'อาบป่า' เทรนด์ป่าบำบัดมาแรง ชวนหยุดงาน เข้าป่าไปซ่อมใจ

ชวนรู้จักเทรนด์ "อาบป่า" กิจกรรมอาบป่าบำบัดที่กำลังเติบโต เกิดเป็นเทรนด์วิถีฟื้นฟู-ซ่อมใจของคนยุคใหม่ มีดีอย่างไร ต่างกันไหมกับการเดินป่า
วิถีฟื้นฟู-ซ่อมใจของคนยุคใหม่ ชวน "อาบป่าบำบัด" ไม่ใช่เรื่องไกลตัว บ้านเรามีเส้นทางเดินป่าชม (และฟังเสียง) ธรรมชาติ ที่เรียบง่าย ใช้เวลาสั้น ๆ แต่ได้พลังวิเศษจากธรรมชาติ ปิดโลกดิจิทัลของคุณแล้วไปเข้าป่ากัน
อาบป่า (Forest Bathing) และ ป่าบำบัด (Forest Therapy) มีบางส่วนเหมือนและแตกต่างกันบ้าง หากตั้งอยู่บนพื้นฐานของ ธรรมชาติบำบัด ที่กำลังเป็นวิถีฟื้นฟูสุขภาพ ซ่อมแซมจิตใจ ด้วยวิธีการง่าย ๆ ใช้ระยะเวลาสั้น ๆ ทว่าได้ผลลัพธ์ที่ดีต่อตัวเองอย่างคาดไม่ถึง
อาบป่าที่อุทยานแห่งชาติขุนขาน สะเมิง (Cr.ลานลม)
วิถีเข้าป่าบำบัดกำลังได้รับความนิยมทั้งในประเทศแถบเอเชียและตะวันตก โดยเมื่อปี 2018 สมาคมธรรมชาติและป่าบำบัด (ANFT - Association of Nature and Forest Therapy ก่อตั้งในแคลิฟอร์เนีย) ได้ประกาศเส้นทางป่าบำบัดไปแล้ว 20 แห่งทั่วโลก ตั้งแต่อเมริกาจนถึงอังกฤษ นอร์เวย์ถึงนิวซีแลนด์ และเมื่อปี 2022 ก็ได้ขอใบรับรองเส้นทางใหม่อีก 40 รายการ จากหน่วยงานต่าง ๆ ที่ต้องการให้โปรแกรมป่าบำบัดของตนได้รับการรับรองอย่างเป็นทางการ
(Cr.ลานลม)
ที่จริง การอาบป่า เกิดก่อนหน้านั้นราวปี 1982 มาจากศาสตร์บำบัดของชาวญี่ปุ่นว่า ชินริน-โยคุ (Shinrin-yoku) คำว่า ชินริน แปลว่า “ป่า” ส่วน โยคุ แปลว่า “อาบ” ความหมายตรงตัวหมายถึง การเข้าไปในป่าและสัมผัสถึงธรรมชาติของต้นไม้ ดิน อากาศ สภาพแวดล้อม เพื่อเชื่อมโยงมนุษย์เข้าสู่ธรรมชาติ อันเป็นวิธีบำบัดที่ทุกคนเข้าถึงได้ง่าย ใช้เวลาสั้น ๆ
จนเมื่อปี 2002 ญี่ปุ่นได้ก่อตั้ง สมาคมป่าบำบัด ขึ้น เพื่อวิจัยผลกระทบของสิ่งแวดล้อมในป่าที่ส่งผลต่อสุขภาพของคนเรา
(Cr.ลานลม)
ในประเทศไทย กิจกรรม ป่าบำบัด กำลังเติบโต ที่พัก รีสอร์ท และอุทยานแห่งชาติหลายแห่ง ร่วมกันจัดโปรแกรมเดินป่าชมและฟังเสียงธรรมชาติ และเผยแพร่ข้อมูลประโยชน์ที่ได้จากการเข้าป่า โดยในปี 2020 ททท. ร่วมจัด กิจกรรมอาบป่า ณ พื้นที่ป่าใกล้กับบ้านกลางทุ่งโฮมสเตย์ อ.ท่าม่วง กาญจนบุรี เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวในรูปแบบใหม่
(Cr.ลานลม)
เจ้าของบ้านกลางทุ่งโฮมสเตย์ ให้ข้อมูลว่า “การอาบป่า เราไม่จำเป็นต้องตั้งเป้าหมายว่าต้องเดินเท้าไปถึงจุดไหน สิ่งสำคัญคือเราปิดรับสิ่งเร้าทั้งหมดหรือยัง และเมื่อเราใช้เวลาในป่าอย่างเป็นมิตร เราจะรับรู้ได้ถึงพลังการรักษาจากธรรมชาติ”
ยังมีเพจ Forestory ที่จัดกิจกรรมป่าบำบัดขึ้นอย่างต่อเนื่อง มีผู้เชี่ยวชาญด้านการอาบป่า ซึ่งได้รับการรับรองจากสมาคม ANFT เป็นไกด์ผู้นำกิจกรรมป่าบำบัด ดูเหมือนแนวโน้มกระแสป่าบำบัดในไทยค่อย ๆ เติบโตอย่างต่อเนื่อง
ป่าในอุทยานแห่งชาติขุนขาน (Cr.ลานลม)
การอาบป่าเหมาะกับใคร
การอาบป่าเหมาะกับทุกคน ทุกเพศ ทุกวัย โดยเฉพาะคนเมืองที่อยู่กับวิถีดิจิทัล คนชนบทเองที่บางทีไม่ได้เข้าใกล้ธรรมชาติและกำลังเผชิญความเครียด การเข้าป่าด้วยเวลาสั้น ๆ แล้วเปิดทุกโสตสัมผัสของเราเข้าสู่วิถีธรรมชาติ ฟัง ดม เห็น และสัมผัส ด้วยใจที่นิ่งสงบและมีสมาธิ ธรรมชาติจะช่วยชำระความเครียด ความรู้สึกกดทับ ความคิดที่บางครั้งเราก็หาทางออกไม่ได้ บางคนบอกรักษาอาการนอนไม่หลับได้ผล วิถีบำบัดแบบเรียบง่ายนี้ทำได้ในเวลาสั้น ๆ อาจมีคนนำทีมหรือทำด้วยตัวเองก็ได้
(Cr.visitpickens.org)
การอาบป่าไม่ใช่ไปเดินป่า
การอาบป่าใช้พื้นที่ไม่มาก ไม่นาน ไม่ได้มีจุดหมายปลายทางเหมือนไปเดินป่า และไม่ใช่เข้าป่าไปปีนเขา ไปวิ่งเทรล หรือปั่นจักรยาน แค่ใช้การเดินช้า ๆ สัมผัสสิ่งแวดล้อมรอบกาย มีสติกับการเดิน มีใจที่นิ่งสงบ ฟังเสียงลมพัด ใบไม้ปลิว เสียงนกร้อง น้ำไหล สูดกลิ่นดินกลิ่นฝน อาจถอดรองเท้าเดินลงบนพื้นหรือในลำธาร โอบกอดต้นไม้ สัมผัสใบไม้ ลูกไม้ ที่ร่วงหล่นจากต้น ฯลฯ
อาบป่าบำบัดแทนยาแก้เครียด
แนวโน้มการอาบป่า เริ่มขึ้นในหลายเมือง หลายประเทศ กระทั่งสวนใจกลางเมืองหลายแห่ง เริ่มสร้างเส้นทางป่าบำบัด เพื่อให้คนในเมืองเข้าถึงง่าย ไม่ต้องลาพักร้อนหลายวันเพื่อแสวงหาป่า
(Cr.lesbainsdeforet.fr)
ดร.ชิง ลี (Dr.Qing Li) แพทย์จากนิปปอน เมดิคัล สคูล ในโตเกียว ทำงานวิจัยว่า How Trees Can Help You Find Health and Happiness ต้นไม้ช่วยเสริมสุขภาพและสร้างความสุขให้เราได้อย่างไร งานของ ดร.ชิง บอกว่า ปัจจุบันมนุษย์เราอยู่ในพื้นที่ปิดราว 93% หมายถึงไม่ได้เอาตัวเองมาสู่กลางแจ้ง นั่นหมายถึงการปิดกั้นตัวเองจากธรรมชาติ ซึ่งส่งผลกระทบต่อภาวะสุขภาพจิตโดยไม่รู้ตัว
Forest Bathing หนังสืออาบป่าของ Dr.Qing Li
ปัจจุบัน แพทย์ในญี่ปุ่นแนะนำคนไข้โรคเครียด หรือมีปัญหานอนไม่หลับ อารมณ์แปรปรวน ไม่มีสมาธิในการทำงาน วิตกกังวลสูง ให้ไป อาบป่า ซึ่งกำลังเป็น Japanese Medicine ที่ไม่ต้องจ่ายค่ายาเพิ่ม โดยหมอในญี่ปุ่นเชื่อว่า นอกจากรักษาอาการทางจิตใจได้แล้ว ยังเชื่อว่าช่วยบรรเทาอาการความดันโลหิตสูง ช่วยผ่อนคลายกล้ามเนื้อ และช่วยเพิ่มภูมิต้านทาน
ในแคนาดา แพทย์หญิงเมลิสสา เล็ม (Melissa Lem) ส่งเสริมให้แพทย์เขียนใบสั่งให้คนไข้ออกไปใช้เวลากับธรรมชาติ จะไปอาบป่าหรือเข้าป่าบำบัด เป็นทางเลือกเสริมแทนการจ่ายยาเพียงอย่างเดียว เธอแนะนำว่า
(Cr.Wikimedia Commons CC BY-2.0)
“แค่ใช้เวลาอยู่กับธรรมชาติอย่างน้อย 2 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ และใช้เวลาอย่างน้อย 20 นาทีในการออกไปแต่ละครั้ง”
ยังมีงานวิจัยจากวารสาร International Journal of Biometeorology และ International Journal of Environmental Research and Public Health (IJERPH) เผยว่า การใช้เวลาในธรรมชาติสามารถลดความเหนื่อยล้าทางจิตใจ ความฉุนเฉียว ความเครียด และระดับฮอร์โมนคอร์ติซอลลงได้ การเดินเล่นท่ามกลางธรรมชาติจึงดีต่อทั้งร่างกายและจิตใจ
(Cr.tokyoweekender.com)
อาบป่า ช่วยซ่อมใจ ฟื้นฟูพลังบวก นอกจากให้ประโยชน์กับตัวเองแล้ว เมื่อสัมผัสถึงป่าก็จะก่อเกิดความรักและหวงแหนในผืนป่า ธรรมชาติดีเช่นนี้เรต้องรักษาไว้
อ้างอิง: dasta.or.th, ngthai.com, Japan.travel







