ซีอีโอระดับโลกฟันธง! ทำงาน 3 วัน/สัปดาห์ มาแน่ ชี้ AI ตัวเปลี่ยนเกม

Eric Yuan ซีอีโอ Zoom เห็นตรงกับ Bill Gates, Huang, Dimon ว่า อนาคตการทำงานอาจเหลือ 3-4 วันต่อสัปดาห์ AI ช่วยแบ่งเบาภาระงาน แต่ตลาดแรงงานจะไม่เหมือนเดิม งานบางอย่างจะหายไป
KEY
POINTS
- ซีอีโอระดับโลกหลายคน เช่น เอริก หยวน จาก Zoom, บิล เกตส์ Microsoft, และ เจนเซน หวง Nvidia เชื่อว่า AI จะเป็นเทคโนโลยีสำคัญที่ผลักดันให้เกิดการทำงาน 3 วันต่อสัปดาห์ในอนาคต
- AI จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน (Productivity) ทำให้มนุษย์ไม่จำเป็นต้องทำงาน 5 วันต่อสัปดาห์เหมือนเดิม และมีเวลาสำหรับชีวิตส่วนตัวมากขึ้น
- การเปลี่ยนแปลงนี้จะส่งผลกระทบต่อตลาดแรงงาน โดยงานบางตำแหน่งอาจถูกแทนที่ด้วยระบบอัตโนมัติ แต่ในขณะเดียวกันก็จะเกิดตำแหน่งงานใหม่ๆ ที่เกี่ยวข้องกับ AI ขึ้นมา
เอริก หยวน (Eric Yuan) ซีอีโอของ Zoom ออกมาสนับสนุนแนวคิดของผู้นำธุรกิจระดับโลกอย่าง บิล เกตส์ (Bill Gates), เจนเซน หวง (Jensen Huang) และ เจมี ไดมอน (Jamie Dimon) ที่เชื่อว่า ปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI จะเป็นแรงขับเคลื่อนให้เกิดการทำงานแบบใหม่ นั่นคือ “การทำงาน 3 วันต่อสัปดาห์” แทนที่จะต้องเข้าออฟฟิศ 5 วันต่อสัปดาห์เหมือนเดิม
แม้การเปลี่ยนแปลงนี้จะทำให้ชีวิตการทำงานดูน่าดึงดูดขึ้น แต่ เอริก หยวน ก็ยอมรับตรงๆ ว่า จะมี “งานบางอย่าง” หายไปในกระบวนการนี้เช่นกัน
ซีอีโอ Zoom มองการทำงานโลกใหม่ ไม่จำเป็นต้องทำงาน 5 วัน?
หยวนกล่าวกับ The New York Times ว่า “ถ้า AI สามารถทำให้ชีวิตของเราดีขึ้นได้ ทำไมเราต้องทำงานถึง 5 วันต่อสัปดาห์? ในอนาคตทุกบริษัทจะสนับสนุนการทำงาน 3 หรือ 4 วัน ซึ่งท้ายที่สุดแล้วจะทำให้ทุกคนมีเวลาเป็นของตัวเองมากขึ้น”
แนวคิดนี้เข้ากับบรรยากาศในยุโรปที่มีการทดลอง “สัปดาห์ทำงาน 4 วัน” และประสบผลสำเร็จหลายแห่ง ขณะเดียวกันในสหรัฐ บริษัทด้านโค้ชชิ่ง Exos ก็เคยปรับตารางทำงานให้สั้นลง 1 วัน ผลลัพธ์คือ ความเหนื่อยล้าของพนักงานลดลงครึ่งหนึ่ง และ ผลิตภาพ (productivity) เพิ่มขึ้น 24%
สำหรับคนอเมริกันที่ติดอยู่กับวัฒนธรรม “ทำงานหนัก” แบบองค์กรขนาดใหญ่ การได้ยินผู้นำธุรกิจสนับสนุนการทำงานสั้นลง ถือว่าเป็นเหมือนข่าวดีของพวกเขา แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า การลดวันทำงานนั้น ก็อาจจะมาพร้อมกับการถูกแทนที่ด้วยเทคโนโลยีในงานหลายๆ ตำแหน่ง (ลดจำนวนพนักงานลงด้วยการเลย์ออฟ)
ผู้นำระดับโลกเห็นตรงกัน AI จะทำให้วันทำงานสั้นลง เหลือแค่ 3 วัน!
1. บิล เกตส์ (Bill Gates)
ผู้ร่วมก่อตั้ง Microsoft กล่าวในรายการ The Tonight Show ช่วงต้นปี 2024 ว่า ในอีก 10 ปีข้างหน้า AI จะก้าวหน้าจนทำให้มนุษย์ไม่จำเป็นสำหรับ “งานส่วนใหญ่” อีกต่อไป และเมื่อถึงตอนนั้น พนักงานอาจทำงานเพียง 2-3 วันต่อสัปดาห์ก็เพียงพอ
เกตส์บอกด้วยว่า “ถ้ามองกว้างๆ จุดประสงค์ของการใช้ชีวิตไม่ใช่การทำงานตลอดเวลา”
2. เจนเซน หวง (Jensen Huang)
ซีอีโอ Nvidia ซึ่งเป็นบริษัท GPU มูลค่ากว่า 4 ล้านล้านดอลลาร์ มองว่า การปฏิวัติ AI เพิ่งเริ่มต้นเท่านั้น แต่ถ้าอุตสาหกรรมต่างๆ นำ AI ไปใช้ต่อเนื่องด้วยความเร็วแบบปัจจุบัน ก็ “น่าจะ” นำไปสู่สัปดาห์ทำงาน 3-4 วันได้เช่นกัน
อย่างไรก็ตาม หวงเตือนว่า มันอาจไม่ได้หมายถึง “ทำงานน้อยลง” เสมอไป เพราะมีโอกาสสูงที่การทำงานจะถูกบีบให้เข้มข้นกว่าเดิม และมนุษย์อาจ “ยุ่งกว่าปัจจุบัน” ด้วยซ้ำ
3. เจมี ไดมอน (Jamie Dimon)
ซีอีโอ JPMorgan Chase ซึ่งเป็นยักษ์ใหญ่ด้านการเงินที่ขึ้นชื่อเรื่องการทำงานหนัก (สัปดาห์ละ 80 ชั่วโมง) กลับเป็นหนึ่งในผู้สนับสนุนแนวคิดนี้ด้วย
เขาเคยให้สัมภาษณ์กับ Bloomberg TV ตั้งแต่ปี 2023 ว่า เทคโนโลยีจะทำให้คนรุ่นใหม่ “มีชีวิตถึงอายุ 100 ปี ปราศจากโรคมะเร็ง และน่าจะทำให้ชั่วโมงการทำงาน ลดลงเหลือเพียงสัปดาห์ละ 3 วันครึ่ง”
ไม่ใช่ทุกคนจะได้ทำงานในเวลาสั้นลง เพราะบางคนอาจตกงานไปเลย!
แม้แนวคิด “ทำงาน 3 วัน” จะดูน่าตื่นเต้น แต่ เอริก หยวน ยอมรับตรงๆ ว่า มันจะทำให้ตลาดแรงงานมีการ “ปั่นป่วนครั้งใหญ่” งานจำนวนหนึ่งจะถูกแทนที่ด้วยระบบอัตโนมัติ และเอเจนต์ AI โดยเฉพาะตำแหน่ง วิศวกรซอฟต์แวร์ระดับเริ่มต้น ที่ AI สามารถเขียนโค้ดแทนได้
แต่หยวนย้ำว่า การเปลี่ยนแปลงนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่ และทุกการปฏิวัติทางเทคโนโลยี ก็มักทำให้ “งานเก่าหายไป แต่งานใหม่เกิดขึ้น” เช่นเดียวกับยุคปฏิวัติอุตสาหกรรม หรือยุคที่โลกนี้เพิ่งจะกำเนิดอินเทอร์เน็ต
“งานบางอย่างจะหายไป แต่ก็จะมีงานใหม่ เช่น งานบริหารจัดการโค้ดของ AI หรืองานดูแลเอเจนต์ดิจิทัลที่ถูกสร้างขึ้นมา” หยวน กล่าว
ซีอีโอรายอื่นก็เห็นพ้อง งานบางอย่างหายไป แต่โอกาสใหม่เกิดขึ้น
ไม่ใช่แค่ซีอีโอ Zoom เท่านั้นที่ยอมรับความจริงนี้ แต่ยังมีซีอีโอรายอื่นๆ อีก เช่น "จิม ฟาร์ลีย์" (Jim Farley) ซีอีโอ Ford และ "เซบาสเตียน ซีเมียตคอฟสกี้" (Sebastian Siemiatkowski) ซีอีโอ Klarna โดยทั้งคู่ต่างเห็นตรงกันว่า การเปลี่ยนผ่านสู่ยุค AI จะทำให้งานบางอย่างถูกลบออกจากระบบแน่นอน
อย่างไรก็ตาม เจนเซน หวง มองอีกมุมว่า AI อาจทำให้ “การจ้างงานเพิ่มขึ้น” มากกว่าลดลง โดยเขายกตัวอย่างว่า ในช่วง 300 ปีที่ผ่านมา แม้คอมพิวเตอร์เข้ามามีบทบาทและเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน แต่การจ้างงานกลับเพิ่มขึ้นด้วย เพราะเมื่อมนุษย์มี “ไอเดียใหม่ๆ และผลิตภาพสูงขึ้น” ก็สามารถสร้างอนาคตใหม่ที่ดีกว่าได้เสมอ
สรุปแล้วแนวคิดการทำงาน 3 วันต่อสัปดาห์ ไม่ได้เป็นเพียงแค่ฝันลมๆ แล้งๆ แต่กำลังถูกผลักดันโดยผู้นำธุรกิจระดับโลกที่มองเห็นศักยภาพของ AI อย่างชัดเจน คำถามสำคัญอยู่ที่ว่า ..มันจะช่วยให้มนุษย์ ทำงานน้อยลงเพื่อมีชีวิตที่ดีขึ้น หรือกลับกลายเป็นทำงานหนักในเวลาที่สั้นลงกว่าเดิม?
แต่ที่แน่ๆ คือ โลกการทำงานจะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป และมนุษย์ทุกคนต้องเตรียมพร้อม เข้าสู่ยุคแห่งการทำงานรูปแบบใหม่ที่ AI จะเป็นตัวกำหนดบรรทัดฐานโลกการทำงาน
อ้างอิง: Fortune, The New York times
พิสูจน์อักษร....สุรีย์ ศิลาวงษ์







