ไฮบริดโตแรง! 5 สายงานให้ทำงานยืดหยุ่นได้ กูรูแนะเลือกงานที่ใช่

วิจัยชี้ งานไฮบริดโตต่อเนื่อง โดยมีตำแหน่งงานเพิ่มขึ้นกว่า 30% ในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา มีสายงานที่ให้ทำงานไฮบริดเพิ่มขึ้นชัดเจน เช่น ประกันภัย การขาย สิ่งแวดล้อม
KEY
POINTS
- แม้บางบริษัทจะเรียกพนักงานกลับเข้าออฟฟิศ แต่ข้อมูลชี้ว่างานไฮบริดยังคงเติบโตต่อเนื่อง โดยมีตำแหน่งงานเพิ่มขึ้นกว่า 30% ในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา
- 5 สายงานที่มีการเปิดรับพนักงานในรูปแบบไฮบริด เพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ได้แก่ ประกันภัย, การขาย, สิ่งแวดล้อม, กฎหมาย และสายเทคโนโลยี
- ผู้เชี่ยวชาญแนะนำให้ผู้สมัครงานไฮบริดศึกษาข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับนโยบาย วัฒนธรรมการสื่อสาร และความคาดหวังของบริษัท เพื่อให้ได้งานที่เหมาะสมกับตนเอง
ตลอดปีที่ผ่านมา หลายบริษัทยักษ์ใหญ่อย่าง JPMorgan, TikTok และ Ford ตกเป็นข่าวดังในหน้าสื่อหลายสำนัก เพราะมีการออกคำสั่งให้พนักงานกลับไปทำงานที่ออฟฟิศเต็มเวลา (RTO) หลายคนจึงอาจคิดว่างานไฮบริดกำลังจะหายไปแล้วในโลกการทำงานยุคนี้
แต่ข้อมูลวิจัยล่าสุดจาก Gallup กลับชี้ภาพตรงข้าม โดยสะท้อนว่างานไฮบริดยังคงเป็นรูปแบบที่แพร่หลายมาตั้งแต่ช่วงโควิด-19 ที่บังคับให้บริษัทต่าง ๆ ต้องปรับตัว และยังคงเติบโตแรงต่อเนื่องมาจนถึงตอนนี้
โดยผลสำรวจนเดือนพฤษภาคม 2025 พบว่า 51% ของ พนักงานในสหรัฐเลือกทำงานแบบไฮบริด ลดลงเพียง 1% จากปี 2023 ขณะที่การทำงานรีโมตเต็มรูปแบบก็แทบไม่เปลี่ยนแปลง อยู่ที่ 28% จาก 29% เมื่อสองปีก่อน หมายความว่า Hybrid work ยังเป็นเทรนด์การทำงานที่ยังคงตอบโจทย์วัยทำงานมาอย่างต่อเนื่องจนถึงทุกวันนี้
ในขณะที่เมื่อสำรวจถึง ความต้องการทำงานแบบผสมผสานของวัยทำงานสมัยนี้ ก็พบว่าพวกเขายังคงอยากทำงานแบบไฮบริดสูงมาก งานวิจัยของ Gallup เผยว่า 60% ของพนักงานที่สามารถทำงานระยะไกลได้ อยากทำงานแบบไฮบริดต่อไป ขณะที่ผลสำรวจจาก FlexJobs ก็ชี้ว่า 40% ของคนทำงานเลือกตารางงานไฮบริดเป็นรูปแบบที่ต้องการที่สุด
ที่สำคัญ หลายอุตสาหกรรมเริ่มตอบสนอง โดยข้อมูลของเฟล็กซ์จ็อบส์ระบุว่า ในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา จำนวนตำแหน่งงานไฮบริดเพิ่มขึ้นกว่า 30% โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมด้านการสื่อสาร มีการประกาศรับสมัครงานในรูปแบบดังกล่าวเพิ่มขึ้นเกือบเท่าตัว
5 สายงานให้ทำงานแบบไฮบริด ไม่ต้องเข้าออฟฟิศ รับคนเพิ่มรัวๆ
ตามข้อมูลของ เฟล็กซ์จ็อบส์ รายงานถึงอุตสาหกรรมที่เปิดรับสมัครงานโดยให้ทำงานรูปแบบไฮบริด ในจำนวนตำแหน่งงานมากขึ้น 5 สายงาน ได้แก่
1. การสื่อสาร
2. ประกันภัย
3. การขาย
4. สิ่งแวดล้อม
5. กฎหมาย
ขณะเดียวกัน อุตสาหกรรมที่สนับสนุนงานไฮบริดมาโดยตลอดอย่าง สายงานไอที, การจัดการโครงการ, บัญชีและการเงิน, การตลาด, บริการลูกค้า กลุ่มอาชีพเหล่านี้ยังคงครองตำแหน่งผู้นำในตลาดงานแบบยืดหยุ่นอย่างต่อเนื่อง
อย่างไรก็ตาม โทนี ฟรานา (Toni Frana) ผู้เชี่ยวชาญด้านอาชีพ บอกว่า แม้งานไฮบริดจะมีมากขึ้น แต่ละบริษัทก็มีกฎและนโยบายที่ไม่เหมือนกัน ซึ่งบางครั้งอาจไม่ตรงกับสิ่งที่ผู้สมัครงานคาดหวัง
“คนหางานไฮบริดควรศึกษาลึกไปกว่าการเห็นคำว่า ‘Hybrid’ บนใบประกาศรับสมัครงาน ต้องดูว่าบริษัทนิยามและใช้นโยบายนี้อย่างไร เพราะรายละเอียดแตกต่างกันมาก และต้องแน่ใจว่าเข้ากับเป้าหมายการทำงานทั้งระยะสั้นและระยะยาว” ฟรานา กล่าว
เปิดเคล็ดลับเลือกงานที่ใช่ เช็กสัญญาณเตือนให้ดี
ฟรานา แนะนำว่า การหางานที่ “ใช่” ในรูปแบบไฮบริดจริงๆ (ไม่ใช่โฆษณาชวนเชื่อ) ต้องรู้จักตั้งคำถามที่ถูกต้อง และมองหาสัญญาณเตือนก่อนเซ็นรับข้อเสนอ และนี่คือแนวทางที่ผู้สมัครงานควรพิจารณา
1. ถามหานโยบายไฮบริดที่เป็นทางการ
หลายบริษัทเพิ่งอยู่ในช่วงทดลอง ถ้าบริษัทมีนโยบายที่ชัดเจน เช่น ต้องเข้าออฟฟิศกี่วัน ใครเป็นคนกำหนดวัน และกฎนี้ใช้ทั่วทั้งองค์กร หรือแล้วแต่หัวหน้า ถือเป็นสัญญาณที่ดี
ฟรานาเตือนว่า ต้องเช็กให้แน่ใจว่าบริษัทไม่มีการให้ค่าตอบแทนหรือสวัสดิการกับพนักงานไฮบริดน้อยกว่าพนักงานที่ทำงานในออฟฟิศ เพราะอาจสร้างความไม่พอใจและลดขวัญกำลังใจได้ ทั้งนี้การค้นหาข้อมูลควรเริ่มจากเว็บไซต์บริษัท แล้วตามด้วยคำถามตรงๆ ระหว่างสัมภาษณ์
2. ประเมินวัฒนธรรมการสื่อสาร
หัวใจของงานไฮบริดคือ “การสื่อสารที่ชัดเจน” ฟรานาอธิบายว่า วิธีที่บริษัทสื่อสารนโยบาย รวมถึงการสื่อสารระหว่างพนักงานออฟฟิศ กับพนักงานไฮบริด สามารถสะท้อนปัญหาที่ซ่อนอยู่ ผู้สมัครสามารถถามถึงสถานการณ์จริง เช่น ประชุมสำคัญเปิดให้เข้าร่วมออนไลน์หรือไม่ คู่มือและเอกสารถูกเก็บเป็นดิจิทัลหรือไม่ หรือทีมประสานงานกันอย่างไรเมื่อไม่ได้อยู่ในที่เดียวกัน
นอกจากนี้ แต่ละทีมในบริษัทอาจมีวิธีทำงานต่างกันไป การถามเจาะจงถึงทีมที่เราสมัครจึงเป็นสิ่งจำเป็น เช่น ทีมมีวิธีเชื่อมต่อกันอย่างไร ประสบความสำเร็จจากงานไฮบริดอย่างไร หรือเจอปัญหาอะไรบ้าง
3. อย่าคิดว่างานไฮบริดคืออิสระเสมอไป
บางบริษัทคาดหวังให้พนักงานไฮบริดทำงานตามเวลาออฟฟิศเป๊ะๆ ขณะที่บางแห่งให้อิสระเต็มที่ ขอแค่ส่งผลงานตามเป้า ดังนั้นเรื่องนี้ต้องสอบถามให้เข้าใจตรงกันจริงๆ หากขาดความชัดเจนตั้งแต่แรก อาจนำไปสู่ความเข้าใจผิด การทำงานเกินเวลา และความผิดหวังได้
ฟรานาอธิบายว่า การถามรายละเอียดตั้งแต่ระดับทีม จะช่วยให้เข้าใจว่างานไฮบริดถูกจัดการอย่างไร เธอย้ำว่า “ถ้าบริหารจัดการถูกต้อง งานไฮบริดมีประโยชน์ต่อทั้งพนักงานและองค์กร แต่หัวใจสำคัญคือการสื่อสารเชิงรุก ทั้งเรื่องนโยบายและวิธีทำงานในแต่ละวัน ซึ่งจะช่วยให้ทุกฝ่ายทำงานร่วมกันได้อย่างยั่งยืน”
อ้างอิง: Forbes







