ไม่เชื่อ work life balance ผู้บริหาร Walmart แนะ ผสานงานกับชีวิตแทน

ไม่เชื่อ work life balance ผู้บริหาร Walmart แนะ ผสานงานกับชีวิตแทน

ในวันที่คนรุ่นใหม่โหยหาสมดุลงานและชีวิต แต่ ดอนนา มอร์ริส ผู้บริหาร Walmart ไม่เชื่อในคำนี้ แนะใช้วิธีผสานงานเข้ากับชีวิตดีกว่า นี่ทำให้เธอประสบความสำเร็จในอาชีพ

KEY

POINTS

  • ดอนนา มอร์ริส ผู้บริหารระดับสูงของ Walmart ไม่เชื่อในแนวคิด work-life balance และเสนอให้ใช้แนวคิด "การผสานงานกับชีวิต" (work-life integration) แทน
  • การผสานงานกับชีวิต คือการผสมผสานความรับผิดชอบในงานและเรื่องส่วนตัวอย่างยืดหยุ่น ไม่จำเป็นต้องแบ่งเวลาอย่างตายตัวหรือแยกขาดจากกัน
  • แนวคิดนี้เชื่อว่า บางครั้งงานต้องการความสำคัญมากกว่า และบางครั้งชีวิตส่วนตัวก็สำคัญกว่า ซึ่งช่วยให้รับผิดชอบงานได้โดยไม่ละเลยเรื่องสำคัญในชีวิต

ในโลกการทำงานไม่ว่าจะยุคสมัยไหน แนวคิดเรื่อง work life balance ก็ยังคงถูกหยิบยกมาพูดถึงอยู่เสมอ ล่าสุด ดอนนา มอร์ริส (Donna Morris) ผู้บริหารระดับสูงของ Walmart เผยมุมมองการทำงานของเธอที่แตกต่างจากกระแสหลักของโลกยุคนี้ ที่คนทำงานรุ่นใหม่ให้คุณค่าสมดึลชีวิตมาเหนือสิ่งอื่นใด

เธอมองว่าแทนที่จะพยายามสร้างสมดุลชีวิตกับการทำงาน (work life balance) ที่อาจไม่มีอยู่จริง ควรหันมาใช้แนวคิด “การผสานงานกับชีวิต (work life integration)” ที่ช่วยให้ทำงานได้ดีโดยไม่ละเลยครอบครัวและตัวเอง 

แบบไหนเรียกว่า work life balance จริงๆ เมื่อมุมมองของคนเราต่างกัน

แนวคิดเรื่อง work life balance หรือสมดุลระหว่างการงานกับชีวิต มักจะมีความหมายต่างกันไปสำหรับแต่ละคน บางคนมองว่าหมายถึงการไม่ทำงานในเวลากลางคืน วันหยุดสุดสัปดาห์ หรือวันนักขัตฤกษ์ ขณะที่อีกหลายคนอาจตีความว่าเป็นการไม่รับโทรศัพท์หรืออีเมลจากงานหลัง 5 โมงเย็น เพื่อให้เวลากับการดูแลตัวเองแทน

แม้สิ่งเหล่านี้จะช่วยสร้างความสุขและความพึงพอใจ แต่ในความเป็นจริงมันอาจไม่เสมอไป นี่คือสิ่งที่ ดอนนา มอร์ริส รองประธานบริหารและหัวหน้าฝ่ายบุคคลของ Walmart ผู้เคยดูแลพนักงานมากว่า 2.1 ล้านคน ย้ำชัดว่า

“ฉันไม่เคยเชื่อในคำว่า work-life balance เลย ฉันเรียกมันว่า work-life integration ต่างหาก บางครั้ง พาร์ทชีวิตของคุณต้องการความสำคัญมากกว่า แต่บางครั้งพาร์ทของงานก็ต้องการคุณมากเช่นกัน …และฉันไม่คิดว่านั่นเป็นเรื่องแย่”

สูตรความสำเร็จผู้บริหาร แนะผสานงานกับชีวิต แทนแยกขาดจากกัน 

มอร์ริสอธิบายว่า เวลาที่เธอไปเยี่ยมครอบครัว เธอจะโฟกัสกับพวกเขาเต็มที่ แต่หากมีเรื่องงานที่ต้องจัดการ เธอก็พร้อมลงมือทันทีโดยไม่รอให้ถึงวันที่กลับเข้าออฟฟิศเพื่อทำงาน แนวคิด “การผสานงานกับชีวิต” ช่วยให้เธอรับผิดชอบงานได้ต่อเนื่อง ขณะเดียวกันก็ไม่ละเลยตัวเองและคนที่รัก

“คุณอาจอยู่ที่สนามฟุตบอลของลูก แต่ก็เปิดอีเมลเช็กงานไปด้วย” มอร์ริสยกตัวอย่าง “หรือบางทีคุณอาจคุยกับหัวหน้าผ่านข้อความระหว่างรอคิว หรือเคลียร์งานเล็กๆ ก่อนพาลูกเข้านอน สิ่งเหล่านี้ไม่ได้หมายความว่าคุณเป็นคนบ้างาน แต่คือการหาวิธีผสมผสานหน้าที่ส่วนตัวกับงานให้เข้ากัน โดยไม่ต้องเคร่งครัดกับเวลามากเกินไป”

มุมมองใหม่ ท่ามกลางคนรุ่นใหม่ในที่ทำงาน

ข้อคิดของมอร์ริสเกิดขึ้นในช่วงที่คนรุ่นใหม่ โดยเฉพาะ Gen Z เริ่มเรียกร้องสิ่งใหม่จากการทำงาน เช่น วัฒนธรรมการแต่งกายที่ผ่อนคลาย หรือวันลาพักผ่อนด้านสุขภาพจิต ตามรายงานของ Talent LMS ในปี 2022 ที่สำรวจคนทำงานรุ่นใหม่ อายุ 19-25 ปี พบว่า กว่า 1,200 คน รายงานว่า “การขาดสมดุลงาน-ชีวิต” คือหนึ่งในเหตุผลหลักที่ทำให้พวกเขาตัดสินใจลาออกจากงาน

อย่างไรก็ตาม นักวิชาการบางส่วนกลับมองว่า การไล่ตาม “สมดุล” อาจก่อให้เกิดความเครียดด้วยซ้ำ Jeff Karp (เจฟฟ์ คาร์ป) ศาสตราจารย์ด้านวิศวกรรมชีวการแพทย์จาก Harvard Medical School และ MIT เคยบอกกับ CNBC Make It ในเดือนกันยายน 2024 ว่า

“เรามักได้ยินว่าต้องเชื่อในกระบวนการ ต้องหาสมดุลให้เจอ แต่ยิ่งเราพยายามหา ก็ยิ่งรู้สึกกดดัน และอาจนำไปสู่ความวิตกกังวล เพราะเรารู้สึกเหมือนตัวเองไม่เคยอยู่ในจุดสมดุลนั้นเลย”

ผู้นำควรทำอย่างไร ท่ามกลางกระแสวัฒนธรรมใหม่ของการทำงาน

แม้บางครั้งเราจะต้อง “ปิดเครื่องมือการติดต่อสื่อสาร” จริงๆ ทั้งโน้ตบุ๊กและโทรศัพท์ เพื่อให้คนทำงานได้พักผ่อนให้เต็มที่ แต่ถ้าหัวหน้างานไม่เคยใช้วันลา หรือยังติดต่อพนักงานในช่วงวันหยุดอยู่เสมอ การพักผ่อนของทั้งทีมก็แทบเป็นไปไม่ได้เลย

ดังนั้น ผู้นำจึงมีบทบาทสำคัญในการกำหนดบรรยากาศและขอบเขตของการทำงาน ในประเด็นนี้ มอร์ริส ยกตัวอย่างว่า “ถ้าฉันไม่เคยลาพักร้อนเลย แล้วฉันดันสื่อสารกับทุกคนในทีมอีกว่า ‘คุณก็ห้ามลาเช่นกัน’ แบบนี้ฉันว่านั่นไม่ถูกต้อง” เธอกล่าว

“ในฐานะผู้นำ เรามีหน้าที่เป็นแบบอย่างให้กับสิ่งที่คาดหวังจากทีมงานของเราด้วย”

เธอยังบอกด้วยว่าในช่วงปลายเดือนสิงหาคม เธอจะลาพักร้อน และทีมงานทุกคนจะรู้ เพื่อที่เวลาพวกเขามีโอกาสพักบ้าง นั่นทำให้พนักงานสามารถ “หายตัวไปจากระบบ” ได้เต็มที่โดยไม่ต้องรู้สึกผิด พวกเขาสามารถออกไปทำอะไรอย่างอื่นในชีวิตส่วนตัวได้จริงๆ 

สุดท้ายแล้ว “สมดุลงานกับชีวิต” อาจไม่ใช่คำตอบสำหรับทุกคน แต่การมองในมุมของ “การผสานงานกับชีวิต” อย่างที่ Donna Morris เสนอ ช่วยให้เรายืดหยุ่นกับเวลามากขึ้น ดูแลงานได้เต็มที่โดยไม่ทิ้งสิ่งสำคัญในชีวิต และนี่อาจเป็นกุญแจความสำเร็จของการทำงานยุคใหม่ ให้มีความสุขและยั่งยืนกว่าที่คิด

 

อ้างอิง: CNBC Make it, Talent LMSJeff KarpColumbia Business School