Brown Noise ช่วยพนักงานสมาธิสั้นทำงานดีขึ้น ลดการลาออกได้จริง

อยากเพิ่มประสิทธิภาพให้พนักงาน ไม่ต้องรีโนเวตใหญ่ แค่ใช้วิธีเปิดเสียง Brown Noise ปรับตำแหน่งโต๊ะ ก็ทำให้พนักงานโฟกัสดีขึ้น ทำผลงานดีขึ้น ลดการลาออกได้จริง
KEY
POINTS
- องค์กร Understood ในสหรัฐฯ ได้ออกแบบออฟฟิศให้เป็นมิตรต่อพนักงานที่มีความหลากหลายทางประสาท (Neurodiverse) เช่น สมาธิสั้น เพื่อลดภาระทางสมองและสิ่งรบกวน
- มีการใช้ “Brown Noise” หรือเสียงความถี่ต่ำเปิดจากลำโพงบนเพดาน เพื่อสร้างบรรยากาศที่สงบและช่วยให้พนักงานมีสมาธิในการทำงานมากขึ้น
- นอกจากการใช้เสียงแล้ว ยังมีการปรับสภาพแวดล้อมอื่น ๆ เช่น การใช้วัสดุดูดซับเสียง การจัดแสงที่หลากหลาย และการออกแบบที่เข้าใจง่าย เพื่อลดความเหนื่อยล้าของสมอง
- การปรับปรุงสภาพแวดล้อมเหล่านี้ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของพนักงาน และได้รับการยืนยันว่าสามารถช่วยลดอัตราการลาออกได้จริง
ทุกวันนี้มีวัยทำงานผู้ใหญ่ที่มีอาการสมาธิสั้นอยู่จำนวนไม่น้อย บางคนรู้ตัว แต่บางคนก็ไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ ซึ่งอาการดังกล่าวส่งผลกระทบต่อประสิทธิภาพการทำงานอยู่ไม่น้อย (ตรวจคัดกรองเบื้องต้น คลิกที่: manarom ADHD หรือ add.org) หากพนักงานพบว่าตนเองมีอาการเข้าข่ายควรไปปรึกษาแพทย์ และรักษาต่อไป เพื่อให้ร่างกายและสมองกลับมาสมบูรณ์แข็งแรงทำงานได้เต็มประสิทธิภาพเหมือนเดิม อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้ไม่ควรเป็นการแก้ปัญหาของตัวพนักงานเองเท่านั้น แต่ควรเป็นความรับผิดชอบของบริษัทหรือองค์กรด้วย
ยกตัวอย่างเคสหนึ่งที่น่าสนใจของต่างประเทศ มีองค์กรแห่งหนึ่งที่มีการดูแลเอาใจใส่พนักงานที่มีความหลากหลายทางประสาท (Neurodiverse) ในที่ทำงาน เช่น สมาธิสั้น, ออทิสติก, ภาวะอ่าน เขียน สะกดคำไม่คล่อง (Dyslexia) เพื่อให้พวกเขาไม่ถูกตีตราในสังคมการทำงาน และสามารถทำงานได้ดีมีประสิทธิภาพไม่แพ้คนอื่นๆ
เรากำลังพูดถึงออฟฟิศขององค์กรไม่แสวงหากำไร Understood ที่ตั้งอยู่ใจกลางแมนฮัตตัน สหรัฐอเมริกา ดูภายนอกที่นี่ก็เหมือนกับออฟฟิศทั่วๆ ไป แต่จริงๆ แล้วมีบางอย่างที่ไม่ธรรมดาซ่อนอยู่ เพราะที่นี่ถูกออกแบบให้เป็นมิตรกับพนักงานที่มีความหลากหลายทางประสาท (Neurodiverse) โดยเฉพาะ การจัดแสง, จัดเสียง, ฟังก์ชันการเข้าถึงความช่วยเหลือ และรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ที่ตั้งใจทำเพื่อให้ทุกคนรู้สึกสบายใจ และทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ
“เราเริ่มจากแนวคิดง่ายๆ ว่า เมื่อคุณก้าวเข้ามาในออฟฟิศ มันควรจะรู้สึกแตกต่าง และคุณไม่ต้องแบกรับภาระทางความคิดมากเกินไป” เนธาน ฟรีดแมน (Nathan Friedman) ประธานร่วมบริหาร และประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการตลาดของ Understood กล่าว
ความท้าทายของวัยทำงานกลุ่มความหลากหลายทางระบบประสาท ช่วงหลังโควิท
การกลับมาทำงานในออฟฟิศหลังโควิด ถือเป็นเรื่องท้าทายสำหรับหลายคน โดยเฉพาะผู้ที่มีภาวะสมาธิสั้น (ADHD) ออทิสติก หรือดิสเล็กเซีย (Dyslexia) ซึ่งมักเผชิญความเหนื่อยล้าและความยากลำบากในการทำงานร่วมกับผู้อื่น Understood ในฐานะองค์กรไม่แสวงหากำไรที่สนับสนุนคนที่มีความแตกต่างด้านการเรียนรู้และการคิดในสหรัฐฯ จึงร่วมมือกับทั้งบริษัทเอกชน โรงเรียน และหน่วยงานท้องถิ่น เพื่อสร้างพื้นที่การทำงานที่ตอบโจทย์คนกลุ่มนี้มากขึ้น
ทุกวันนี้ หลายองค์กรเริ่มหันมาให้ความสำคัญกับพนักงานกลุ่ม Neurodiverse มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการปรับกระบวนการรับสมัครงาน หรือฝึกอบรมผู้จัดการให้ทำงานกับพนักงานกลุ่มนี้ได้อย่างเข้าใจ เพราะมีงานวิจัยชี้ว่า เมื่อได้รับการสนับสนุนที่ถูกต้อง คนกลุ่มนี้สามารถสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับธุรกิจได้มหาศาล
“นี่ไม่ใช่เรื่องของสิ่งที่ดีต่อใจพนักงานเพียงอย่างเดียว แต่มีผลต่อธุรกิจจริงๆ พนักงาน Neurodiverse มีศักยภาพในการแก้ปัญหาที่ซับซ้อน คิดวิธีใหม่ๆ เปิดโอกาสทางการตลาด และแม้กระทั่งการวิจัยรูปแบบที่แตกต่างไปจากเดิม” ฟรีดแมนอธิบาย
ลดภาระสมองและสิ่งรบกวน ก็ทำงานได้ดีขึ้นกว่าเดิม!
Understood เริ่มรีโนเวตออฟฟิศแห่งนี้ตั้งแต่ก่อนโควิด และเปิดใช้อย่างเต็มรูปแบบในปลายปี 2022 จุดเด่นคือการออกแบบเพื่อ “ลดภาระทางความคิดให้กับสมอง (Cognitive Load)” และ “ลดการเปลี่ยนโหมดความสนใจไปมา (Context Switching)” ซึ่งเป็นสิ่งที่สร้างความเหนื่อยล้าอย่างมากสำหรับคนที่มี ADHD ออทิสติก หรือดิสเล็กเซีย
หนึ่งในวิธีการที่ใช้ได้ผลดีคือการใช้ “Brown Noise” หรือ เสียงความถี่ต่ำที่ช่วยให้โฟกัส โดยเปิดแผ่วๆ จากลำโพงบนเพดาน เพื่อสร้างบรรยากาศนิ่งสงบ ขณะเดียวกัน การออกแบบห้องประชุม ก็มีการบุผนังและเพดานด้วยวัสดุดูดซับเสียง ส่วนโต๊ะทำงานก็มีการติดตั้งแผงกันเสียงระหว่างโต๊ะทำงาน เพื่อลดสิ่งรบกวนจากรอบข้าง
ถัดมาในส่วนของการจัดแสง ออฟฟิศแห่งนี้มีการจัดแสงสว่างในแต่ละโซนของออฟฟิศก็แตกต่างกัน บางพื้นที่ใช้แสงอบอุ่น บางส่วนใช้แสงสลัว และบางโซนเป็นไฟฟลูออเรสเซนต์ ทั้งนี้พนักงานแต่ละคนจะไม่ถูกกำหนดให้นั่งโต๊ะแบบตายตัว แต่พวกเขาสามารถเลือกนั่งในพื้นที่ที่เหมาะกับสภาพร่างกายและอารมณ์ของตัวเองได้ในแต่ละวัน
นอกจากนี้ยังมีการออกแบบให้ทุกอย่างเข้าใจง่าย เพื่อลดความสับสน เช่น การตั้งชื่อห้องประชุมและปีกออฟฟิศแบบตรงไปตรงมา เช่น “East Wing” หรือ “West Wing” พร้อมหมายเลขห้อง ไม่ใช้ชื่อซับซ้อน และเอกสารทุกชิ้นถูกพิมพ์ด้วยฟอนต์ที่เป็นมิตรกับผู้มีภาวะดิสเล็กเซีย ซึ่ง Understood พัฒนาขึ้นมาใช้เอง
ปรับออฟฟิศเล็กน้อย แต่ช่วยพนักงานมีประสิทธิภาพได้มาก
“สิ่งที่หลายองค์กรชอบมากหลังจากมาเยี่ยมชมออฟฟิศเรา คือ บางอย่างที่ทำได้เลยโดยไม่ต้องเสียเงิน แค่ย้ายโต๊ะพนักงานออกจากจุดที่มีเสียงรบกวน เช่น ข้างลิฟต์ ก็ถือว่าเป็นการช่วยเหลือแล้ว และไม่มีต้นทุนอะไรเลย” ฟรีดแมนบอก
พร้อมตัวอย่างให้ฟัง เช่น การส่งเอกสารให้พนักงานอ่านล่วงหน้าก่อนประชุม หรือเปิดซับไตเติลชัดๆ เวลานำเสนอพรีเซนเตชันในห้องประชุม เขาเสริมด้วยว่า การปรับปรุงออฟฟิศเล็กๆ น้อย ๆ แบบนี้ สามารถลดอัตราการลาออกได้จริง
ฟรีดแมนชี้ว่า องค์กรไม่จำเป็นต้องลงทุนปรับปรุงออฟฟิศครั้งใหญ่ตั้งแต่ต้น แต่ควรเริ่มจากสิ่งเล็กๆ ที่ทำได้ทันที เพื่อสร้างความเปลี่ยนแปลงเชิงบวกให้เห็นก่อน แล้วค่อยใช้ผลลัพธ์เหล่านี้เป็นเหตุผลในการชี้ให้ผู้บริหารเห็นว่า การลงทุนด้านนี้คุ้มค่า เพราะส่งผลต่อทั้งประสิทธิภาพของพนักงาน ผลงานขององค์กร และแม้กระทั่งความเชื่อมั่นของนักลงทุน
เทรนด์ออฟฟิศใหม่มาแรง คือ ออฟฟิศที่มิตรกับความหลากหลายทางประสาท
ไม่ใช่แค่ Understood ที่มุ่งปรับออฟฟิศให้เป็นมิตรกับพนักงานกลุ่มนี้ บริษัทออกแบบเฟอร์นิเจอร์สำนักงาน Allsteel ในชิคาโกก็รายงานว่า หลังโควิด ลูกค้าให้ความสนใจสินค้าที่ช่วยจัดการสิ่งรบกวน เช่น แผงอะคูสติกกันเสียง รวมถึง “เฟอร์นิเจอร์ขยับได้” อย่างเก้าอี้โยก หรือฉากกั้นเพื่อเพิ่มความเป็นส่วนตัวมากขึ้น
ลอเรน แกนท์ (Lauren Gant) ผู้จัดการฝ่ายให้คำปรึกษาพื้นที่ทำงานของ Allsteel กล่าวว่า ทุกวันนี้องค์กรต่างๆ เริ่มตั้งคำถามว่า “เราจะเพิ่มการเคลื่อนไหวร่างกายให้พนักงานได้ยังไง? จะออกแบบเสียงและสภาพแวดล้อมให้เหมาะกับคนหลากหลายได้ยังไง? จะทำให้ออฟฟิศรองรับการทำงานรูปแบบต่างๆ ได้ยังไง?” ซึ่งทั้งหมดนี้ก็เพื่อเพิ่มความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นให้แก่พนักงาน ส่งผลให้ประสิทธิภพงานดีขึ้นตามมา
เธอเสริมว่า การกลับเข้าทำงานในออฟฟิศไม่ควรถูกมองว่า “เคยทำได้ ทำไมจะทำไม่ได้อีก” แต่ควรมองว่าเป็นโอกาสของบริษัทในการทำให้บรรยากาศการ่ทำงานดีกว่าเดิม
บทเรียนจากการปรับปรุงที่ทำงานของ Understood สะท้อนให้เห็นว่า ออฟฟิศที่ดีสำหรับคนกลุ่ม Neurodiverse ไม่ได้หมายถึงการลงทุนสูงเสมอไป แต่เริ่มต้นจากความเข้าใจ ใส่ใจรายละเอียดเล็กๆ และค่อยๆ ปรับปรุงทีละนิด จนกลายเป็นพื้นที่ที่ทุกคนรู้สึกสบายใจ มีความเป็นอยู่ที่ดี นำไปสู่การทำงานออกมาได้ดีที่สุดนั่นเอง
อ้างอิง: WorkLife, ADHD Hiring, CDC, Epicresearch.org







