เทรนด์ฮิต Great Lock In ลุยเป้าหมายให้สำเร็จปีนี้ ไม่ต้องรอปีใหม่

เทรนด์ฮิต Great Lock In ลุยเป้าหมายให้สำเร็จปีนี้ ไม่ต้องรอปีใหม่

ลืมปณิธานปีใหม่ไปได้เลย! ชาเลนจ์ใหม่มาแรง Great Lock In ชวนคนทั่วโลกใช้ 4 เดือนสุดท้ายของปี 2025 ทบทวนเส้นทางอาชีพ สร้างนิสัยใหม่ โฟกัสเป้าหมายให้สำเร็จก่อนถึงปีหน้า

KEY

POINTS

  • "Great Lock In" คือเทรนด์ใหม่บน TikTok ที่ชวนให้คนเริ่มลงมือทำตามเป้าหมายอย่างจริงจังในช่วง 4 เดือนสุดท้ายของปี โดยไม่ต้องรอตั้งปณิธานปีใหม่
  • หัวใจของเทรนด์คือการ "lock in" หรือการเข้าสู่ภาวะจดจ่อกับเป้าหมายอย่างเต็มที่โดยไม่มีสิ่งรบกวน เพื่อทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งให้สำเร็จ
  • เทรนด์นี้ได้รับความนิยมเพราะมีความยืดหยุ่นสูง ไม่ได้จำกัดแค่เป้าหมายด้านสุขภาพหรือการออกกำลังกาย แต่สามารถปรับใช้ได้กับทุกเรื่อง เช่น การงาน การเงิน หรือการพัฒนาตนเอง
  • แนวคิดนี้มองว่าช่วงท้ายปีเป็น "จุดเริ่มต้นใหม่" ทางจิตวิทยาที่สามารถสร้างแรงผลักดันให้คนหันมาทบทวนและเร่งทำเป้าหมายให้สำเร็จก่อนสิ้นปี

ช่วงต้นปีมักเป็นเวลาที่หลายคนตั้งเป้าหมายใหม่ๆ ให้กับชีวิตโดยเฉพาะการตั้ง “ปณิธานปีใหม่” ในทุกปี เพื่อทำบางอย่างตามเป้าให้สำเร็จ แต่การทำแบบนั้นอาจช้าเกินไป ไม่ทันใจวัยรุ่น ล่าสุด.. เกิดเทรนด์ชาเลนจ์ใหม่ที่เรียกว่า "Great Lock In" หรือ The Great Lock In กำลังมาแรงบน TikTok ซึ่งทำลายขนบแนวคิดเดิมๆ ด้วยการชวนให้คนเริ่มต้นจริงจังกับเป้าหมายใหม่ ภายใน 4 เดือนสุดท้ายของปี (ตั้งแต่กันยายนไปจนถึงธันวาคม 2025) ไม่ต้องรอถึงปีใหม่เดือนมกราคมปีหน้าอีกต่อไป

เปิดเคสนักวิ่ง ตั้งเป้า Great Lock In จากมาราธอนสู่โซเชียลแคมเปญ

เคดี เกล็นน์ (Kadie Glenn) วัย 28 ปีจากลอนดอน รู้ว่าหากอยากพิชิตการวิ่งฮาล์ฟมาราธอนต้นปี 2026 เธอต้องปรับเพิ่มจังหวะการซ้อมวิ่งรายสัปดาห์ให้ดีขึ้น ระหว่างเลื่อน TikTok เธอสะดุดเข้ากับชาเลนจ์นี้ และบอกว่า “Great Lock In คือการกำหนดสิ่งที่สำคัญกับเรา แล้วอนุญาตให้ตัวเองโฟกัสทำอย่างต่อเนื่องและยั่งยืน”

เธอไม่ใช่คนเดียวที่เข้าร่วมในเทรนด์ดังกล่าว กระแสนี้กำลังดังขึ้นเรื่อยๆ บนโซเชียล มีผู้ใช้จำนวนมากแชร์ประสบการณ์เหมือนกับชาเลนจ์อื่นๆ เช่น 75 Hard หรือ Winter Arc ที่กระตุ้นให้คนทำตามกติกาเข้มงวด ในช่วงเวลาสั้น ๆ เพื่อให้มีโอกาสไปถึงเป้าหมายมากขึ้น

อีกหนึ่งเคสตัวอย่างคือ ทาเทียนา ฟอร์บส์ (Tatiana Forbes) ครีเอเตอร์วัย 31 ปี ที่แชร์คลิปเป้าหมายของตัวเองบน TikTok จนได้รับความสนใจ เธอบอกว่า เทรนด์นี้แตกต่างจากชาเลนจ์ยอดนิยมอื่นๆ เพราะ The Great Lock In ไม่ได้จำกัดแค่เป้าหมายสุขภาพหรือการออกกำลังกาย เธอเลือกตั้งเป้าหมายใหญ่สองข้อคือ เพิ่มผู้ติดตาม Instagram ให้ถึง 100,000 คน และวิ่งมาราธอนให้ครบสองครั้งก่อนสิ้นปี

อีกเหตุผลที่ทำให้ชาเลนจ์นี้โด่งดังขึ้นบนโลกโซเชียล ก็เป็นเพราะว่า การใช้ภาษาที่กำลังฮิต คำว่า “lock in” ถูกค้นหามากขึ้นเรื่อยๆ ตามข้อมูลของ Google และยังถูกเลือกโดย American Dialect Society ให้เป็นคำที่ “มีประโยชน์ที่สุด” ในปี 2024 โดยมีการนิยมความหมายคือ เป็นการเข้าสู่ภาวะโฟกัสอย่างลึก จดจ่อโดยปราศจากสิ่งรบกวน

เคลลี เอลิซาเบธ ไรต์ (Kelly Elizabeth Wright) ศาสตราจารย์ด้านภาษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยวิสคอนซิน-แมดิสัน บอกว่า คำนี้สะท้อนยุคสมัยที่ผู้คนถูกรบกวนสมาธิได้ง่ายเพราะอยู่กับมือถือ ดังนั้น “lock in คือการบังคับตัวเองให้เข้าสู่โหมดโฟกัส เพื่อทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งให้สำเร็จ”

จากศัพท์วัยรุ่น “The Great Lock In” สู่การใช้ในชีวิตประจำวัน

ลาทริซ ลิตเทิลตัน (Latrice Littleton) วัย 41 ปีเล่าว่า เธอได้ยินคำนี้ครั้งแรกจากลูกสาววัยรุ่น และทุกวันนี้กลายเป็นคำที่แม่ลูกใช้พูดกระตุ้นกันบ่อยๆ  “บางช่วงชีวิตคุณต้องปิดเสียงรบกวน แล้วโฟกัสกับสิ่งสำคัญจริงๆ คำนี้ช่วยให้ฉันเหมือนกดปุ่มว่า ถึงเวลาแล้วที่จะต้องลงมือทำ”

แม้จุดเริ่มต้นคำนี้จะมาจาก Gen Z แต่แนวคิดกลับเข้าได้กับทุกเจนเนอเรชัน เพราะฤดูใบไม้ร่วงมักถูกมองว่าเป็น “จุดเริ่มต้นใหม่” ทางจิตวิทยา เรียกว่า temporal landmark คล้ายกับช่วงเวลาวันเกิด หรือการเปลี่ยนฤดูกาลที่กระตุ้นแรงบันดาลใจให้คนตั้งเป้าหมายใหม่

งานวิจัยจากมหาวิทยาลัย Utah Valley ยังพบว่า ความท้าทายและโอกาสเติบโตคือปัจจัยสำคัญที่สุดของความพึงพอใจในงาน ไม่ว่าคุณจะเป็น Gen Z, มิลเลนเนียล, Gen X หรือแม้แต่เบบี้บูมเมอร์ ดังนั้น The Great Lock In จึงเป็นโอกาสทองให้คนทำงานหันมารีเซ็ตเป้าหมายอาชีพ สร้างโมเมนตัม และปิดท้ายปีอย่างแข็งแกร่ง

5 แนวทางใช้ The Great Lock In กับการทำงาน

1. ใช้ทบทวนเส้นทางอาชีพปัจจุบัน

กันยายนคือเวลาที่ดีในการเช็กว่าเป้าหมายอาชีพที่ตั้งไว้ต้นปี ว่า ยังคงตรงกับสิ่งที่คุณต้องการจริงไหม ตัวอย่างเช่น มิลเลนเนียลอาจค้นพบว่าตัวเองอยากย้ายงานไปเรียนรู้ทักษะใหม่มากกว่ารอเลื่อนขั้นจากที่ทำงานเดิม ขณะที่ผู้จัดการ Gen X อาจหันมาโฟกัสการวางแผนสืบทอดตำแหน่งหรือบาลานซ์ชีวิตให้ดีขึ้น

ลองทำวันนี้: เขียนเป้าหมายอาชีพ 3 ข้อสำหรับ 90 วันข้างหน้า จัดลำดับความสำคัญ และแบ่งเวลาลงปฏิทินจริง

2. ใช้สร้างวินัยจากนิสัยเล็กๆ

เหมือนแคมป์ฝึกซ้อมส่วนตัว ลองเพิ่มกิจวัตรเล็กๆ ที่ทำซ้ำได้ทุกวัน เช่น คอมเมนต์ LinkedIn อย่างมีสาระวันละหนึ่งครั้ง อ่านข่าวอุตสาหกรรม 15 นาที หรือส่งอีเมลสร้างเครือข่ายสัปดาห์ละหนึ่งฉบับ

ลองทำวันนี้: ใช้แอปหรือสมุดบันทึกทำ “ตัวติดตามนิสัยการทำงาน” ทุกสัปดาห์ทบทวนว่า วิธีทำงานหรือกลยุทธ์อะไรใช้ทำงานได้ผลดีที่สุด

3. ใช้ลงทุนเพิ่มทักษะใหม่

ครึ่งทักษะของแรงงานทั่วโลกจะถูกเปลี่ยนแปลงด้วย AI และอัตโนมัติในไม่กี่ปีข้างหน้า นี่คือเวลาที่เหมาะสมในการเสริมทักษะที่ทำให้คุณมีคุณค่ามากขึ้น เช่น ผู้จัดการ Gen X อาจเรียนรู้เครื่องมือ Generative AI เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพทีม ส่วนคนรุ่นมิลเลนเนียลอาจเรียนคอร์สภาวะผู้นำเพื่อเตรียมเลื่อนตำแหน่ง

ลองทำวันนี้: เลือกทักษะปัจจุบัน 1 ข้อ และทักษะอนาคตอีก 1 ข้อ ลงคอร์สออนไลน์สั้นๆ และกันเวลา 30 นาทีต่อสัปดาห์เรียนรู้

4. ใช้สร้างระบบความรับผิดชอบ บอกเป้าหมายดังๆ

งานวิจัยพบว่าคนที่บอกเป้าหมายกับใครสักคน จะทำให้คุณมีโอกาสสำเร็จมากขึ้น 65% และหากมีการนัดเช็กอินอย่างสม่ำเสมอร่วมด้วย ก็จะยิ่งมีโอกาสสำเร็จพุ่งขึ้นไปอีกถึง 95%

ลองทำวันนี้: หาเพื่อนร่วมงานหรือเมนเทอร์เป็น “พาร์ตเนอร์รับผิดชอบ” นัดคุยกันทุก 2 สัปดาห์ แชร์หนึ่งสิ่งที่สำเร็จ หนึ่งความท้าทาย และหนึ่งก้าวถัดไป

5. ใช้กำหนดนิยามความสำเร็จใหม่

สิ่งที่ทำให้ The Great Lock In น่าสนใจคือความยืดหยุ่น คุณสามารถตั้งกติกาเองได้ บางคนอาจวัดความสำเร็จจากการเลื่อนตำแหน่ง ขณะที่บางคนอาจนิยามใหม่ว่า การมีเวลาให้ครอบครัวหรือได้พัฒนางานเสริมก็คือ “สำเร็จ” เช่นกัน

ลองทำวันนี้: เขียนนิยามความสำเร็จของคุณลงในประโยคเดียว แล้วแปะไว้ที่โต๊ะหรือวอลเปเปอร์มือถือ เพื่อเป็นเครื่องเตือนใจ

แม้ The Great Lock In จะเริ่มต้นจากแฮชแท็กบน TikTok แต่สิ่งที่อยู่เบื้องหลังคือการสร้างกรอบเวลาใหม่ให้เรามีสมาธิ ทบทวนเส้นทางอาชีพ และลงมือทำจริงจังในช่วงสี่เดือนสุดท้ายของปี ใครที่กำลังหาข้ออ้างเลื่อนเป้าหมายไว้ปีหน้า ลองถามตัวเองดูว่า ถึงเวลาที่คุณจะ “ล็อกอิน” ชีวิตหรือยัง?

 

อ้างอิง: Forbes, NewYorkTimes