ครีเอเตอร์ไทย 2025 โตแรง! พบใช้ Facebook มากที่สุด รองลงมา Tiktok

iCreator Report 2025 ฉบับแรกของไทย เผยอินไซต์วงการครีเอเตอร์ไทยโตแรง เม็ดเงินพุ่ง แต่ไม่ถูกยอมรับเป็นอาชีพ พบทำคอนเทนต์บน Facebook มากที่สุด รองลงมา Tiktok IG Youtube
KEY
POINTS
- จากรายงาน iCreator Report 2025 พบว่า Facebook เป็นแพลตฟอร์มที่ครีเอเตอร์ไทยใช้สร้างคอนเทนต์มากที่สุด (31%) ตามมาด้วย TikTok (27%)
- แม้ Facebook จะเป็นแพลตฟอร์มหลัก แต่ครีเอเตอร์กว่า 52.1% เลือก TikTok เป็นแพลตฟอร์มที่อยากสร้างชื่อเสียงให้โดดเด่นที่สุด เนื่องจากอัลกอริทึมเอื้อต่อผู้สร้างหน้าใหม่
- ครีเอเตอร์ไทยส่วนใหญ่เป็นกลุ่ม Gen Y (63%) และ Gen Z (30%) โดยกว่า 62.2% ยังคงทำเป็นอาชีพเสริมควบคู่ไปกับงานประจำ
ทุกวันนี้ “ครีเอเตอร์” ไม่ได้เป็นเพียงคนสร้างคอนเทนต์เพื่อความบันเทิงอีกต่อไป แต่กลายเป็นหนึ่งในฟันเฟืองสำคัญของเศรษฐกิจดิจิทัลที่เติบโตอย่างรวดเร็ว ไม่เว้นแม้แต่ในประเทศไทย ที่วงการครีเอเตอร์ไทยกำลังขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ทั้งในด้านจำนวนผู้เล่น เม็ดเงินที่หลั่งไหลเข้าสู่อุตสาหกรรม และอิทธิพลที่มีต่อพฤติกรรมผู้บริโภค
ล่าสุดมีการเผยแพร่ iCreator Report 2025 รายงานขนาดใหญ่ที่ใช้เวลารวบรวมข้อมูลยาวนานกว่า 2 ปีเต็ม เป้าหมายเพื่อสร้างฐานข้อมูล (Foundation) และพิมพ์เขียว (Blueprint) ในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจครีเอเตอร์ (Creator Economy) ของไทย รวมถึงเป็นส่วนสำคัญในการผลักดันให้ครีเอเตอร์ไทยเป็นอาชีพที่ได้รับยอมรับทางกฎหมาย เทียบเท่าอาชีพอื่นๆ เพราะที่ผ่านมามักถูกมองว่าเป็นสายงานที่ไม่มั่นคง
ทั้งนี้ ในรายงานความยาวกว่า 90 หน้าเล่มนี้อัดแน่นด้วย Infographic ใหม่ทั้งหมด 100% และเปิดเผยต่อสาธารณะได้อย่างอิสระภายใต้สัญญาอนุญาต Creative Commons (BY-SA) ขณะนี้มีเฉพาะเวอร์ชันภาษาไทย และกำลังจะผลิตเวอร์ชันภาษาอังกฤษตามมา เพื่อให้สามารถอ้างอิงได้ทั้งในและต่างประเทศ
งานวิจัยดังกล่าวได้ข้อมูลจากหลายมิติ ทั้งการรับฟังและเก็บข้อมูลแบบ Social Listening จากกว่า 66,965 บัญชีโซเชียลมีเดีย การสำรวจเชิงปริมาณกับครีเอเตอร์ 468 คน และการสัมภาษณ์เชิงลึกกับผู้เชี่ยวชาญในแวดวง ก่อนสรุปออกมาเป็น “ภาพใหญ่” ของอุตสาหกรรมครีเอเตอร์ไทยปี 2025
เอ็ม - ขจร เจียรนัยพานิชย์ บรรณาธิการบริหาร RAiNMaker ผู้จัดงาน iCreator Conference และโต้โผหลักในการจัดทำ iCreator Report 2025 ครีเอเตอร์รีพอร์ตเล่มแรกของประเทศ (ด้วยความร่วมมือกับ Wisesight, Tellscore และคณะนิเทศศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย) ได้พูดถึงภาพรวมและอินไซต์ของโลกครีเอเตอร์ในปัจจุบันไว้อย่างน่าสนใจ ดังนี้
ครีเอเตอร์ไทย ส่วนใหญ่ยังทำงานควบคู่ไปกับอาชีพหลัก
หนึ่งในภาพสะท้อนสำคัญคือ ครีเอเตอร์ส่วนใหญ่ (62.2%) ยังทำงานประจำและสร้างคอนเทนต์ผ่านสื่อออนไลน์เป็นงานอดิเรก มีเพียง 13% เท่านั้นที่ทำคอนเทนต์เป็นอาชีพหลักและอาชีพเดียว ขณะเดียวกันยังพบว่า 73.7% เป็น Solo Creator หรือทำงานคนเดียว แต่ก็เริ่มมีการรวมทีมขนาดเล็ก 2-5 คนเพิ่มมากขึ้นในยุคนี้
แล้วเหล่าครีเอเตอร์ในไทย เป็นคนวัยไหน? และอยู่ที่ไหนกันบ้าง? ตามรายงานฉับบดังกล่าวชี้ว่า ครีเอเตอร์ไทยส่วนใหญ่เป็น Gen Y (63%) และ Gen Z (30%) โดยกระจายตัวอยู่ทั่วประเทศ นำโด่งด้วยครีเอเตอร์ในภาคกลาง มีอยู่มากถึง 75% ซึ่งรวมกรุงเทพฯ
ตามด้วยภาคตะวันออก 8% และภาคเหนือ 6% ส่วนภูมิภาค อื่นๆ มีสัดส่วนน้อยกว่า 5% ซึ่งสัดส่วนนี้สะท้อนถึงการรวมตัวของโอกาส ในวงการคอนเทนต์ทั้งด้านพื้นที่และคอมมูนิตี้ของครีเอเตอร์ขณะเดียวกัน ก็มีการเติบโตของ Local Content ในต่างจังหวัดเป็นจำนวนมากขึ้นอย่างน่าสนใจ เช่น เชียงใหม่และขอนแก่นที่เริ่มโดดเด่น
TikTok ครองใจครีเอเตอร์ไทย แต่ Facebook ยังเป็นบ้านหลังใหญ่ที่สุด
แม้ Facebook จะยังเป็นแพลตฟอร์มที่ครีเอเตอร์ไทยทำคอนเทนต์เสิร์ฟขึ้นไปมากที่สุด คิดเป็น 31% ของจำนวนครีเอเตอร์ทั้งหมด รองลงมาคือ TikTok 27%, Instagram 25%, YouTube 17%
แต่เมื่อเจาะลึกพฤติกรรมการเลือกใช้แพลตฟอร์ม จะพบความเปลี่ยนแปลงที่น่าสนใจ โดย ครีเอเตอร์กว่า 52.1% ระบุว่าหากต้องเลือกเพียงหนึ่งแพลตฟอร์มที่อยากให้ตนเองโดดเด่นที่สุดในวันนี้ พวกเขาจะเลือก TikTok
บรรณาธิการบริหาร RAiNMaker อธิบายจุดนี้ว่า เหตุผลหลักคือ อัลกอริทึมของ TikTok เอื้อต่อผู้เริ่มต้น ไม่จำเป็นต้องมีผู้ติดตามจำนวนมากก็สามารถสร้างคลิปที่มียอดเข้าถึงระดับหลักล้านได้ อีกทั้งยังสอดรับกับความต้องการของแบรนด์ที่เน้นทำการตลาดผ่านคอนเทนต์วิดีโอสั้นโดยเฉพาะ
ครีเอเตอร์ไทยใช้หลายแพลตฟอร์มพร้อมกัน เปิดแพลตฟอร์มหลักและรองที่ใช้บ่อย
หากแบ่งตาม “แพลตฟอร์มหลักและรอง” ที่ครีเอเตอร์ใช้โพสต์คอนเทนต์ พบข้อมูลดังนี้
อันดับ 1 Facebook: แพลตฟอร์มหลัก 50.4% และแพลตฟอร์มรอง 27.4%
อันดับ 2 TikTok: แพลตฟอร์มหลัก 28.8% และแพลตฟอร์มรอง 26.1%
อันดับ 3 Instagram: แพลตฟอร์มหลัก 10.9% แต่เป็น แพลตฟอร์มรองยอดนิยมสูงสุด 30.3%
อันดับ 4 YouTube: แพลตฟอร์มหลัก 6.4% และแพลตฟอร์มรอง 7.5%
อันดับ 5 Lemon8: แพลตฟอร์มหลัก 1.9% และแพลตฟอร์มรอง 3.4%
อันดับ 6 X (Twitter): แพลตฟอร์มหลัก 1.1% และแพลตฟอร์มรอง 3.0%
เมื่อดูแนวโน้มการเติบโต พบว่า Lemon8 แซงหน้า X ขึ้นมาเป็นแพลตฟอร์มอันดับ 5 ที่ครีเอเตอร์ไทยเริ่มให้ความสำคัญมากขึ้น ซึ่งสะท้อนถึงพลวัตของตลาดที่เปิดกว้างสำหรับผู้เล่นใหม่ โดยสรุปคือ Facebook ยังคงเป็นฐานใหญ่ ที่ครีเอเตอร์จำนวนมากยึดโยง แต่ TikTok กำลังครองใจและกลายเป็นเป้าหมายหลัก ของผู้ที่อยากสร้างชื่อ ขณะที่ Instagram ยังคงเป็น “ตัวช่วยเสริม” ที่เพิ่มการเข้าถึงผู้ชมได้อย่างมีนัยสำคัญ
หมวดคอนเทนต์ ไลฟ์สไตล์-บิวตี้ มาแรง! สายมูติดโผเติบโตโดดเด่น
หากดูที่หมวดหมู่เนื้อหา ครีเอเตอร์ไทยส่วนใหญ่ยังคงทำคอนเทนต์อยู่ใน 6 กลุ่มหลัก ได้แก่
1. Lifestyle (19.36%)
2. Beauty & Fashion (16.83%)
3. Travel (8.50%)
4. Entertainment (8.30%)
5. Gaming (6.53%)
6. Food Drink & Cafe (6.53%)
รวมแล้วคิดเป็นสัดส่วนเกือบ 65% ของทั้งอุตสาหกรรม ขณะเดียวกัน หมวดหมู่ที่กำลังเติบโตและน่าจับตามองเป็นพิเศษ คือ สายมูเตลู/โหราศาสตร์ ที่มีผู้สร้างคอนเทนต์หมวดนี้มากกว่าสาย IT เสียอีก รวมถึง กลุ่มคอนเทนต์สายสุขภาพ ฟิตเนส และ Wellness ที่ได้รับความนิยมมากกว่า กลุ่มคอนเทนต์สายการลงทุน
ขณะที่รูปแบบคอนเทนต์ที่ชัดเจนที่สุดคือ คลิปสั้น (Short-form Content) ซึ่งเป็นรูปแบบยอดนิยมมากที่สุด กลายเป็นมาตรฐานสำหรับผู้ชมในยุคนี้ โดยมีผู้ผลิตสูงถึง 82.7% รองลงมาคือคอนเทนต์ประเภทภาพเดี่ยว คิดเป็น 53.8% และภาพอัลบั้ม คิดเป็น 47.2% ตัวเลขเหล่านี้สะท้อนถึงความหลากหลายของวิธีการสร้างสรรค์คอนเทนต์ ของชาวครีเอเตอร์ เพื่อเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายในปัจจุบัน
ครีเอเตอร์ต้องหารายได้หลายทาง แต่ส่วนใหญ่ยังมีรายได้น้อย
ครีเอเตอร์ไทยไม่ได้พึ่งพาเพียงสปอนเซอร์ แต่จำเป็นต้องมีแหล่งรายได้หลายๆ ทาง จึงจะอยู่รอดได้อย่างมั่นคง โดยช่องทางการทำรายได้รวมทุกช่องทาง ทั้งจากตัวแพลตฟอร์มเองและจากช่องทางอื่นๆ ได้แก่
- รายได้ตรงจากแพลตฟอร์ม (46.6%)
- คอนเทนต์สปอนเซอร์และแบรนด์ (37.8%)
- Affiliate Marketing หรือปักตะกร้า (25.6%) โดย TikTok ครองความนิยมสูงสุด
- ไม่ได้รับรายได้จากคอนเทนต์ (22.9%)
- วิทยากร (10.7%)
- โดเนทและรับของขวัญ (7.1%)
- สินค้าและผลิตภัณฑ์ (5.6%)
อย่างไรก็ตาม รายงานพบว่า เกือบครึ่งหนึ่ง (48.1%) ของครีเอเตอร์ ยังมีรายได้ต่อปีจากการทำคอนเทนต์ไม่เกิน 10,000 บาท
ความหวังต่อภาครัฐ ครีเอเตอร์อยากได้การยอมรับในฐานะอาชีพ
สิ่งที่ครีเอเตอร์เรียกร้องมากที่สุดคือ การบรรจุอาชีพครีเอเตอร์เป็นอาชีพอย่างเป็นทางการ (58.8%) เพื่อแก้ปัญหาด้านการเสียภาษี การกู้เงิน หรือการทำธุรกรรมทางการเงิน นอกจากนี้ยังอยากให้มีการสนับสนุนด้านการศึกษา (57.3%) ปรับปรุงภาษีและสวัสดิการ รวมถึงการตั้งสมาคมหรือกองทุนเพื่อพัฒนาวงการในระยะยาว
ท้ายที่สุด iCreator Report 2025 ไม่ได้เป็นเพียงรายงานตัวเลข แต่คือภาพสะท้อนสำคัญของเศรษฐกิจครีเอเตอร์ไทยที่กำลังเติบโตอย่างต่อเนื่อง แม้รายได้และสถานะอาชีพยังไม่มั่นคง แต่แนวโน้มบ่งบอกชัดว่าครีเอเตอร์จะเป็นพลังใหม่ในเศรษฐกิจดิจิทัลไทย หากได้รับการสนับสนุนอย่างจริงจัง ทั้งนี้กลุ่มครีเอเตอร์และประชาชนทั่วไปที่สนใจสามารถดาวน์โหลดรายงานได้ที่ rainmaker icreatorreport







