เคล็ดลับไม่ยอมแก่ ดร.ปานปรีย์ พหิทธานุกร แข็งแรงสดใสในวัย 68 ปี

เคล็ดลับไม่ยอมแก่ ดร.ปานปรีย์ พหิทธานุกร แข็งแรงสดใสในวัย 68 ปี

ในยุคที่เทรนด์ Longevity มาแรง ดร.ปานปรีย์ พหิทธานุกร อดีตรองนายกรัฐมนตรีและ รมว.ต่างประเทศ วัย 68 ปี เผยเคล็ดลับดูแลกายใจให้ดูอ่อนกว่าวัย แข็งแรงไม่แพ้คนหนุ่มสาว

KEY

POINTS

  • ดร.ปานปรีย์ พหิทธานุกร เผยเคล็ดลับการมีสุขภาพแข็งแรง ดูอ่อนกว่าวัย ยึดหลัก 3 ข้อที่ทำอย่างมีวินัย คือ ไม่เครียด ควบคุมอาหาร และออกกำลังกาย
  • จัดการความเครียดด้วยการใช้สติ อารมณ์ขัน และหลักพุทธศาสนาในการปล่อยวาง โดยมีคติว่า "ถ้ามีปัญหาที่ยังแก้ไม่ตก ให้ไปนอนก่อน"
  • เลิกรับประทานเนื้อสัตว์บกมานานกว่า 20 ปี โดยหันมาทานปลา ผัก และผลไม้เป็นหลัก เพื่อควบคุมคอเลสเตอรอล
  • ออกกำลังกายสม่ำเสมอด้วยการเดินเร็วและตีกอล์ฟ ควบคู่กับการนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอไม่ต่ำกว่า 6 ชั่วโมงต่อคืน 

ในวันที่โลกหมุนเร็วและเต็มไปด้วยความเครียด กดดัน ขณะเดียวกัน เทรนด์ด้านสุขภาพมาแรงอย่าง Longevity ก็เริ่มดึงสติให้คนยุคใหม่หันมาใส่ใจตัวเองมากขึ้น ทำให้หลายคนอาจสงสัยว่า “เราควรจะดูแลตัวเองอย่างไรให้แข็งแรง ดูอ่อนกว่าวัย มีชีวิตยืนยาว” หนึ่งในคำตอบอาจซ่อนอยู่ในแนวคิดการใช้ชีวิตของ ดร.ปานปรีย์ พหิทธานุกร อดีตรองนายกรัฐมนตรีและอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ

ดร.ปานปรีย์ เป็นหนึ่งในผู้ที่ผ่านบทบาทใหญ่ในเส้นทางอาชีพที่หลากหลายไม่ว่าจะเป็นเส้นทางการเมือง นักการทูต ผู้แทนการค้าไทย ผู้บริหารบริษัทเอกชน ผู้เชี่ยวชาญด้านเศรษฐกิจ ฯลฯ แม้ตอนนี้จะเกษียณแล้ว ก็ยังคงเป็นที่ชื่นชมในฐานะผู้นำรุ่นใหญ่วัย 68 ปี ที่ดูแลสุขภาพกายและใจได้อย่างดีเยี่ยม ดูสดใส แข็งแรง และเปี่ยมด้วยอารมณ์ขัน จนหลายคนมองว่าเป็นตัวอย่างของการใช้ชีวิตอย่างสมดุลและยืนยาว  

เคล็ดลับดูแลตัวเองสไตล์ ดร.ปานปรีย์ วัย 68 ปี สดใส อ่อนกว่าวัย

เมื่อถามถึงการดูแลสุขภาพว่าทำอย่างไรจึงจะดูอ่อนกว่าวัย แข็งแรง สดใสได้แบบนี้ ดร.ปานปรีย์ตอบว่า ไม่ใช่เรื่องซับซ้อน แต่ขึ้นอยู่กับการสร้างวินัย 3 อย่างในการดูแลสุขภาพของเขา ซึ่งเป็นหลักง่ายๆ แต่ได้ผลจริง คือ ไม่เครียด ออกกำลังกาย และควบคุมอาหาร

1. ไม่เครียด: รับมือด้วยอารมณ์ขัน ใช้หลักศาสนาพุทธ

“ถ้ามีปัญหาที่ยังแก้ไม่ตก ให้ไปนอนก่อน แล้วค่อยมาคิดต่อวันรุ่งขึ้น” นี่คือหลักการที่ ดร.ปานปรีย์ ยึดถือและสอนลูกเสมอ ด้วยเชื่อว่าความเครียดเป็นตัวการทำลายทุกอย่าง และป้องกันได้ด้วยการหาความสุขเล็กๆ ไปกับกิจกรรมอื่นในชีวิตหรืองานอดิเรกยามว่าง เช่น เล่นกอล์ฟ เล่นหมากรุก

อีกหนึ่งเคล็ดลับ คือการรับมือกับความเครียดด้วยอารมณ์ขัน “ไม่ว่าจะเจอเรื่องอะไรในชีวิต ลองใช้ความตลกสู้มัน” ดร.ปานปรีย์ บอกพร้อมหัวเราะอย่างอารมณ์ดี และเล่าต่อว่า นอกจากนี้ก็มักใช้หลักพุทธศาสนาเข้ามาช่วยในการปล่อยวางและยอมรับความจริง โดยท่านมองว่าอิทธิพลของพุทธศาสนาช่วยได้มาก สามารถนำมาใช้ในการมองการเมืองและความสัมพันธ์กับผู้อื่นได้ด้วย

นอกจากนี้ ดร.ปานปรีย์ยัง "สำรวจตัวเอง" อย่างมาก และใช้เวลาอยู่ในความสงบเพื่อทบทวนสิ่งต่างๆ "ฝึกปล่อยวาง อะไรเกิดขึ้นแล้ว มันก็เป็นไปตามนั้นแหละ ทุกอย่างมันก็เป็นไปตามนั้นแหละ" สะท้อนการยอมรับความจริงและลดความคาดหวังลง จะช่วยลดความเครียดได้

เคล็ดลับไม่ยอมแก่ ดร.ปานปรีย์ พหิทธานุกร แข็งแรงสดใสในวัย 68 ปี

2. การกิน: เลิกกินเนื้อสัตว์บกมา 20 ปี

ดร.ปานปรีย์ เล่าให้ฟังอีกว่าสำหรับการดูแลเรื่องอาหารการกินนั้น ตนเลิกรับประทานทานเนื้อสัตว์บกมานานกว่า 20 ปี หลังตรวจพบคอเลสเตอรอลสูง และได้รับแรงบันดาลใจจากภรรยาที่ตั้งใจเลิกกินเนื้อเพื่อบนบานขอลูก เดิมทีเขาชอบสเต๊กเป็นชีวิตจิตใจ แต่เลือกที่จะตัดใจและเปลี่ยนมาทาน “ปลา” เป็นหลัก เพื่อให้ได้โปรตีนและโอเมก้า 3 พร้อมทั้งผักผลไม้

“มันคิดถึงสเต๊กอยู่ตลอดนะ แต่ต้องใจแข็ง การเปลี่ยนพฤติกรรมการกินนี่ต้องใช้วินัยสูง” บอกพร้อมหัวเราะเบา ๆ

3. การออกกำลังกาย: เดินเร็ว ตีกอล์ฟ

จากที่เคยเป็นนักวิ่ง นักฟุตบอล และตีกอล์ฟ ปัจจุบัน ดร.ปานปรีย์ ยังคงเล่นกอล์ฟอยู่ ซึ่งเจ้าตัวบอกว่าเล่นมาตั้งแต่เด็ก แม้จะเคยหยุดไปในช่วงที่ทำงานแต่ก็เริ่มกลับมาตีใหม่ และมาพักหลังนี้ก็ตีมากขึ้น (ในวันสัมภาษณ์บอกว่าเพิ่งไปตีกอล์ฟมาเมื่อวานด้วย) การเล่นกอล์ฟยังเป็นเหตุผลที่ ดร.ปานปรีย์ ให้ความสำคัญกับการรับประทานโปรตีน โดยกล่าวว่า "เราก็จะขาดโปรตีนไม่ได้ไง"

นอกจากนี้ยังหันมาออกกำลังกายด้วย "การเดินเร็ว" ตั้งเป้าหมายการเดินวันละ 10,000 ก้าว แต่ก็มีวันที่เดินถึงเป้าและไม่ถึงเป้า หากวันไหนเดินไม่ครบก็จะชดเชยในวันอื่น อีกหนึ่งเคล็ดลับเล็กๆ ที่น่าสนใจคือ “ต้องใส่กางเกงตัวเดิมให้ได้ อย่าเปลี่ยนไซส์กางเกง” เพื่อใช้เป็นมาตรวัดน้ำหนัก รักษาน้ำหนักให้อยู่ที่ 70 กิโลกรัม บวกลบไม่เกิน 1 กิโลกรัม

ไม่เพียงเท่านั้น เรื่อง "การนอน" ก็สำคัญเช่นกัน สำหรับ ดร.ปานปรีย์ การนอนคือหัวใจของสุขภาพที่ดี โดยนอนเฉลี่ย 7-8 ชั่วโมงต่อคืน และไม่เคยน้อยกว่า 6 ชั่วโมง “ถ้านอนน้อย ผมจะปวดหัว” เขาเล่า พร้อมเสริมว่า “หากปล่อยให้ท้องว่างก็ทำให้ผมมีอาการปวดหัวอีกเหมือนกัน” ดังนั้นเรื่องการนอนการกินนั้นสำคัญมาก

เคล็ดลับไม่ยอมแก่ ดร.ปานปรีย์ พหิทธานุกร แข็งแรงสดใสในวัย 68 ปี

Longevity อายุยืนแบบพอดีก็พอ ไม่เชื่อการยืดอายุเกินธรรมชาติ

แม้ Longevity จะเป็นเทรนด์ที่หลายคนสนใจ แต่ ดร.ปานปรีย์ กลับไม่เชื่อว่าการใช้เทคโนโลยีจะยืดอายุมนุษย์ไปถึง 100-120 ปี “ผมไม่เชื่อ และผมไม่อยากอยู่นานขนาดด้วย” ดร.ปานปรีย์ บอกออกมาตรงๆ เพราะไม่เชื่อในเทคโนโลยีบางอย่าง เช่น การตรวจเลือดเพื่อเช็กยีนส์หรือเช็กกลไลในร่างกายบางประเภทที่ค่อนข้างไม่สมเหตุสมผล โดยเล่าถึงประสบการณ์ที่เคยได้รับการนำเสนอให้ไปตรวจสิ่งเหล่านี้ในราคาสูงลิ่วจนเกือบเป็นลม และมองว่าเหมือนเป็นการหลอกลวงมากกว่า 

โดยส่วนตัว ดร.ปานปรีย์ เชื่อว่า การดูแลสุขภาพอย่างสมดุลต่างหากคือหนทางที่แท้จริง “ผมไม่ได้กลัวโรค ไม่ได้กลัวตาย แต่ไม่อยากเป็นภาระให้คนอื่น ผมเชื่อในการใช้ธรรมชาติเป็นหลัก และการดูแลสุขภาพให้ดีตามแนวทางที่เหมาะกับตนเอง ตอนนี้ก็จะมีแค่เสริมวิตามินซีเพื่อช่วยเรื่องภูมิต้านทาน

อย่างไรก็ตาม เจ้าตัวเชื่อว่าพันธุกรรมมีส่วนต่อสุขภาพของแต่ละคน แต่พฤติกรรมชีวิตต่างหากที่ชี้ชะตาชีวิตมากกว่า หากใช้ชีวิตเสี่ยง เช่น ดื่มเหล้า สูบบุหรี่ หรือปล่อยให้ตัวเองจมอยู่กับความเครียด ก็อาจกระตุ้นโรคที่ซ่อนอยู่ให้กำเริบได้

เคล็ดลับไม่ยอมแก่ ดร.ปานปรีย์ พหิทธานุกร แข็งแรงสดใสในวัย 68 ปี

ในช่วงท้าย ดร.ปานปรีย์ ยังมีคำแนะนำถึงคนรุ่นใหม่ โดยเห็นว่าคนรุ่นใหม่มีความตื่นตัวสูง เพราะสามารถเรียนรู้และเปรียบเทียบโลกในมิติต่างๆ ผ่านการใช้เทคโนโลยีการสื่อสารได้รวดเร็ว และยังย้ำแนวคิดสำคัญที่บอกไปข้างต้นอีกครั้งว่า “ถ้ามีปัญหาที่คิดไม่ออก ให้นอนก่อน” เพราะเวลาจะช่วยเยียวยา และทำให้เห็นทางออกได้ชัดเจนขึ้น

“ส่วนมากที่หลายคนแก้ปัญหาไม่ได้สักที เพราะอยากเร่งใจให้จบวันนี้เดี๋ยวนี้ ซึ่งบางครั้งอาจไม่จำเป็นต้องเร่งขนาดนั้นก็ได้” และยังบอกอีกว่า คนรุ่นใหม่เรียนรู้เร็วจากโซเชียลมีเดีย เห็นความแตกต่างและความไม่ยุติธรรมในโลก อย่างไรก็ตาม ควรระมัดระวังเมื่อเข้าสู่ระบบดั้งเดิมในบางสายงาน เพราะอาจถูก "กลืน" ไปกับระบบได้

ท้ายที่สุดแล้ว ความสำคัญของการใช้ชีวิตให้ยืนยาวอย่างมีคุณภาพ ในมุมของ ดร.ปานปรีย์ อยู่ที่การมีความยืดหยุ่น มีวินัยในเรื่องสุขภาพ และการรับมือกับเรื่องต่างๆ บนโลกนี้ด้วยสติและอารมณ์ขัน หลักการ "อารมณ์ดีเข้าไว้" และ "ถ้าคิดไม่ออกให้นอนก่อน" อาจเป็นกุญแจสำคัญ สู่ชีวิตที่สมดุลและมีความสุขอย่างแท้จริงในยุคสมัยนี้