MrBeast แจกเงินจนรวย? คอนเทนต์โชว์ความใจดี สร้างธุรกิจพันล้าน

MrBeast ใช้คอนเทนต์ "ความใจกว้าง" เป็นจุดขายหลัก จนสามารถสร้างอาณาจักรธุรกิจ Beast Industries มูลค่ากว่า 5 พันล้านดอลลาร์ ผสมผสานระหว่างทุนนิยมกับอุดมการณ์แห่งการให้
KEY
POINTS
- MrBeast ใช้คอนเทนต์ที่เน้น "ความใจกว้าง" และ "การแจกเงิน" เป็นจุดขายหลัก จนสามารถสร้างอาณาจักรธุรกิจ Beast Industries ที่มีมูลค่ากว่า 5 พันล้านดอลลาร์
- โมเดลธุรกิจของเขาเป็นการผสมผสานระหว่าง "ทุนนิยม" กับ "อุดมการณ์แห่งการให้" โดยใช้แพลตฟอร์มเพื่อสร้างผลกระทบเชิงบวกผ่านมูลนิธิการกุศล ควบคู่ไปกับการแสวงหาผลกำไร และการทำธุรกิจอื่นๆ ควบคู่กันไป
- เบื้องหลังความสำเร็จคือ ต้นทุนการผลิตที่มหาศาลจนทำให้ธุรกิจสื่อขาดทุน แต่ภาพรวมของบริษัทยังคงเติบโตและได้รับความเชื่อมั่นจากนักลงทุนอย่างมหาศาล
จากคลิปวิดีโอนับเลขหนึ่งถึงแสน สู่การสร้างอาณาจักรคอนเทนต์ระดับโลก MrBeast ใช้ “ความใจกว้าง” (เช่น แจกเงิน) เป็นจุดขายในการทำคอนเทนต์เสิร์ฟบนโซเชียลมีเดีย จนทำให้ช่องยูทูปของเขาเติบโตไปไกลมาก แต่เบื้องหลังกลับเต็มไปด้วยต้นทุนมหาศาลและแรงกดดันจากผู้คนในสังคม พูดได้ว่า.. อาณาจักร Beast Industries มูลค่า 5 พันล้านดอลลาร์ กำลังยืนอยู่บนการผสมระหว่าง "ทุนนิยม" กับ "อุดมการณ์แห่งการให้" ซึ่งเส้นทางนี้ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ
MrBeast (Jimmy Donaldson) นักสร้างคอนเทนต์ No.1 ของโลก
“คุณนับถึง 100,000 ได้ไหม?” นี่คือคำถามที่ จิมมี โดนัลด์สัน (Jimmy Donaldson) หรือที่โลกรู้จักกันในชื่อ MrBeast เคยใช้เปิดตัวคลิปแรกๆ ของเขาในวัย 18 ปี การนั่งนับตัวเลขอย่างที่ดูเหมือนเป็นไปไม่ได้ กลายเป็นหมุดหมายแรกที่สร้างแรงกระเพื่อมในโลก YouTube
วันนี้ โดนัลด์สัน อายุ 27 ปีแล้ว และนั่งอยู่บนบัลลังก์อาณาจักรคอนเทนต์ระดับโลก มีผู้ติดตามกว่า 442 ล้านคน และยอดวิวสะสมทะลุ 9.6 หมื่นล้านครั้ง (ข้อมูล ณ 2 ต.ค. 2025) พร้อมขยายไปสู่ธุรกิจใหญ่โต ตั้งแต่ดีลซีรีส์กับ Amazon มูลค่าหลักร้อยล้านดอลลาร์ ธุรกิจขนมช็อกโกแลต Feastables ไปจนถึงนิยายที่กำลังจะออกกับ James Patterson
โดนัลด์สัน ตั้งเป้าหมายสร้างอาณาจักรความบันเทิงที่หลากหลาย และหวังว่าวันหนึ่งจะยิ่งใหญ่ทัดเทียม Disney แต่สิ่งที่ทำให้เขาโดดเด่น ไม่ใช่การทำ Vlog หรือสตรีมเกมเหมือนครีเอเตอร์ทั่วไป หากแต่เป็นการใช้ความใจกว้าง ใจดี และการช่วยเหลือผู้อื่น มาเป็นหัวใจของคอนเทนต์
วิกฤติมาปัญญาเกิด! ชีวิตถึงจุดตกต่ำสุด ก็เกิดแรงดีดกลับมหาศาล
ก่อนหน้านี้เมื่อช่วงต้นปี โดนัลด์สัน ได้ไปพูดคุยเกี่ยวกับชีวิตการทำงาน ความสุขส่วนตัว แรงผลักดัน และอาณาจักรธุรกิจของเขา ในรายการพอดแคสต์ "The Diary Of A CEO" มีบางช่วงบางตอนที่เขาบอกว่า “หากสุขภาพจิตของผมดีเลิศ ผมคงไม่ประสบความสำเร็จอย่างที่เป็นอยู่ นี่คือราคาที่ต้องจ่าย”
เขาพยายามผลักดันตัวเองให้ทำงานอย่างไม่หยุดหย่อน เขาบอกอีกว่า “ในบางวันเมื่อรู้สึกเหนื่อยและแย่ ผมจะบอกตัวเองว่า ความรู้สึกที่มีตอนนี้ คือเหตุผลที่ไม่มีใครอยากทำในสิ่งที่คุณกำลังทำ และหากคุณฝ่าฟันมันไปได้ นั่นคือเหตุผลที่ยิ่งสำคัญมากขึ้นไปอีก เพราะนั่นแปลว่าว่าจะไม่มีใครเป็นเหมือนคุณได้”
โดนัลด์สัน มองว่าความสามารถพิเศษ (Superpower) ของเขาคือ การสามารถ “หมกมุ่นกับสิ่งใดสิ่งหนึ่งได้อย่างไม่รู้จบ” มากกว่าคนอื่นๆ บนโลกใบนี้ ความทะเยอทะยานที่ไม่มีวันยอมแพ้ของเขาเป็นสิ่งที่ติดตัวมาตั้งแต่เกิด
โดยในตอนที่เขาอายุ 11 ปี ครอบครัวของเขาประสบภาวะล้มละลายและสูญเสียทุกอย่าง พ่อล้มละลาย เขาจึงต้องการดูแลแม่ของเขาให้ได้ เขาได้ตัดสินใจว่า “ผมจะเป็นยูทูบเบอร์ ผมจะยอมตายเพื่อทำสิ่งนั้น และผมหมายความอย่างนั้นจริงๆ ”
ความใจกว้างคือคีย์สำคัญของธุรกิจ Beast Industries
ตัดกลับมาที่ปัจจุบัน ทุกวันนี้คลิปยอดนิยมในช่อง MrBeast มักเกี่ยวข้องกับการ “ให้” เช่น การเก็บขยะชายหาดสกปรกที่สุดในโลก สร้างบ่อน้ำในแอฟริกา แจกบ้าน และผ่านมูลนิธิ Beast Philanthropy ที่เขาก่อตั้ง เขาบริจาคอาหารกว่า 300 ล้านดอลลาร์ (คิดเป็น 42 ล้านมื้อ) ช่วยเหลือผู้ลี้ภัยยูเครน 5 ล้านดอลลาร์
นี่ยังไม่รวมถึงการจัดหาอุปกรณ์การเรียนและเทคโนโลยีมูลค่า 500,000 ดอลลาร์ และยังสนับสนุนแขนขาเทียม 2,000 ชิ้น และสนับสนุนการรักษาผู้ป่วยปากแหว่งเพดานโหว่ 100 ราย และยังเคยมอบจักรยานไฟฟ้าให้ผู้คนอีก 600 คัน
ล่าสุด เขาจับมือกับ Mark Rober ทำแคมเปญ #TeamWater เพื่อจัดหาน้ำดื่มสะอาดในแอฟริกาและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ สามารถระดมทุนได้กว่า 41 ล้านดอลลาร์ จากผู้บริจาคกว่า 100,000 คน โดยค่าเฉลี่ยการบริจาคเพียงไม่ถึง 4 ดอลลาร์ต่อคน แต่มีบริษัทยักษ์ใหญ่ทั้ง Google, TikTok และ Accenture ร่วมบริจาคเป็นล้าน
เจฟฟ์ เฮาส์เซนโบลด์ (Jeff Housenbold) ซีอีโอของ Beast Industries และอดีตผู้บริหารในซิลิคอนวัลเลย์ บอกว่า “เรากำลังเน้นใช้แพลตฟอร์มของ MrBeast เพื่อสร้างผลกระทบเชิงบวก เราเป็นบริษัทแสวงหากำไร แต่ก็มีความเห็นแก่ประโยชน์ของผู้อื่นเป็นที่ตั้ง (altruistic) คำถามคือ เราจะผสานทุนนิยมเข้ากับการให้อย่างไร เพื่อให้ทุกฝ่ายได้ประโยชน์? และเราคิดว่าคำตอบคือ ‘ทำได้’ ”
แนวทางนี้ทำให้ Beast Industries ติดอันดับ Fortune’s 2025 Change the World list
อาณาจักร 5 พันล้านดอลลาร์ ที่ต้องแลกมากับเสียงก่นด่า?
เส้นทางความใจกว้างของ MrBeast ไม่ได้ง่าย และไม่ใช่ของราคาถูกๆ เลย จุดเริ่มต้นคือปี 2017 หลังคลิปนับเลข เขาจับมือ Quidd แอปคอลเลกชันดิจิทัล (ปัจจุบันปิดตัวไปแล้ว) เพื่อทำวิดีโอแจกเงินก้อนโตให้สตรีมเมอร์ พนักงานส่งพิซซ่า และคนขับ Uber ตอนนั้นเขาอายุเพียง 19 ปี หลังดร็อปเรียนจากวิทยาลัย Pitt Community College ได้เพียงสองสัปดาห์
ถึงวันนี้ ความท้าทายเรื่อง “กำไร” ยังตามหลอกหลอน Bloomberg รายงานว่า Beast Industries ขาดทุนสุทธิ สามปีซ้อน ล่าสุดคือการผลิตเรียลลิตี้โชว์ Beast Games ให้ Amazon Prime ที่ถ่ายทำถึง 3 ประเทศ และทำลายสถิติโลก Guinness 44 รายการ รวมถึงรางวัลเงินสดรายการแข่งขันที่มากที่สุด 10 ล้านดอลลาร์ แต่ต้นทุนการผลิตทะลุ 100 ล้านดอลลาร์
โดนัลด์สัน ยอมรับเองในรายการพอดแคสต์ Diary of a CEO ว่า “มันไม่ใช่การตัดสินใจที่ดีด้านการเงินเลย ผมเสียเงินไปเยอะกว่าที่จะได้เพิ่ม ถ้าไม่ได้ถ่ายทำ ผมคงมีเงินมากกว่านี้”
แม้จะขาดทุน แต่เขาและนักลงทุนยังเชื่อว่าความใจกว้างครั้งใหญ่จะคุ้มค่าในระยะยาว “เงินไม่ใช่ทุกอย่าง การสร้างและบริหารมันยากกว่ามาก” เขากล่าว
ปี 2024 รายได้จากสื่อ (YouTube + รายการทีวี) อยู่ที่ 250 ล้านดอลลาร์ แต่ยังขาดทุนสุทธิ 80 ล้านดอลลาร์ ส่วน Feastables กลับทำกำไรได้กว่า 20 ล้านดอลลาร์
โดนัลด์สัน เคยบอกว่า หากมองจำนวนตัวเลขของรายได้ “บนกระดาษ” เขาอาจนับเป็นมหาเศรษฐีได้ เพราะมูลค่าบริษัทและแบรนด์รวมๆ แต่ในชีวิตจริงเขาเก็บเงินสดไว้น้อยมาก เขาถึงขั้นต้องยืมเงินแม่เพื่อจัดงานแต่งงาน
Forbes ประเมินรายได้ประจำปีของบริษัทนี้ ระหว่างเดือน เม.ย. 2024 - เม.ย. 2025 อยู่ที่ประมาณ 85 ล้านดอลลาร์ (ราวๆ 2.7 พันล้านบาท) ขณะที่ Bloomberg ยังระบุว่า Beast Industries เพิ่งปิดดีลระดมทุนที่มูลค่า 5 พันล้านดอลลาร์ สะท้อนความเชื่อมั่นมหาศาลจากนักลงทุน
เส้นทาง MrBeast ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ มีด้านมืด-คดีฟ้องร้อง
อาณาจักร MrBeast ก็มีด้านมืดเช่นกัน เช่น คดีฟ้องร้องเรื่องสภาพการถ่ายทำอันตรายของผู้แข่งขัน Beast Games ที่ยังอยู่ระหว่างการพิจารณา อีกทั้งยังมีกรณีผู้ร่วมงานถูกกล่าวหาล่วงละเมิดทางเพศ แม้การสอบสวนโดยสำนักงานกฎหมายจะสรุปว่าข้อกล่าวหา “ไม่มีมูล”
นักวิชาการ บิล ซิมเมอร์แมน (Bill Zimmerman) จากมหาวิทยาลัย Penn State ให้ความเห็นว่า การเติบโตของโดนัลด์สัน อาจแตะถึงเพดานในเร็วๆ นี้ เพราะคลิปแบบ “ชาเลนจ์สุดโต่ง” อาจสร้างความรู้สึกขัดแย้งในผู้ชม
“วิดีโอบางตอนที่อยู่นอกเหนือจากคอนเทนต์ทำการกุศล อาจทำให้คนจำนวนมากรู้สึกไม่สบายใจ เพราะมันเน้นเอาคนไปผ่านความท้าทายทางกายภาพเพื่อแลกเงินรางวัล” เขาอธิบาย
แต่ เจฟฟ์ เฮาส์เซนโบลด์ ซีอีโอ Beast Industries ยืนยันว่า “เราต้องการทำให้ ‘ความใจดี’ กลายเป็นไวรัล ผ่านเสียงของอินฟลูเอนเซอร์และแฟนๆ ทั่วโลก และอยากเชิญชวนบริษัท องค์กรไม่แสวงหากำไร รวมถึงรัฐบาลมาร่วมกันสร้างการเปลี่ยนแปลงที่ยั่งยืน”
โดนัลด์สัน สรุปไว้เองในพอดแคสต์ Diary of a CEO ว่า “โลกที่ผมได้ช่วยผู้คน มันสนุกกว่ามาก เมื่อเทียบกับโลกที่ผมไม่ทำอะไรเลย”
อย่างไรก็ตาม สิ่งหนึ่งที่ปฏิเสธไม่ได้คือเรื่องราวของ MrBeast ทำให้เห็นว่า การเป็นคนใจกว้าง ใจดี ไม่ได้แค่สร้างรอยยิ้ม แต่บางครั้งยังสร้างธุรกิจที่เติบโตจนกลายเป็นอาณาจักรพันล้านได้ ความดีและเม็ดเงินอาจไม่ใช่สองเส้นที่สวนทางกันเสมอไป และบางครั้งก็อาจเดินไปด้วยกันได้อย่างทรงพลัง
อ้างอิง: Fortune, Diary of a CEO, Forbes, Bloomberg







