นายจ้าง 90% มองเด็กจบใหม่ไม่พร้อมทำงาน ปัญหาคือเด็กหรือระบบ?

ผู้จัดการในสหรัฐกว่า 90% ชี้ เด็กจบใหม่ ยังไม่พร้อมเข้าสู่โลกงานจริง คนรุ่นใหม่เองก็รู้สึกแบบเดียวกัน นี่อาจไม่ใช่ว่าเด็กไม่เก่ง แต่คือ “ใบปริญญา” ยังตอบโจทย์โลกไหม
KEY
POINTS
- ผลสำรวจจากผู้จัดการฝ่ายจ้างงานในสหรัฐฯ พบว่ากว่า 90% มองว่าบัณฑิตจบใหม่ (Gen Z) ยังไม่พร้อมสำหรับการทำงานจริง
- สาเหตุหลักของปัญหาถูกมองว่าเป็นเพราะ "คุณค่าของใบปริญญาที่ลดลง" เนื่องจากตลาดแรงงานยุคใหม่ต้องการทักษะเฉพาะทางมากกว่าวุฒิการศึกษา
- บริษัทจำนวนมาก รวมถึงบริษัทยักษ์ใหญ่อย่าง Google และ Microsoft เริ่มลดข้อกำหนดเรื่องวุฒิปริญญา และหันมาจ้างงานผู้มีประสบการณ์และใบรับรองเฉพาะทางแทน
- ปรากฏการณ์นี้สะท้อนถึง "วิกฤติศรัทธา" ต่อระบบการศึกษา ซึ่งอาจเป็นความล้มเหลวของระบบที่ไม่สามารถปรับตัวให้ทันโลกการทำงาน มากกว่าจะเป็นความผิดของตัวเด็กจบใหม่
รู้หรือไม่? มีเพียง 8% ของผู้จัดการฝ่ายจ้างงานเท่านั้น ที่เชื่อว่า เด็กจบใหม่รุ่น Gen Z พร้อมเข้าสู่โลกการทำงาน นั่นหมายความว่ากว่า 90% มองว่า “เด็กจบใหม่ยังไม่พร้อมทำงาน” สะท้อนวิกฤติศรัทธาต่อใบปริญญาและระบบการศึกษา ขณะที่ความเชื่อเดิมที่ว่า “การเรียนจบมหาวิทยาลัยแล้วจะได้งานดี” ก็กำลังถูกท้าทายหนักที่สุดในรอบหลายทศวรรษ
Gen Z จบใหม่ กับตลาดแรงงานที่ไม่ต้อนรับ
เมื่อไม่นานมานี้ Criteria ซึ่งเป็นบริษัทประเมินทักษะก่อนจ้างงาน ได้สำรวจความเห็นของคนทำงานระดับ "ผู้จัดการ" ของบริษัทต่างๆ ทั่วสหรัฐ กว่า 350 คน ทั้งในองค์กรขนาดเล็กและขนาดใหญ่ พบว่า มีเพียง 8% ของผู้จัดการเท่านั้นที่เชื่อว่า Gen Z พร้อมสำหรับการทำงานจริง
ขณะเดียวกัน คนรุ่นใหม่เองก็ยอมรับความรู้สึกนี้เช่นกัน โดยมีเพียง 24% ของคนรุ่น Gen Z ที่เชื่อว่าคนรุ่นตัวเอง “พร้อมทำงานแล้ว” ทั้งนี้ จอช มิลเล็ต (Josh Millet) ผู้ก่อตั้งและซีอีโอของ Criteria บอกกับ Fortune ว่า “เวลาพูดถึงปัญหาความพร้อมของ Gen Z ในตลาดแรงงาน ส่วนใหญ่หมายถึง กลุ่มบัณฑิตจบใหม่จากวิทยาลัย ซึ่งตอนนี้กำลังเผชิญช่วงเวลาที่ยากที่สุดของแนวคิดแบบอเมริกันดรีม”
มิลเล็ตกล่าวว่า ถึงแม้เทคโนโลยี AI จะเข้ามาเปลี่ยนแปลงตลาดแรงงานจริง แต่การโทษ AI ว่าเป็นสาเหตุหลักของปัญหานี้อาจไม่ถูกต้องนัก เพราะคนรุ่นใหม่ที่เติบโตมากับโลกดิจิทัล มักปรับตัวทางทักษะได้เร็วกว่ารุ่นก่อน ดังนั้น ต้นเหตุของปัญหาจริงๆ มองว่ามันคือ “คุณค่าของปริญญามหาวิทยาลัยที่ลดลงอย่างต่อเนื่อง”
“การที่ Gen Z เอง ยังยอมรับว่า ไม่มั่นใจในใบปริญญาที่ถืออยู่ แปลว่า เกิดวิกฤติศรัทธาในระบบการศึกษาอย่างแท้จริง มูลค่าของปริญญากำลังตกต่ำลงเรื่อยๆ” มิลเล็ต อธิบาย
ตลาดแรงงานสวนทาง แรงงานแนวหน้าอยู่รอด แต่สายออฟฟิศเสี่ยงตกงาน
แม้เทคโนโลยี AI จะถูกจับตาว่าจะเข้ามาแทนที่แรงงานในหลายอาชีพ
โดยเฉพาะในสาย ออฟฟิศ (White-Collar) เช่น โปรแกรมเมอร์และนักวิเคราะห์การเงิน ซึ่ง ดาริโอ อาโมเดอิ (Dario Amodei) ซีอีโอของ Anthropic ถึงกับคาดการณ์ว่า 50% ของตำแหน่งงานสายออฟฟิศจะหายไปในอีก 5 ปีข้างหน้า
แต่มิลเล็ตกลับชี้ว่า คนที่ทำงานแนวหน้า (Frontline Workers) เช่น สายผลิต บริการ หรือโลจิสติกส์ กลับไม่ได้รับผลกระทบหนักเท่าสายออฟฟิศ เพราะอาชีพเหล่านี้ไม่จำเป็นต้องมีวุฒิการศึกษาสูงและยังขาดแรงงานอยู่
“AI อาจไม่ได้ช่วยให้สถานการณ์ดีขึ้น เพราะในตอนนี้เด็กจบใหม่พยายามหางานในอุตสาหกรรมที่กำลังชะลอการจ้างงาน แต่ถ้าคุณเป็นคนรุ่นใหม่ที่ไปทำงานแนวหน้า เช่น ภาคบริการหรือโรงงาน จะเห็นว่าพวกเขาไม่ได้เจอปัญหาแบบเดียวกันเลย” ซีอีโอของ Criteria กล่าว
“วิกฤติศรัทธา” ต่อปริญญา และการผลักดันสู่การจ้างงาน
ความไม่มั่นใจใน “คุณค่าของปริญญา” ไม่ได้เพิ่งเกิดขึ้นตอนนี้ แต่สะสมมาหลายปีในหมู่ Gen Z ที่เริ่มตั้งคำถามว่า “การเรียนในมหาวิทยาลัยยังคุ้มค่ากับหนี้ที่ต้องแบกไหม?” เพราะทุกวันนี้ ค่าธรรมเนียมการศึกษาเพิ่มสูงขึ้นทุกปี หนี้กู้ยืมเพื่อการศึกษาก็พุ่งทะยาน ในขณะที่ตลาดแรงงานกลับต้องการ “ทักษะเฉพาะ” มากกว่ากระดาษใบจบ
“นี่คือพายุลูกใหญ่ของโลกการทำงานที่กระทบต่อเด้กจบใหม่ บริษัทต่างๆ ลดข้อกำหนดเรื่องใบปริญญา ในเวลาเดียวกับที่เรามีบัณฑิตจบใหม่ล้นตลาด
เกิดวิกฤติความเชื่อมั่นในสิ่งที่ปริญญามอบให้ได้จริง ในแง่ความพร้อมทำงาน
และคนที่ถือปริญญาเองก็รู้สึกสูญเสียคุณค่าในสิ่งที่เรียนมา” ” มิลเล็ตอธิบาย
รายงานของ Criteria ยังพบว่า ค่าเฉลี่ยการจ้างงานคนจบใหม่ ของผู้จัดการฝ่ายจ้างงาน ที่คาดว่าจะเพิ่มจำนวนพนักงานในปี 2026 ก็อยู่ที่ประมาณ 50-60% โดยมีความแตกต่างระหว่างแต่ละอุตสาหกรรมชัดเจน ได้แก่
1. ธุรกิจจัดหางานและสรรหาบุคลากร (Staffing/Recruiting): 68% เตรียมจ้างเพิ่ม
2. ธุรกิจสุขภาพ (Healthcare): 59%
3. ภาคการผลิต (Manufacturing): 57%
4. ขนส่งและโลจิสติกส์ (Transportation & Logistics): 50%
ขณะที่อุตสาหกรรมอย่าง เทคโนโลยี การเงิน และองค์กรไม่แสวงหากำไร
กลับคาดว่าจะจ้างงานน้อยกว่าค่าเฉลี่ยในตลาด
สายงานสุขภาพ-การผลิต รับคนที่ไม่มีปริญญามากขึ้น
ภาคธุรกิจที่ยังขาดคน อย่างสายงานด้านสุขภาพและสายงานการผลิต ก็เปิดรับแรงงานที่ไม่มีปริญญามากขึ้น เพราะสามารถฝึกทักษะเฉพาะให้ได้ในที่ทำงาน สะท้อนว่าแม้จะเรียนจบสูง แต่ปริญญาไม่ใช่ใบเบิกทางอีกต่อไป
มิลเล็ตยังชี้ว่า แนวโน้มนี้เกิดขึ้น “ทั่วทุกวงการ” แม้แต่บริษัทยักษ์ใหญ่อย่าง Google, Microsoft และ EY ก็เปิดรับพนักงานที่ไม่มีวุฒิการศึกษา แต่มีประสบการณ์และใบรับรองเฉพาะทางแทน เพราะผู้จัดการยุคนี้ ต้องรับใบสมัครนับพันๆ ใบ เพื่อหาคนที่ดีที่สุดสำหรับ 1 ตำแหน่ง ขณะที่บัณฑิตจบใหม่ Gen Z ซึ่งส่วนใหญ่มีประสบการณ์ฝึกงานน้อย จึงต้องเจอกับการแข่งขันที่หนักหน่วงกว่าที่เคย
เมื่อปริญญาไม่ได้รับประกัน “ความพร้อมทำงาน” อีกต่อไป และตลาดแรงงานหันมามอง “ทักษะจริง” มากกว่า “ใบจบ” คำถามสำคัญคือ ระบบการศึกษาจะปรับตัวได้เร็วพอหรือไม่ เพราะถ้า “คนรุ่นใหม่ไม่พร้อมทำงาน” จริง นั่นอาจไม่ใช่ความล้มเหลวของพวกเขา แต่คือความล้มเหลวของระบบที่ยังสอนให้วิ่งตามโลกแบบเมื่อสิบปีก่อน
อ้างอิง: Fortune







