‘นม วิสกี้ น้ำเปล่า’ 3 ทักษะสำคัญ เอาตัวรอดและเป็นผู้ชนะยุค AI จาก ‘ดร. สันติธาร’

‘นม วิสกี้ น้ำเปล่า’ Challenger Mindset 3 ทักษะสำคัญที่ผู้นำและคนรุ่นใหม่ต้องมี
เพื่อมีชีวิตอยู่และเป็นผู้ชนะใน ‘ยุค AI’ จาก ดร. สันติธาร
ในโลกที่ AI กำลังเข้ามาเปลี่ยนโฉมทุกอณูของชีวิต การเตรียมความพร้อมของ "คน" คือหัวใจสำคัญในการอยู่รอดและเติบโต ดร. สันติธาร เสถียรไทย กรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)ได้ให้แนวคิดที่น่าสนใจในงาน KBTG Techtopia 2025 ว่า "นม วิสกี้ น้ำเปล่า" 3 ทักษะสำคัญที่ผู้นำ คนทำงาน คนรุ่นใหม่ ต้องทำความเข้าใจและนำไปปรับใช้เพื่อมีชีวิตอยู่และประสบความสำเร็จและเป็นผู้ชนะได้ใน “ยุคใหม่” ที่การเปลี่ยนแปลงรวดเร็ว
1. นม ความรู้ที่ต้องอัปเดตตลอดเวลา
นมเปรียบเสมือนความรู้ที่มีประโยชน์มาก แต่ "หมดอายุเร็ว" หากไม่ได้รับการอัปเดตก็จะ "บูด" และไม่เป็นประโยชน์อีกต่อไป
ความรู้เชิงเทคนิคหรือเทรนด์ที่เปลี่ยนแปลงเร็ว เช่น วิธีการยิงแอดบนแพลตฟอร์มต่างๆ, การตลาดกลุ่มเป้าหมาย, เทคนิคการปลูกพืชผักแบบใหม่ การเติมเต็มความรู้นี้ทำได้โดยการเข้าร่วมงานสัมมนา ติดตามข่าวสารออนไลน์ หรือเข้าถึงแหล่งข้อมูลที่ทันสมัยอย่างสม่ำเสมอ
2. วิสกี้ ทักษะที่ต้องบ่มเพาะและฝึกฝนจริง
ทักษะที่ต้องอาศัยการลงมือทำจริง การฝึกฝน และประสบการณ์ตรง เพื่อให้เกิดความเชี่ยวชาญ คล้ายกับการบ่มเพาะวิสกี้ที่ยิ่งนานยิ่งมีคุณค่า ได้แก่ ทักษะการคิดเชิงวิพากษ์ (Critical thinking), ความคิดสร้างสรรค์ (Creativity), การสื่อสาร (Communication), การเล่าเรื่อง (Storytelling), การทำงานเป็นทีม (Teamwork) และการจัดการความขัดแย้ง (Conflict Management)
ทักษะเหล่านี้ไม่สามารถเรียนรู้ได้จากตำราหรือคอร์สออนไลน์เพียงอย่างเดียว แต่ต้องออกไปทำงานจริง ลองผิดลองถูก และพัฒนาอย่างต่อเนื่อง แม้จะใช้เวลา แต่เมื่อเชี่ยวชาญแล้วจะคงอยู่ได้นานและเป็นประโยชน์มหาศาล
“วิสกี้ สิ่งที่เป็นทักษะที่ต้องบ่ม เรียนออนไลน์ได้แค่นม ไม่ลึก ต้องทำงานจริง ดังนั้น ยิ่งฝึก ยิ่งเก่ง ยิ่งดี องค์กรทุกที่ต้องมีพื้นที่ให้ทุกๆ คนลองผิดลองถูก เพื่อบ่ม บ่มยาก เหมือนไวน์ กับวิสกี้ แต่ถ้าบ่มสำเร็จ บ่ม สำเร็จ ยิ่งอยู่ได้นาน ยิ่งหอม ยิ่งน่ากิน”
3. น้ำเปล่า การตระหนักรู้ในตนเอง (Self-awareness and Self-reflection)
เป็นทักษะที่สำคัญอย่างยิ่ง แต่กลับไม่ค่อยได้รับความสำคัญในระบบการศึกษาหรือองค์กรมากนัก คือการเข้าใจตัวเองอย่างถ่องแท้
ดร. สันติธาร ค้นพบกับตัวเองว่าการมี Self-awareness ช่วยให้เราเข้าใจจุดแข็ง จุดอ่อน สิ่งที่เราชอบหรือไม่ชอบ และความถนัดของตนเอง เช่น การรู้ว่าตัวเองเป็น "ตัวแทงค์" หรือ "ตัวเมจ" เพื่อที่จะสามารถเลือกเส้นทางและพัฒนาตนเองไปในทิศทางที่เหมาะสม ผู้นำองค์กรควรสร้างระบบนิเวศที่ส่งเสริมให้พนักงานสามารถค้นพบและเติมเต็มทักษะ "น้ำเปล่า" นี้ได้ตลอดชีวิต
Challenger Mindset: กุญแจสู่ความสำเร็จ
นอกจากทักษะทั้งสามแล้ว การมี "Challenger Mindset" คือสิ่งสำคัญที่สุด การไม่ยึดติดกับสิ่งเดิมๆ กล้าที่จะท้าทายตัวเอง และมองหาโอกาสใหม่ๆ อยู่เสมอ จะช่วยให้เราสามารถเรียนรู้และพัฒนาทักษะ "นม วิสกี้ น้ำเปล่า" ได้อย่างต่อเนื่อง เพื่อพร้อมรับมือกับ "คลื่นยักษ์แห่งการเปลี่ยนแปลง" และประสบความสำเร็จในยุค AI อย่างยั่งยืน
‘จรวด สปริงบอร์ด ตาข่าย’ เคลื่อนเศรษฐกิจไทย
นอกจากนี้ ดร. สันติธาร ยังได้พูดถึงกลยุทธ์ในการใช้ AI เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยภายใต้โมเดล "จรวด สปริงบอร์ด ตาข่าย" มุ่งเน้นการเตรียมความพร้อมของคนและประเทศในยุค intelligence era
1. ‘จรวด’ ปั้นดาวเด่น ผงาดเวทีโลก
เปรียบเสมือนการสนับสนุน "สตาร์ทอัพ" หรือธุรกิจดาวเด่นที่มีศักยภาพสูง ให้สามารถก้าวขึ้นเป็นผู้นำและผู้สร้างแพลตฟอร์มระดับโลก การมี "จรวด" ที่แข็งแกร่งจะช่วยให้ประเทศไทยมีบทบาทสำคัญในเวทีสากล ไม่ใช่แค่ผู้ใช้งาน แต่เป็นผู้สร้างนวัตกรรมที่ขับเคลื่อนโลก
2.'สปริงบอร์ด’ ยกระดับคนไทย สู่ไซบอร์กแห่งยุค
คือการสร้างโอกาสให้คนทั่วไปได้พัฒนาทักษะใหม่ (reskill) เพื่อนำ AI มาใช้เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานและยกระดับความสามารถของตนเอง เป้าหมายคือการสร้าง "ไซบอร์ก" ที่ไม่ใช่หุ่นยนต์ แต่เป็นมนุษย์ที่สามารถทำงานร่วมกับ AI ได้อย่างชาญฉลาด มีผลิตภาพสูงขึ้น และสร้างคุณค่าได้มากขึ้น
3.ตาข่ายปลอดภัย ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง
สุดท้ายคือ “ตาข่าย” หมายถึงการสร้าง "ตาข่ายความปลอดภัย" เพื่อรองรับผู้ที่อาจไม่สามารถปรับตัวเข้ากับยุค AI ได้ทันท่วงที โดยระบบนี้จะช่วยให้พวกเขามีเวลาและโอกาสในการยืนหยัดอยู่ได้ และสามารถกลับมาใช้ "สปริงบอร์ด" เพื่อพัฒนาตนเองต่อไปในอนาคต







