อายุยืนไปอีกขั้น! จ่อทดลอง ยาต้านอัลไซเมอร์ในมนุษย์ สิ้นปี 2025

อายุยืนไปอีกขั้น! จ่อทดลอง ยาต้านอัลไซเมอร์ในมนุษย์ สิ้นปี 2025

บริษัทสตาร์ตอัพ Retro Biosciences บริษัทสตาร์ตอัพที่ Sam Altman ซีอีโอ OpenAI ลงทุนไป 180 ล้านดอลลาร์ เตรียมทดลองยาต้านอัลไซเมอร์ในมนุษย์ครั้งแรก ภายในสิ้นปี 2025

KEY

POINTS

  • บริษัทสตาร์ตอัพ Retro Biosciences เตรียมทดลองยาต้านอัลไซเมอร์ในมนุษย์ครั้งแรกภายในสิ้นปี 2025
  • ยาตัวใหม่นี้มีชื่อว่า RTR242 ตั้งเป้าฟื้นฟูระบบรีไซเคิลเซลล์ (Autophagy) เพื่อกำจัดโปรตีนที่เสียหายในสมอง ซึ่งเป็นต้นเหตุของโรค
  • เป้าหมายสูงสุดของการวิจัยคือการเพิ่ม "อายุขัยที่แข็งแรง" (healthspan) ให้กับมนุษย์อีก 10 ปี ไม่ใช่แค่การรักษาโรค

วงการ Longevity กำลังจะก้าวหน้าไปอีกขั้น! อาจทำให้มนุษย์มีอายุยืนได้อีก 10 ปี โดย Retro Biosciences บริษัทสตาร์ตอัพด้านชีววิทยาเพื่อยืดอายุขัย ที่ได้รับการหนุนหลังจาก แซม อัลท์แมน (Sam Altman) ซีอีโอของ OpenAI เปิดเผยความคืบหน้างานวิจัยด้านการยืดอายุขัยครั้งใหญ่ ในการพัฒนายาเม็ดที่มีศักยภาพในการต้านอัลไซเมอร์ โดยการทดลองในมนุษย์ครั้งแรกคาดว่าจะเริ่มได้ภายในสิ้นปี 2025

ความหวังจากยาตัวใหม่ ปฏิวัติสุขภาพมนุษย์

โจ เบตส์-ลากรัวซ์ (Joe Betts-LaCroix) ซีอีโอของ Retro Biosciences นักวิทยาศาสตร์ และผู้ประกอบการที่เคยสร้างสรรค์คอมพิวเตอร์ที่เล็กที่สุดในโลก เขาเปรียบงานที่เขาทำเหมือนกับการปฏิวัติครั้งใหญ่ในชีวิตมนุษย์ เช่นเดียวกับเครื่องปรับอากาศที่เคยเปลี่ยนวิธีที่มนุษย์รับมือกับสภาพอากาศร้อน

ประสบการณ์ที่ผ่านมาทำให้เขาหลงใหลการ “เปลี่ยนกระบวนทัศน์” และวันนี้เขากำลังพยายามทำสิ่งเดียวกันกับชีววิทยาของมนุษย์ เบตส์-ลากรัวซ์ หวังว่า วันหนึ่งวิทยาการด้านชีววิทยาจะช่วย “แยกความแก่ ออกจากโรคภัยและความเสื่อม” ได้จริง

Retro Biosciences ก่อตั้งขึ้นในปี 2021 โดยได้การลงทุนเริ่มต้น 180 ล้านดอลลาร์สหรัฐ จากแซม อัลท์แมน และภายในสิ้นปี 2025 บริษัทจะเริ่มทดลองยา RTR242 ในมนุษย์เป็นครั้งแรก

ก้าวแรก ทุ่มวิจัยศึกษายาเม็ด RTR242

ยานี้ตั้งเป้า “ปลุกระบบรีไซเคิลเซลล์” หรือ Autophagy ให้กลับมาทำงานเหมือนตอนร่างกายยังหนุ่มสาว กระบวนการนี้ทำหน้าที่กำจัดโปรตีนที่เสียหาย แตกหัก หรือผิดปกติในสมองออกไป ซึ่งมันมักจะเกิดขึ้นเมื่อคนเราอายุมากขึ้น แล้วระบบนี้จะรวนและก่อให้เกิดการสะสมของ “ขยะเซลล์” ที่เป็นปัจจัยสำคัญของโรคอัลไซเมอร์และพาร์กินสัน

“มีโปรตีนเก่า แตกหัก กลายพันธุ์ และย่อยไม่ได้มากมายที่ค่อยๆ สะสมอยู่ในเซลล์ และระบบรีไซเคิลเซลล์ในร่างกายก็เริ่มเสื่อมถอยเมื่ออายุมากขึ้น” เบตส์-ลากรัวซ์อธิบาย

เพื่อให้การทดลองเริ่มได้เร็ว Retro เลือกประเทศออสเตรเลียเป็นฐานทดลอง เพราะมีกระบวนการอนุมัติ Phase 1 (การทดสอบความปลอดภัย) ที่รวดเร็วกว่าในสหรัฐฯ ปัจจุบันบริษัทได้เลือกศูนย์ทดลองและห้องแล็บคู่สัญญาเรียบร้อยแล้ว และคาดว่าจะมีผู้เข้าร่วมรายแรกในช่วงปลายปีนี้

ท้าชนคู่แข่งยักษ์ใหญ่ด้าน Longevity

แต่ก้าวต่อไปไม่ง่าย เพราะการจะขยายสู่การทดลองขนาดใหญ่ จำเป็นต้องมี “ผลลัพธ์ที่น่าเชื่อถือ” เพื่อดึงดูดเงินลงทุนรอบใหญ่ บริษัทตั้งเป้าไว้สูงถึง 1,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ สำหรับซีรีส์ A

หาก Retro ดึงทุนเพิ่มได้ตามเป้า จะทำให้บริษัทก้าวขึ้นไปอยู่ในกลุ่มเดียวกับ บริษัท Altos Labs ของ เจฟฟ์ เบโซส์ (Jeff Bezos) ซึ่งถือว่าเป็นสตาร์ตอัพด้าน Longevity ที่มีเงินทุนหนาที่สุดในซิลิคอนวัลเลย์ โดย Altos ได้ระดมทุนไปแล้วกว่า 3,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ จากนักลงทุนชื่อดังอย่าง ยูริ มิลเนอร์ (Yuri Milner), โจ ลอนส์เดล (Joe Lonsdale) ผู้ร่วมก่อตั้ง Palantir และ โรเบิร์ต เนลสัน (Robert Nelson) ผู้ก่อตั้ง Arch Venture

RTR242 ไม่ใช่โครงการวิจัยเดียวของ Retro แต่เป็นหนึ่งในสามเสาหลักของบริษัท โดยทั้งหมดตั้งเป้า “พาย้อนชีววิทยามนุษย์กลับไปสู่วัยอ่อนกว่า” โดยนอกจากยารักษาอัลไซเมอร์แล้ว Retro ยังพัฒนายาชนิดอื่นอีก ได้แก่ 
- RTR890:  ยาสร้างสเต็มเซลล์เม็ดเลือดใหม่จากเซลล์ของผู้ป่วยเอง เพื่อรักษาโรคเลือดอย่างลูคีเมีย
- RTR888:  ยารักษาโรคระบบประสาทส่วนกลางด้วยสเต็มเซลล์

เน้นรีเซ็ตระบบจากภายใน เพื่อเป้าหมายยืดอายุได้อีก 10 ปี

สิ่งที่ทำให้ RTR242 แตกต่างจากยารุ่นใหม่ในตลาด เช่น Leqembi ของ Eisai หรือ Kisunla ของ Eli Lilly คือแทนที่จะเน้นกำจัดโปรตีนอะไมลอยด์ที่สะสมในสมอง ยาตัวนี้ตั้งใจ “รีสตาร์ท” ระบบ Autophagy เพื่อกำจัดขยะเซลล์โดยตรง โดยเฉพาะในสมอง

เบตส์-ลากรัวซ์ อธิบายว่า “ถ้ายานี้ทำงานได้จริง มันจะเหมือนกับการกดปุ่มรีเซ็ต ทำความสะอาดสมองจากภายใน”

เป้าหมายสูงสุดของ Retro ไม่ใช่การทำให้คนอายุยืนถึง 120 ปี แต่เป็นการเพิ่ม “10 ปีที่แข็งแรง” ให้กับทุกคน บริษัทไม่ได้หมายความว่าอายุขัยเฉลี่ยของชาวอเมริกันจะขยับจาก 78 ไป 88 ปีทันที แต่เน้นว่า คนจะยังคงแข็งแรง สดใส และมีคุณภาพชีวิตดีจนถึงช่วงสุดท้ายของชีวิต

เบตส์-ลากรัวซ์ย้ำว่า “การรักษามะเร็งได้ จะเพิ่มอายุขัยได้เพียง 3 ปี รักษาโรคหัวใจได้ก็เพิ่มอายุขัยได้ 4 ปี แต่ถ้าเพิ่มได้ 10 ปีของสุขภาพแข็งแรงในภาพรวมทั้งหมด นั่นจะเป็นความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์การแพทย์”

AI คือผู้ช่วยลับ เบื้องหลังงานวิจัยมูลค่ามหาศาล

นอกจากการวิจัยยาต่างๆ Retro ก็ยังมีแนวทางที่ “ล้ำสมัย” ในการวิจัยเรื่องอื่นๆ โดยใช้ AI เป็นผู้ช่วย รวมถึงการทำงานร่วมกับ OpenAI ของอัลท์แมน โดยเมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ทั้งสองบริษัทได้เปิดเผยโครงการ GPT-4b micro ซึ่งเป็นโมเดล AI สำหรับ “รีเซ็ตเซลล์” ในร่างกายใหม่ให้ย้อนวัยกลับสู่สภาพอ่อนเยาว์

ผลการทดลองชี้ว่า GPT-4b micro สามารถเพิ่มการรีโปรแกรมสเต็มเซลล์ได้มากถึง 50 เท่า เมื่อเทียบกับวิธีดั้งเดิม นี่อาจเป็นก้าวสำคัญของการ “รีเซ็ตเซลล์” ซึ่งปัจจุบันถือเป็นเทรนด์ร้อนแรงที่สุดในซิลิคอนวัลเลย์ เพราะมีศักยภาพจะย้อนวัยเซลล์มนุษย์และซ่อมร่างกายที่เสื่อมสภาพ

แม้การ “รีเซ็ตเซลล์” จะยังอยู่ในช่วงทดลอง แต่ก็ถือเป็นหนึ่งในแนวทางที่ร้อนแรงที่สุดในซิลิคอนวัลเลย์ตอนนี้ เพราะอาจเป็นกุญแจสำคัญในการย้อนวัยร่างกายมนุษย์ วันนี้ Retro เลือกเดินเกมอย่างระมัดระวัง ผ่านการทดลองยา RTR242 ในมนุษย์ ซึ่งหากสำเร็จอาจเป็นจุดเริ่มต้นของการรีเซ็ตสมอง และในอนาคตอาจนำไปสู่การปฏิวัติวิทยาศาสตร์การแพทย์ที่ช่วยเพิ่มอายุสุขภาพมนุษย์ได้จริง

 

อ้างอิง: BusinessInsider