โค้กคัพกลับมาแล้ว! ตำนานที่ยังมีลมหายใจแห่งฟุตบอล U-17 ไทย

เสียงนกหวีดที่แฟนบอลไทยคิดถึงกำลังจะดังขึ้นอีกครั้ง โค้กคัพ ทัวร์นาเมนต์ฟุตบอลเยาวชนในตำนานที่เคยสร้างซูเปอร์สตาร์ประดับวงการลูกหนังไทยมานับไม่ถ้วน กำลังจะคัมแบ็กอย่างยิ่งใหญ่ในปี 2569 สานต่อลมหายใจและปั้นคลื่นลูกใหม่ ขับเคลื่อนอนาคตฟุตบอลไทย

นี่ไม่ใช่แค่การกลับมาของการแข่งขันฟุตบอลถ้วยเยาวชนธรรมดา แต่คือการปฏิวัติสู่รูปแบบ "ลีกเยาวชน U-17" ที่เข้มข้นและเป็นระบบกว่าเดิม จากความร่วมมือครั้งประวัติศาสตร์ระหว่าง โคคา-โคล่า ประเทศไทย และ สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ (FAT) ที่จะร่วมกันปัดฝุ่นตำนานบทนี้ให้กลับมามีชีวิต พร้อมภารกิจที่ยิ่งใหญ่กว่าเดิม นั่นคือการพาทัพ "ช้างศึกจูเนียร์" กลับไปผงาดในเวทีฟุตบอลโลก U-17 ให้ได้อีกครั้ง

จากตำนานสู่ลมหายใจแห่งอนาคต

ย้อนกลับไปเมื่อปี พ.ศ. 2524 "โค้กคัพ" ได้ถือกำเนิดขึ้นและกลายเป็นเวทีแจ้งเกิดของดาวรุ่งมากมายตลอดระยะเวลากว่าสี่ทศวรรษ นี่คือสมรภูมิที่นักเตะอย่าง ศุภณัฏฐ์ เหมือนตา, ศุภชัย ใจเด็ด หรือแม้กระทั่ง วีระเทพ ป้อมพันธุ์ เคยโชว์ฝีเท้าและฉายแววความเป็นยอดนักเตะในอนาคต เป็นเหมือนประตูบานแรกที่เปิดโอกาสให้เด็กหนุ่มผู้มีใจรักในเกมลูกหนังได้ไล่ตามความฝัน

การกลับมาครั้งนี้จึงเปรียบเสมือนการต่อยอดลมหายใจแห่งตำนาน ด้วยรูปแบบการแข่งขันใหม่ที่จะเปิดฉากขึ้นในเดือนพฤษภาคมถึงสิงหาคม พ.ศ. 2569 โดยจะมีทีมเยาวชนจากทั่วประเทศถึง 192 ทีม จาก 6 ภูมิภาค ลงฟาดแข้งกันใน 195 แมตช์สุดเข้มข้น เพื่อชิงเงินรางวัลชนะเลิศ 1 ล้านบาท และรองชนะเลิศ 500,000 บาท แต่สิ่งที่ล้ำค่ากว่าเงินรางวัล คือ "โอกาส" ที่เด็กไทยจะได้รับ

"ความร่วมมือครั้งนี้ตอกย้ำถึงความมุ่งมั่นของเราในการสนับสนุนนักกีฬาเยาวชนและวงการฟุตบอลเยาวชนไทย เราดีใจที่ได้มีส่วนพัฒนานักกีฬาฟุตบอลไทยรุ่นใหม่และเปิดโอกาสให้เยาวชนไทยได้แสดงศักยภาพ เพื่อทำตามความฝันของตนเองได้อย่างเต็มที่" เซลแมน คาเรกา ประธานภูมิภาคอาเซียนและแปซิฟิกตอนใต้ เดอะ โคคา-โคล่า คัมปะนี กล่าว

ภารกิจ U-17 สานฝันบอลโลกที่รอคอย

เป้าหมายสูงสุดของการกลับมาครั้งนี้ ไม่ใช่แค่การสร้างแชมป์โค้กคัพ แต่คือการสร้างทีมชาติไทยที่แข็งแกร่งที่สุดในรุ่นอายุไม่เกิน 17 ปี เพื่อภารกิจสำคัญในการคว้าตั๋วไปแข่งขันฟุตบอลโลก U-17 ซึ่งเป็นเวทีที่ทัพช้างศึกจูเนียร์ห่างหายไปนานกว่า 2 ทศวรรษ

"มาดามแป้ง" นวลพรรณ ล่ำซำ นายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ เน้นย้ำถึงความสำคัญของทัวร์นาเมนต์นี้ว่า "รุ่นอายุไม่เกิน 17 ปี เป็นหนึ่งในรุ่นที่สมาคมฯ ให้ความสำคัญมากที่สุด การกลับมาของ ‘โค้กคัพ’ ในรูปแบบใหม่ จึงถือเป็นส่วนเติมเต็มสำคัญ ในเรื่องทรัพยากรของนักกีฬา และเป็นประตูสู่โอกาสไปฟุตบอลโลกของทีมชาติไทยมากยิ่งขึ้น"

สอดคล้องกับการที่สหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ (ฟีฟ่า) ได้ปรับให้มีการแข่งขันฟุตบอลโลก U-17 ต่อเนื่องทุกปี การมีลีกเยาวชนที่แข็งแกร่งและจัดอย่างต่อเนื่องจึงเป็นจิ๊กซอว์ชิ้นสำคัญที่จะทำให้ความฝันของคนไทยทั้งชาติเป็นจริง

ปั้นดาวรุ่งด้วยศาสตร์และศิลป์: โมเดล "T+MASC"

เบื้องหลังการแข่งขันที่ดุเดือดในสนาม จะมีกระบวนการเฟ้นหาและพัฒนา "เพชรเม็ดงาม" อย่างเป็นระบบ โดยสมาคมฯ จะใช้โมเดล "T+MASC" ซึ่งเป็นเกณฑ์การคัดเลือกนักเตะที่มีมาตรฐานสากล เพื่อติดตามผลงานและสนับสนุนการพัฒนาผู้เล่นอย่างใกล้ชิด

โมเดล T+MASC ประกอบด้วย

• T (Talent) ความสามารถพิเศษเฉพาะตัว ทักษะที่โดดเด่นเกินใคร
• M (Motricity) กลไกการเคลื่อนไหวของร่างกาย ความเร็ว ความแข็งแกร่ง และความคล่องตัวในสนาม
• A (Availability) ทักษะการเล่นกับลูกฟุตบอล ทั้งการครองบอล การเลี้ยง และการยิงประตู
• S (Smart) ไหวพริบ ความเข้าใจในเกม และการตัดสินใจที่เฉียบคมทั้งในเกมรุกและเกมรับ
• C (Character) คุณลักษณะความเป็นนักสู้ ทัศนคติ และความมุ่งมั่นทุ่มเท

นักเตะที่ฉายแววโดดเด่นตลอดทัวร์นาเมนต์ จะได้รับคัดเลือกเข้าสู่ทีมชาติไทย ภายใต้สัญญาความร่วมมือ 3 ปี ตั้งแต่ พ.ศ. 2569 ถึง 2571 เพื่อบ่มเพาะและเตรียมความพร้อมสำหรับเป้าหมายใหญ่ นั่นคือการเข้ารอบในการแข่งขันเอเชียนคัพ และฟุตบอลโลก U-17 ในที่สุด

การกลับมาของ "โค้กคัพ U-17" จึงเป็นมากกว่าแค่การแข่งขันฟุตบอล แต่คือการวางรากฐานอนาคต คือการปลุกตำนานให้กลับมามีชีวิต และคือการจุดประกายความฝันให้เด็กไทยนับหมื่นนับแสนคนทั่วประเทศได้รู้ว่าบนเส้นทางลูกหนัง ไม่ว่าคุณจะอยู่ที่ไหน หากคุณมีฝันและพร้อมจะสู้ ที่นี่คือเวทีของคุณ