โปรตุเกสขึ้นแท่น No.1 สวรรค์วัยเกษียณ ส่วนไทยติดอันดับ 34 ท้ายแถว

Global Retirement Report 2025 เผยรายชื่อประเทศที่คนทั่วโลกเลือกไปใช้ชีวิตวัยเกษียณ โปรตุเกสครองอันดับ 1 โดดเด่นเรื่องวีซ่าเกษียณอายุ ส่วนไทยรั้งอันดับ 34 เกาะท้ายแถว
KEY
POINTS
- โปรตุเกสได้รับการจัดอันดับให้เป็นประเทศที่ดีที่สุดสำหรับวัยเกษียณอันดับ 1 จากรายงาน Global Retirement Report 2025 เนื่องจากมีวีซ่าที่เอื้ออำนวย คุณภาพชีวิตสูง และมีความปลอดภัย
- ประเทศไทยถูกจัดอยู่ในอันดับที่ 34 จากทั้งหมด 44 ประเทศ ซึ่งถือเป็นกลุ่มท้ายตารางของการจัดอันดับ
- การจัดอันดับนี้ประเมินประเทศที่มีโปรแกรมวีซ่าสำหรับผู้เกษียณ โดยใช้เกณฑ์ชี้วัด 6 หมวดหลัก เช่น คุณภาพชีวิต ระบบภาษี และความปลอดภัย
ปัจจุบันคนรุ่นใหม่เริ่มมองหาสถานที่สำหรับใช้ชีวิตหลังเกษียณอายุในประเทศอื่นที่ไม่ใช่บ้านเกิดมากขึ้น ด้วยเหตุผลทั้งเรื่องคุณภาพชีวิต และค่าครองชีพที่ถูกกว่าประเทศตนเอง น่าสนใจว่าประเทศมหาอำนาจอย่าง "สหรัฐอเมริกา" ยังไม่มีโครงการวีซ่าสำหรับผู้เกษียณอย่างเป็นทางการ แต่พบว่าประเทศอื่นๆ หลายสิบประเทศทั่วโลก กลับเปิดทางเลือกนี้ไว้รองรับกลุ่มนักท่องเที่ยวต่างชาติเรียบร้อยแล้ว
ไม่นานมานี้ องค์กร Global Citizen Solutions ได้เผยแพร่รายงานล่าสุด Global Retirement Report 2025 ซึ่งเป็นการจัดอันดับ 44 ประเทศทั่วโลก ที่มีโปรแกรมวีซ่าประเภท passive income และวีซ่าสำหรับผู้เกษียณ (ซึ่งหนึ่งในนั้นมีประเทศไทยด้วย)
โดยใช้ตัวชี้วัด 20 ด้าน แบ่งเป็น 6 หมวดหลักๆ ได้แก่ ขั้นตอนการยื่นขอวีซ่า ความเป็นไปได้ด้านสัญชาติและการเดินทาง เศรษฐกิจ ระบบภาษี คุณภาพชีวิต และความปลอดภัยกับการปรับตัว โดยตามรายงานพบว่า ประเทศที่ติด Top 10 ส่วนใหญ่อยู่ในทวีปอเมริกาและยุโรป โดยแต่ละประเทศจะได้รับการประเมินและวัดผลด้วยคะแนนเต็ม 100 คะแนน
คนทั่วโลกอยากย้ายประเทศหลังเกษียณ เพราะตามหาคุณภาพชีวิตที่ดีกว่า
ดร.ลอรา มาดริด ซาร์โตเรตโต (Dr. Laura Madrid Sartoretto) หัวหน้าฝ่ายวิจัยของ Global Intelligence Unit ภายใต้ GCS กล่าวกับ CNBC Make It ว่า “หลายๆ ประเทศในทวีปอเมริกามีทางเลือกวีซ่าผู้เกษียณ และวีซ่าสำหรับ Digital Nomad ที่โดดเด่น ตามมาด้วยหลายประเทศในทวีปยุโรป ซึ่งแต่ละแห่งมีคุณภาพชีวิตสูงกว่ามาตรฐานชัดเจน นี่ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ เพราะหนึ่งในเหตุผลหลักที่ผู้คนย้ายไปอยู่ต่างประเทศหลังเกษียณ ก็คือการตามหาคุณภาพชีวิตที่ดีกว่าเดิม”
เธอยังเสริมด้วยว่า ผู้ที่วางแผนใช้ชีวิตหลังเกษียณในต่างแดนที่ไม่ใช่ประเทศบ้านเกิด มักให้ความสำคัญกับ เสถียรภาพทางการเมือง, ความปลอดภัย และระบบสาธารณสุข โดยเฉพาะในยุโรปซึ่งมีทั้งระบบสาธารณสุขภาครัฐที่เข้มแข็ง และทางเลือกภาคเอกชนที่มีราคาเอื้อมถึง
เปิด 15 อันดับประเทศที่ดีที่สุดสำหรับใช้ชีวิตวัยเกษียณ ปี 2025
ในรายงานฉบับดังกล่าว ได้จัดอันดับประเทศที่ดีที่สุดสำหรับใช้ชีวิตวัยเกษียณ ทั้งหมด 44 อันดับ แต่ขอเลือกมาให้ดู 15 อันดับแรก ดังนี้
อันดับ 1 โปรตุเกส (Portugal) 92.61 คะแนน
อันดับ 2 มอริเชียส (Mauritius) 89.24 คะแนน
อันดับ 3 สเปน (Spain) 88.52 คะแนน
อันดับ 4 อุรุกวัย (Uruguay) 88.05 คะแนน
อันดับ 5 ออสเตรีย (Austria) 87.92 คะแนน
อันดับ 6 อิตาลี (Italy) 87.42 คะแนน
อันดับ 7 สโลวีเนีย (Slovenia) 87.30 คะแนน
อันดับ 8 มอลตา (Malta) 87.00 คะแนน
อันดับ 9 ลัตเวีย (Latvia) 86.97 คะแนน
อันดับ 10 ชิลี (Chile) 86.44 คะแนน
อันดับ 11 คอสตาริกา (Costa Rica) 86.16 คะแนน
อันดับ 12 กรีซ (Greece) 86.08 คะแนน
อันดับ 13 ปารากวัย (Paraguay) 85.77 คะแนน
อันดับ 14 ไซปรัส (Cyprus) 85.73 คะแนน
อันดับ 15 เซเชลส์ (SeyChelles) 85.70 คะแนน
ขณะที่ประเทศไทย รั้งอันดับที่ 34 ซึ่งเกาะกลุ่มท้ายตาราง โดยได้คะแนนรวมอยู่ที่ 78.37 คะแนน โดยตามข้อมูลของ KnightVISA HelpPoint ระบุว่า ประเทศไทยมีบริการวีซ่าเกษียณอายุสำหรับชาวต่างชาติอายุ 50 ปีขึ้นไป ซึ่งมีหลายประเภท เช่น วีซ่าเกษียณอายุ Non-O-A (อายุ 1 ปี), วีซ่าเกษียณอายุ Non-O-X (อายุ 5 ปี) และวีซ่าเกษียณอายุประเภทอื่นๆ โดยผู้ขอวีซ่าต้องแสดงหลักฐานทางการเงินที่มั่นคง และต้องมีกรมธรรม์ประกันสุขภาพ
ขณะที่ Thaiembassy ให้ข้อมูลรายละเอียดว่า วีซ่าเกษียณอายุประเทศไทยมอบสิทธิประโยชน์มากมาย ที่ออกแบบมาเพื่อผู้เกษียณอายุและผู้รับบำนาญที่ต้องการพำนักระยะยาวในประเทศไทย โดยไม่ต้องยุ่งยากกับการต่ออายุหรือยื่นคำร้องขอวีซ่าซ้ำ วีซ่านี้ไม่เพียงแต่เปิดประตูสู่สถานะผู้อยู่อาศัยถาวรในประเทศไทยเท่านั้น แต่ยังมอบความยืดหยุ่นและความสะดวกสบายสำหรับผู้เกษียณอายุที่ต้องการย้ายมาอยู่ที่ประเทศไทย ยกตัวอย่าง สิทธิประโยชน์หลักๆ ได้แก่
- การพำนักระยะยาวในประเทศไทย วีซ่าเกษียณอายุของประเทศไทยอนุญาตให้ชาวต่างชาติพำนักในประเทศไทยได้นานถึงหนึ่งปี อย่างไรก็ตาม หากคุณวางแผนที่จะออกจากประเทศไทยและกลับเข้ามาโดยไม่ยกเลิกวีซ่า คุณจะต้องมีใบอนุญาตเข้าประเทศอีกครั้ง
- การต่ออายุแบบไม่จำกัด: วีซ่านี้สามารถต่ออายุได้มากเท่าที่คุณต้องการ โดยต้องยังคงปฏิบัติตามข้อกำหนดในการต่ออายุ
- การต่ออายุภายในประเทศไทย: คุณสามารถต่ออายุวีซ่านี้ได้ในขณะที่อยู่ในประเทศไทย ดังนั้นไม่จำเป็นต้องเดินทางไปต่างประเทศเพื่อขอวีซ่าใหม่ทุกปี
สำหรับข้อกำหนดในการขอวีซ่าเกษียณอายุของประเทศไทย ได้แก่ ต้องมีอายุ 50 ปีขึ้นไป, ต้องมีเงินประกัน 800,000 บาทในบัญชีธนาคารไทยที่ถือไว้อย่างน้อย 2 เดือนก่อนยื่นขอวีซ่า หรือ มีเงินประกัน 800,000 บาทในบัญชีธนาคารไทยที่ถือไว้อย่างน้อย 2 เดือนก่อนยื่นขอวีซ่า หรือ รายได้ต่อเดือนอย่างน้อย 65,000 บาท หรือเงินประกันและรายได้ต่อปีรวมกัน 800,000 บาท
หลักฐานการประกันสุขภาพ สำหรับผู้สมัครวีซ่า Non-Immigrant OA (Long Stay) จำเป็นต้องมี ประกันสุขภาพที่ตรงตามเกณฑ์ของรัฐบาลไทย ซึ่งรวมถึง ความคุ้มครองผู้ป่วยในอย่างน้อย 400,000 บาท และความคุ้มครองผู้ป่วยนอกอย่างน้อย 40,000 บาท
ทำไมโปรตุเกสครองแชมป์ประเทศน่าเกษียณที่สุดปี 2025 ?
สำหรับสาเหตุที่ทำให้โปรตุเกสคว้าอันดับ 1 ในการจัดอันดับครั้งนี้ได้ เนื่องจากโดดเด่นเรื่องโครงการวีซ่าเกษียณอายุ (D7 Visa) ให้กับชาวต่างชาติที่ไม่ใช่พลเมืองสหภาพยุโรป ที่มีขั้นตอนการขอที่ไม่ยาก เพียงแสดงรายได้ประจำจากแหล่ง passive income เช่น บำนาญ หรือค่าเช่าอสังหาริมทรัพย์
ดร.ซาร์โตเรตโต อธิบายว่า วีซ่าเกษียณของโปรตุเกสถือเป็น “ตัวชูโรง” มานานกว่าทศวรรษ “รัฐบาลเริ่มลงทุนดึงดูดนักลงทุน ผู้เกษียณ และนักท่องเที่ยวดิจิทัลอย่างจริงจัง ทำให้วันนี้โปรตุเกสโดดเด่นเรื่องคุณภาพชีวิต อีกทั้งยังเป็นประเทศที่ปลอดภัยที่สุดในยุโรปตามดัชนี World Peace Index จนกลายเป็นจุดหมายยอดนิยมของผู้เกษียณทั่วโลก”
โดยเงื่อนไขการยื่น D7 Visa ของโปรตุเกส คือ ผู้สมัครต้องมีรายได้ขั้นต่ำ 870 ยูโรต่อเดือน หลังจากพำนักครบ 5 ปี จะสามารถยื่นขอถาวรหรือสัญชาติได้
ด้านภาษี รัฐบาลโปรตุเกสใช้ระบบ Worldwide Tax รวมรายได้จากต่างประเทศด้วย แต่ก็ไม่มีภาษีทรัพย์สินและภาษีมรดกสำหรับครอบครัวใกล้ชิด โดยจะมีภาษี Stamp Duty 10% สำหรับผู้รับทรัพย์สินที่ไม่ใช่เครือญาติ
นอกจากนี้ โปรตุเกสยังเป็นที่รู้จักในโครงการ Golden Visa ที่เปิดทางให้ผู้ลงทุนต่างชาติยื่นขอสัญชาติหรือถิ่นพำนักได้โดยไม่ต้องซื้ออสังหาริมทรัพย์ โดยข้อมูลจาก Forbes ระบุว่า ตั้งแต่ปี 2012 โครงการนี้สร้างรายได้ให้ประเทศกว่า 7.2 พันล้านดอลลาร์ และมีชาวอเมริกันยื่นขอมากที่สุด เพิ่มขึ้นถึง 72%
มอริเชียส คว้าอันดับ 2 ในลิสต์ ประเทศในทวีปแอฟริกาที่มาแรง
ประเทศเกาะเล็กในแอฟริกาตะวันออกแห่งนี้ กลายเป็นอีกตัวเลือกยอดนิยมสำหรับผู้เกษียณ โดย ดร.ซาร์โตเรตโตให้เหตุผลว่า “มอริเชียสมีขั้นตอนที่เชื่อถือได้ รวดเร็ว โปร่งใส และเป็นหนึ่งในประเทศที่มีระบบภาษีเอื้อต่อกลุ่มเกษียณอายุมากที่สุด เพราะไม่ได้ใช้ระบบ Worldwide Tax ผู้ที่ไม่อยากเสี่ยงเรื่องภาษีจากรายได้บำนาญในต่างประเทศ จึงเลือกมาอยู่ที่นี่ อีกทั้งยังมีมาตรฐานคุณภาพชีวิตสูงมาก”
โครงการวีซ่าของมอริเชียสเปิดให้ผู้เกษียณที่อายุเกิน 50 ปี ยื่นขอ ใบอนุญาตพำนัก 10 ปี โดยต้องมีรายได้ขั้นต่ำ 2,000 ดอลลาร์ต่อเดือน หรือ 24,000 ดอลลาร์ต่อปี และสามารถต่ออายุเพิ่มอีก 10 ปีได้หลังหมดอายุ
นอกจากนี้ ยังอนุญาตให้ผู้สมัครหลักเพิ่มคู่สมรสหรือบุตรที่อยู่ในอุปการะเข้าไปในคำขอได้ ระบบภาษีของประเทศใช้รูปแบบ Territorial Tax คือไม่นับรวมรายได้จากต่างประเทศ และไม่มีการเก็บภาษีทรัพย์สินหรือมรดก
เอาเป็นว่า หากใครกำลังวางแผนเกษียณในต่างแดน สิ่งสำคัญคือการมองหาประเทศที่ตอบโจทย์ทั้งคุณภาพชีวิต ความปลอดภัย ระบบสาธารณสุข รวมถึงกฎหมายภาษีที่ชัดเจน และจากรายงานปีนี้ โปรตุเกสและมอริเชียสก็พิสูจน์แล้วว่าพวกเขากำลังกลายเป็นสวรรค์แห่งการใช้ชีวิตหลังเกษียณของคนทั่วโลก
อ้างอิง: CNBC make it, Globalcitizensolutions, Thaiembassy, knightvisahelppoint







