกิลจึงไม่ใช่ทางเลือกอีกต่อไป แต่คือ “ยุทธศาสตร์การอยู่รอด” ของคนทำงานในศตวรรษที่ 21 เมื่อโลกงานใหม่ไม่ได้ต้องการคนที่รู้ทุกอย่างแค่ในวันนี้ แต่ต้องการคนที่ไม่หยุดเรียนรู้ไปเรื่อยๆ แบบตลอดชีวิต 

คนที่จะอยู่รอดในตลาดงานไม่ใช่คนเก่งที่สุด แต่คือคนที่ “อัปเกรดตัวเองได้เร็วที่สุด” โดยไม่จำเป็นต้องรอปริญญา ไม่ต้องใช้เวลาหลายปี แค่เริ่มเรียนรู้ทักษะเฉพาะด้าน ไม่ว่าจะเป็น AI, การคิดเชิงวิเคราะห์, หรือความเข้าใจอารมณ์ผู้อื่น
ก็สามารถเปิดประตูสู่โอกาสใหม่และรายได้ที่สูงขึ้นได้จริง

 

 

อ้างอิง: CNBC, weforum.org, CredentialValueIndexResume-now