สายงานพยาบาล-นักบำบัด โตแรงสวนกระแสตลาดงานซบเซา ไม่มีตกงาน

พยาบาล นักบำบัด ผู้ช่วยพยาสบาล ผู้ช่วยดูแลสุขภาพ กลุ่มอาชีพเติบโตแรงสวนกระแสตลาดงานซบเซา เอาชนะภาวะเศรษฐกิจถดถอย นักเศรษฐศาสตร์ย้ำ สายงานสุขภาพยุคนี้ไม่มีตกงาน
KEY
POINTS
- ท่ามกลางสภาวะตลาดงานโดยรวมที่ซบเซาและหลายองค์กรลดการจ้างงานประจำ สายงานด้านสุขภาพกลับเติบโตสวนกระแส
- อาชีพในสายสุขภาพที่เป็นที่ต้องการสูงและไม่มีความเสี่ยงตกงาน ได้แก่ พยาบาล ผู้ช่วยพยาบาล และนักเทคนิคบำบัดดูแลผู้ป่วย
- ปัจจัยหลักที่ทำให้สายงานนี้เติบโตคือความต้องการการดูแลสุขภาพที่เพิ่มขึ้นของประชากรกลุ่มเบบี้บูมเมอร์ที่กำลังเข้าสู่วัยสูงอายุ
จากรายงานสภาวะสังคมไทยของสภาพัฒน์ที่ชี้ว่า คลื่นการปลดพนักงานครั้งใหญ่ในไทยกำลังมา องค์กรและบริษัทต่างๆ ในไทย 25% ต่างเล็งลดจำนวนพนักงานประจำลง และปรับรูปแบบการจ้างงานเป็นลักษณะสัญญาจ้างระยะสั้นหรือพาร์ทไทม์มากขึ้น ไม่รับพนักงานประจำเพิ่ม เพื่อลดต้นทุนและปรับโครงสร้างองค์กร ซึ่งสถานการณ์นี้เรียกได้ว่า นำไปสู่สภาวะตลาดงานที่ซบเซา สะท้อนความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ
ไม่ใช่แค่ในไทย แต่สถานการณ์นี้กำลังเกิดขึ้นทั่วโลก โดยเฉพาะตลาดงานขนาดใหญ่อย่างสหรัฐ ก็มีรายงานว่าตัวเลขการจ้างงานในสหรัฐฯ ชะลอตัวและสะท้อนเศรษฐกิจที่กำลังเข้าสู่ภาวะถดถอย โดยเฉพาะในกลุ่มสายงานออฟฟิศทั่วไป ที่มีการจ้างงานลดลง
แต่ขณะเดียวกันกลับพบว่ามีบางสายงานเติบโตสูง สวนกระแสเศรษฐกิจถดถอยในสหรัฐ นั่นคือ "สายงานด้านสุขภาพ" ที่พบว่าเติบโตแข็งแกร่งอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะกลุ่มอาชีพพยาบาล ผู้ช่วยพยาบาล นักเทคนิคบำบัดดูแลผู้ป่วย และผู้ช่วยดูแลสุขภาพที่บ้าน ซึ่งยังคงมีความต้องการสูงในตลาดงาน
ตลาดแรงงานสะดุด ตัวเลขจ้างงานต่ำกว่าคาด แต่สายงานสุขภาพกลับโตสวนกระแส
รายงานล่าสุดจากสำนักสถิติแรงงานสหรัฐฯ (BLS) ระบุว่า ในเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา เศรษฐกิจอเมริกามีความสามารถในการจ้างงาน (นอกภาคการเกษตร) ได้เพียง 73,000 ตำแหน่ง ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ ซึ่งชี้วัดว่าเศรษฐกิจกำลังอ่อนแอและถดถอยลง
แต่ที่น่าจับตาคือ แม้หลายอุตสาหกรรมใหญ่ เช่น การผลิต ภาครัฐ และธุรกิจบริการมืออาชีพ ต่างชะลอหรือปลดคนงาน แต่อุตสาหกรรมด้านการสุขภาพและการช่วยเหลือทางสังคมกลับสวนทาง โดยมีสัดส่วนการเติบโตสูงถึง 48.8% ของการจ้างงานทั้งหมดในรอบปีที่ผ่านมา สะท้อนจากโรงพยาบาลเพิ่มการจ้างงานกลุ่มอาชีพเหล่านี้มากถึง 196,000 ตำแหน่ง ในรอบปีที่ผ่านมา คิดเป็นอัตราเติบโต 3.5% ขณะที่งานบริการดูแลสุขภาพที่บ้าน เพิ่มขึ้นอีก 56,900 ตำแหน่ง หรือ 3.2%
ทั้งนี้ กลุ่มอาชีพที่ถูกจ้างมากขึ้น ได้แก่ พยาบาล, ผู้ช่วยพยาบาล, นักเทคนิคบำบัดดูแลผู้ป่วย, ผู้ช่วยดูแลสุขภาพที่บ้าน และตำแหน่งสนับสนุนอื่นๆ โดยมีผู้หญิงทำงานในภาคอุตสาหกรรมนี้สูงถึง 78.6% ของแรงงานทั้งหมด
นักเศรษฐศาสตร์อธิบายว่า ความแข็งแกร่งของงานด้านสุขภาพเป็นไปตามการคาดการณ์มานาน เนื่องจากประชากร "เบบี้บูมเมอร์" ที่กำลังเข้าสู่วัยสูงอายุ ต้องการการดูแลด้านสุขภาพมากขึ้น
สายงานอื่นน่ากังวล ยุคนี้หากไม่เร่งปรับตัว เพิ่มทักษะใหม่ เสี่ยงตกเก้าอี้
ในทางกลับกัน หลายอุตสาหกรรมที่เคยเติบโตสูง ถึงขั้นเรียกว่าเป็น "เครื่องจักรสำคัญ" ของตลาดแรงงาน ในวันนี้กลับอ่อนแรงลง โดยเฉพาะกลุ่มธุรกิจผู้ให้บริการมืออาชีพและพนักงานในสำนักงาน อาจจะมีการสูญเสียงานกว่าหมื่นตำแหน่งต่อเดือน
ขณะที่สายงานในภาคการผลิต ก็ถูกกดดันจากปัจจัยหลายด้าน ทั้งภาษีการค้าระหว่างประเทศ พฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป และความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ รวมถึงการจ้างงานภาครัฐ ก็ลดลงตามนโยบายลดขนาดรัฐบาลสหรัฐด้วยเช่นกัน นักวิเคราะห์บางคนถึงกับเรียกสถานการณ์นี้ว่าเป็น “ภาวะถดถอยของพนักงานออฟฟิศ” ที่คนทำงานนั่งโต๊ะหรือกลุ่ม White Collar ต้องเผชิญปัญหานี้อย่างหนัก
ตามรายงานยังพบว่า จำนวนผู้ว่างงานยาวนานเกิน 27 สัปดาห์ เพิ่มขึ้นถึง 179,000 คน รวมเป็นกว่า 1.8 ล้านคน หรือคิดเป็นเกือบ 1 ใน 4 ของแรงงานที่กำลังหางานทั้งหมดในสหรัฐฯ ขณะเดียวกัน ตำแหน่งงานใหม่ที่โพสต์ใน Indeed ก็ลดลงต่อเนื่อง และเกิด "ความไม่สมดุล" ระหว่าง "ทักษะที่แรงงานมี" กับ "ความต้องการของตลาดที่แท้จริง"
โดยสรุปคือยุคนี้ หากใครอยู่ในสายสุขภาพ ย่อมปลอดภัย มีความมั่นคง และมีอนาคตสดใสมากกว่าสายงานอื่นๆ แม้บางรายงานจะชี้ว่าเป็นสายงานที่งานหนัก เครียดสูง และเผชิญกับภาวะหมดไฟก็ตาม แต่ก็ยังคงมีความต้องการสูงและมีโอกาสจ้างงานต่อเนื่อง นักวิเคราะห์สรุปชัดว่า “ถ้าคุณอยู่ในสายอาชีพพยาบาลในวันนี้ มั่นใจได้เลยว่ายังไงก็มีคนรอจ้างงานแน่ๆ”
อ้างอิง: CNBC Make it, CNBC economy







