Gen Z โดดเดี่ยว ขาดที่ปรึกษาอาชีพ หันพึ่ง AI ให้คำแนะนำดีกว่าคน!

คนรุ่นใหม่รู้สึกขาดที่ปรึกษาด้านอาชีพ หันไปพึ่ง AI เพื่อวางแผนเส้นทางอาชีพได้ดีกว่า แต่ผู้เชี่ยวชาญชี้ มันยังขาดความเข้าใจเชิงลึก ไม่สนับสนุนด้านอารมณ์-กำลังใจ
KEY
POINTS
- คนรุ่นใหม่ Gen Z รู้สึกโดดเดี่ยวและขาดที่ปรึกษาด้านอาชีพ จึงหันไปพึ่งพา AI เช่น ChatGPT เพื่อวางแผนเส้นทางอาชีพ เนื่องจากเพื่อนและครอบครัวไม่สามารถให้คำแนะนำเชิงลึกได้
- AI ถูกใช้เพื่อสร้าง "แผนที่อาชีพส่วนบุคคล" สำรวจสายงานเฉพาะทาง ค้นหาทักษะที่จำเป็น และเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีสำหรับคนที่ไม่รู้ว่าจะตั้งคำถามหรือหาข้อมูลจากที่ไหน
- ข้อจำกัดของ AI คือการให้คำแนะนำที่กว้างและขาดความเข้าใจเชิงลึก ไม่สามารถให้การสนับสนุนด้านอารมณ์ กำลังใจ หรือคำวิจารณ์เพื่อการพัฒนาตนเองได้เหมือนมนุษย์
- ผู้เชี่ยวชาญมองว่า AI เป็นเพียงเครื่องมือเสริมในการค้นคว้าข้อมูลและทบทวนตัวเอง แต่ไม่สามารถทดแทนการเชื่อมต่อและคำปรึกษาจากผู้มีประสบการณ์จริงได้
เมื่อ "เพื่อน-ครอบครัว" ให้คำปรึกษาเรื่องอาชีพการงานเชิงลึกไม่ได้ คนทำงานรุ่นใหม่เลยหันไปพึ่งพา "ChatGPT" เพื่อหาทางออกให้กับเส้นทางอาชีพของตัวเอง ข้อมูลบอกว่าเกือบ 20% ของการสนทนาใน AI คือการสร้าง "แผนที่อาชีพ" ส่วนตัว แต่คำแนะนำจาก AI จะ "อิน" และ "ลึกซึ้ง" เท่าคำแนะนำจากมนุษย์ผู้มีประสบการณ์จริงได้หรือไม่?
เมื่อไม่รู้จะถามใคร 'แชตบอต' คือที่พึ่งแรกของ Gen Z
พริสซิลลา อาบี (Priscilla Abii) วัย 25 ปี เริ่มต้นปีใหม่ด้วยการวางเป้าหมายสำหรับชีวิตและอาชีพการงาน เช่นเดียวกับคนวัยทำงานอีกหลายคน เธอเพิ่งทำงานเป็นผู้ช่วยฝ่ายการตลาดได้ไม่กี่เดือน แต่ก็เริ่มไม่แน่ใจว่า เส้นทางอาชีพนี้จะใช่สิ่งที่เธอต้องการจริงๆ หรือไม่ เธอพยายามปรึกษาเพื่อนและครอบครัว แต่พวกเขาไม่คุ้นเคยกับโลกของการตลาด คำถามที่ได้กลับมาก็มีแต่ “แล้วเธอทำงานอะไรกันแน่?”
อาบีจึงหันไปหา ChatGPT แหล่งข้อมูลทางเลือกที่หลายคนพบว่ามีประโยชน์สำหรับการตอบคำถามสำคัญในชีวิตในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา นับตั้งแต่แชตบอต AI เชิงสร้างสรรค์ (Generative AI) เปิดให้สาธารณชนเข้าถึงได้ง่าย ผู้คนก็ใช้มันตั้งแต่เป็นเพื่อนคุยบำบัด, คลายความเหงา, แก้ปัญหาความสัมพันธ์, และแน่นอน... ใช้เพื่อขอคำปรึกษาด้านอาชีพด้วยเช่นกัน
อาบีผู้ซึ่งอาศัยอยู่ใกล้เมืองบัลติมอร์ เธอมองว่าการหาข้อมูลจาก AI เป็นประโยชน์อย่างมาก เธอบอกว่า "ฉันเคยได้ยินเกี่ยวกับสายงานการตลาดอื่นๆ ที่อาจจะทำรายได้ได้มากขึ้นในอนาคต ฉันก็เลยลองเข้าไปดูใน ChatGPT เพื่อดูว่ามีตัวเลือกอะไรบ้าง"
การค้นคว้าของเธอช่วยให้เธอได้สำรวจความเชี่ยวชาญเฉพาะทาง ในสายงานของตัวเอง เช่น Growth Marketing และ Data Analysis รวมถึงการค้นหาใบรับรอง (Certification) ที่จะช่วยให้เธอได้เรียนรู้ทักษะที่จำเป็น แม้ว่าตอนนี้เธอยังไม่ได้ลาออกจากงานปัจจุบัน แต่การค้นคว้าด้วย AI ก็ทำให้เธอมีทิศทางที่ชัดเจนขึ้นสำหรับก้าวต่อไปในอาชีพ
"AI รวบรวมข้อมูลจากทุกที่ ซึ่งเป็นประโยชน์มาก เพราะบางครั้งเราไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะเริ่มต้นตรงไหน หรือไม่รู้แหล่งข้อมูลที่ดีที่สุดในการค้นหาคำตอบ และบางครั้งเราก็ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าต้องตั้งคำถามอะไร มันเป็นเครื่องมือที่ช่วยได้จริงๆ " อาบี สรุปถถึงข้อดีของการปรึกษา AI
คนรุ่นใหม่ หันใช้ AI สร้าง 'แผนที่ชีวิต-เส้นทางอาชีพ' มากขึ้น
เมื่อผู้คนคุ้นเคยกับเครื่องมือ AI มากขึ้น พวกเขาก็เริ่มเจาะจงมากขึ้นเกี่ยวกับปัญหาที่ต้องการให้ AI แก้ไขให้ ข้อมูลจากการวิเคราะห์การสนทนาใน Claude (ผู้ช่วย AI จาก Anthropic) พบว่า ผู้ใช้งานเปลี่ยนจากการขอความช่วยเหลือทั่วไป เช่น การเขียนเรซูเม่ตรงๆ ไปสู่การวางแผนเชิงกลยุทธ์ระยะยาวมากขึ้น
เกือบ 20% ของการสนทนาทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับอาชีพ คือการช่วยเหลือผู้ใช้งานให้สร้าง “แผนที่อาชีพส่วนบุคคล” (Personalized Career Map)
Gen Z อีกคนอย่าง "จีนี่ ทอมป์สัน" (Jeanie Thompson) วัย 23 ปี เป็นนักเขียนและนักการตลาดในบอสตัน ก็เริ่มใช้ Fide ซึ่งเป็นแอปพลิเคชันอาชีพ ที่มีฟีเจอร์ให้ผู้ใช้สามารถถามตัวแทน AI เกี่ยวกับหัวข้อต่างๆ เช่น การเตรียมตัวสัมภาษณ์งาน หรือการเริ่มต้นในสาขาเฉพาะทาง
นอกจากนี้ แอปยังกระตุ้นเธอด้วยคำถามรายวันเพื่อช่วยกำหนดเป้าหมายระยะยาว เช่น เธอคิดว่า "ซูเปอร์พาวเวอร์" ด้านการตลาดของเธอคืออะไร และเธออยากจะทำลายขีดจำกัดใดในโลกการตลาดปัจจุบัน
อย่างไรก็ตาม ทอมป์สันยังคงเลือกที่จะขอความช่วยเหลือจากเพื่อน และเพื่อนร่วมงาน เมื่อมีคำถามสำคัญในอาชีพ แม้ว่าการทำเช่นนั้นอาจจะยากสำหรับคนทำงานระดับจูเนียร์
"ฉันพยายามก้าวข้ามความเขินอายที่รู้สึกว่าตัวเองถามคำถามที่ดูโง่ ๆ ฉันยังเด็ก มีหลายสิ่งหลายอย่างที่ฉันไม่รู้ และฉันคิดว่ามันสำคัญมากที่จะใช้ประโยชน์จากทรัพยากรที่มีอยู่รอบตัว เช่น ความเชี่ยวชาญของเพื่อนร่วมงานอาวุโส ฉันแค่อยากจะซึมซับทุกอย่าง เพราะฉันรู้ว่าพวกเขามีเรื่องราวที่อยากจะแบ่งปัน" เธอ อธิบาย
จุดอ่อน AI ยังทำได้ไม่ดีเท่าคน คือ 'ความเข้าใจและกำลังใจ'
รูธ กอเทียน (Ruth Gotian) ผู้เชี่ยวชาญด้านการให้คำปรึกษาและพัฒนาภาวะผู้นำ พูดถึงประเด็นนี้ว่า AI เหมาะสำหรับการจัดการงานธุรการ และช่วยในการค้นคว้าวิจัย แต่ไม่สามารถใช้แทนการเชื่อมโยงกับผู้คนได้
คำแนะนำจากแชตบอต "จะเป็นไปในลักษณะที่กว้างมาก (Generic)" ในขณะที่ที่ปรึกษา (Mentor) สามารถให้ข้อมูลเชิงลึกจากประสบการณ์ตรงของพวกเขา และอาจเชื่อมโยงคุณกับโอกาสอื่น ๆ ได้ นอกจากนี้ ยังมีการสนับสนุนด้านจิตใจและอารมณ์ ที่ AI ไม่สามารถให้ได้
"การให้คำปรึกษา (Mentorship) มี 2 บทบาท หนึ่งคือการช่วยเหลือด้านอาชีพ เช่น แนะนำให้ไปสมัครงานนี้ หรือพูดคุยกับคนนั้น แต่บทบาทที่สองคือ การให้การสนับสนุนด้านจิตสังคม (Psychosocial Support) ซึ่งหมายถึง การเป็นผู้ให้กำลังใจ (Cheerleader) เป็นไหล่ให้คุณได้ซบ ช่วยคุณวางแผนสำรอง หากคุณไม่ได้สิ่งที่ตั้งใจไว้ AI ยังทำสิ่งนั้นไม่ได้" กอเทียน อธิบาย
ราย ไทรนา (Rai Tryna) วัย 26 ปี ผู้จัดการฝ่ายพันธมิตรจากฟลอริดา แสดงความเห็นในทิศทางเดียวกัน ว่า เทคโนโลยี AI ไม่ได้สร้างความรู้สึกไว้ใจและความเห็นอกเห็นใจได้เท่ามนุษย์ นั่นเป็นสาเหตุที่บางคนหลีกเลี่ยงการคุยเรื่องส่วนตัวกับแชตบอต
"ฉันรู้ว่าหลายคนถาม ChatGPT เกี่ยวกับความสัมพันธ์และการบำบัด แต่ฉันเองก็ยังไม่สบายใจที่จะทำแบบนั้น" เขาบอก และยังมองว่า ผลลัพธ์จากการสอบถาม AI มักจะยืนยันความคิดของเรามากเกินไป (Overly Self-Affirming) ซึ่งมันไม่ได้ให้คำวิจารณ์จริงๆ ที่คุณกำลังมองหาในการพัฒนาตัวเอง อย่างไรก็ตาม เขาเชื่อว่าในอนาคตสิ่งนี้จะเปลี่ยนไป เพราะ AI มีการป้อนข้อมูลใหม่ตลอดเวลา
ด้าน ซิอาด อาเหม็ด (Ziad Ahmed) ผู้เชี่ยวชาญด้านแบรนด์ Gen Z วัย 26 ปี ก็กังวลเกี่ยวกับการใช้ AI แทนที่การเชื่อมโยงกับมนุษย์ในที่ทำงาน เขามองว่า "ผู้คนอาจหันไปใช้ AI เพราะสถานที่ทำงานและสังคมให้ความสำคัญกับการให้คำปรึกษา และการฝึกอบรมแบบตัวต่อตัวน้อยลง" ซึ่งจริงๆ แล้ว เป็นสิ่งที่คนเราควรให้ความสำคัญ
AI เป็นเครื่องมือที่ดีในการ 'เริ่มต้นทบทวนตัวเอง'
สำหรับคนทำงานบางคน พวกเขามองว่า AI เป็นเครื่องมือที่ดีในการ "กระตุ้นให้เกิดการทบทวนตัวเอง (Self-Reflection)" หนึ่งในนั้นก็คือ "ไมเคิล แคมป์เบลล์" (Michael Campbell) วัย 41 ปี ผู้เชี่ยวชาญด้านทรัพยากรบุคคล (HR) ในดัลลัส ได้ใช้ ChatGPT ในการทำแบบทดสอบบุคลิกภาพ เพื่อดูว่าเขาอยู่ในสายงานที่เหมาะสมหรือไม่ การทดสอบด้วย AI ช่วยให้เขาตระหนักว่าเขาเป็นคนที่มีความเสี่ยงต่ำและไม่ชอบความเครียด
"ทุกคนมีความคิดเกี่ยวกับอาชีพที่สมบูรณ์แบบ และผมก็สงสัยว่า ความคิดของผมมันสอดคล้องกับบุคลิกภาพของผมหรือเปล่า? ซึ่งการค้นหาข้อมูลใน AI ช่วยให้ผมเข้าใจวิธีการแก้ปัญหาด้าน HR โดยที่ไม่ต้องเครียดกับมันมาก" เขา บอก
AI ช่วยให้เขาเลือกแผนทางอาชีพได้ เช่น มันช่วยให้ข้อมูลว่าการมีปริญญา MBA จะเปลี่ยนเส้นทางของเขาได้อย่างไร? ตำแหน่งงานใดที่จะทำให้เขาก้าวขึ้นสู่ตำแหน่ง Chief HR Officer (CHRO) ในอนาคต? การได้รับทราบผลลัพธ์ที่เป็นไปได้จากประสบการณ์จำนวนมหาศาลบนอินเทอร์เน็ตนั้นเป็นประโยชน์ แม้ว่าผมจะมีเพื่อนที่เป็น CHRO พวกเขาก็เล่าได้แค่ประสบการณ์ของเขา ซึ่งผูกติดอยู่กับความรู้ของเขาเท่านั้น
ท้ายที่สุดแล้ว แคมป์เบลล์มองว่าการค้นหาอาชีพด้วย AI เป็น ส่วนเสริม ให้กับการค้นหางานปัจจุบันของเขาเท่านั้น ไม่ใช่การแทนที่ผู้คนในเครือข่ายของเขา "คุณยังคงต้องการให้คนอื่นบอกคุณว่า 'เฮ้ บางทีคุณอาจจะคิดผิดไปหมดแล้วนะ'”
อ้างอิง: CNBC Make it







