เบื่อแล้วโลกโซเชียล Gen Z หาเพื่อนผ่านกิจกรรมเจอหน้าในชีวิตจริง

เบื่อแล้วโลกโซเชียล Gen Z หาเพื่อนผ่านกิจกรรมเจอหน้าในชีวิตจริง

เมื่อโซเชียลมีเดียเริ่มทำให้รู้สึก “โดดเดี่ยว” Gen Z เลยหันมาเจอหน้ากันจริงๆ ผ่านกิจกรรมคอร์สทำเกี๊ยว เล่นเกมถามตอบ กลับเข้าออฟฟิศ ฯลฯ เทรนด์มาแรงวัยทำงานรุ่นใหม่

KEY

POINTS

  • คนรุ่นใหม่ Gen Z ที่เริ่มทำงานช่วงโควิด-19 รู้สึกเบื่อหน่ายการใช้ชีวิตผ่านหน้าจอและเผชิญกับความเหงา จึงหันมามองหากิจกรรมที่ได้พบปะผู้คนแบบเจอหน้ากันในชีวิตจริงมากขึ้น
  • กิจกรรมออฟไลน์ที่ได้รับความนิยมมีหลากหลาย ตั้งแต่การลงคอร์สทำอาหารอย่างการทำเกี๊ยว ไปจนถึงการเล่นเกมตอบคำถามในผับ เพื่อสร้างคอมมูนิตี้และหาเพื่อนใหม่
  • เทรนด์นี้สะท้อนการต่อต้านวัฒนธรรมออนไลน์ที่ซับซ้อน โดยคนรุ่นใหม่โหยหาการสร้างมิตรภาพ และความสัมพันธ์ที่แท้จริงผ่านการพบเจอกันแบบต่อหน้ามากกว่า

หลังจากโควิดทำให้ต้องใช้ชีวิตอยู่แต่บนหน้าจอ เด็กรุ่นใหม่อย่าง Gen Z เริ่มหันกลับมาหากิจกรรมเจอหน้าจริงๆ ตั้งแต่การลงเรียนคอร์สทำเสี่ยวหลงเปา (เกี๊ยวสไตล์จีนชนิดหนึ่ง) ไปจนถึงกิจกรรมเล่นเกมตอบคำถามในผับ เพื่อหาคอมมูนิตี้และเพื่อนใหม่ในวัยทำงาน

สำหรับคนรุ่น Gen Z คือกลุ่มประชากรที่เกิดระหว่างปี ค.ศ.1997-2012 (พ.ศ. 2540 - 2555) พวกเขาจำนวนมากเริ่มต้นชีวิตการทำงานในช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19 ซึ่งส่วนใหญ่ต้องทำงานทางไกลและขาดการปฏิสัมพันธ์แบบตัวต่อตัว กระทั่งในปี 2023 ศัลยแพทย์ใหญ่ของสหรัฐฯ นายวิเวก เมอร์ธี (Vivek Murthy) ถึงขั้นประกาศว่า สหรัฐอเมริกากำลังเผชิญ “โรคระบาดแห่งความเหงา” ที่กระทบคนรุ่นใหม่อย่างหนักมากกว่ารุ่นอื่น ส่งผลให้พวกเขาเริ่มรู้สึกเบื่อโลกเสมือน แต่อยากได้เพื่อนในชีวิตจริงมากกว่า

Gen Z เบื่อแล้วโลกโซเชียล โหยหาการเจอเพื่อนในชีวิตจริง

ล่าสุดเกิดเทรนด์การโหยหาสังคมในโลกจริงของวัยทำงานรุ่นนี้ สะท้อนถึงการดิ้นรนออกจากภาวะความเหงา ด้วยการออกไปเจอผู้คนตัวเป็นๆ ยกตัวอย่างเช่น บางคนถึงกับยอมกลับเข้าออฟฟิศ (RTO) โดยไม่ต้องบังคับ เพราะต้องการทำงานร่วมกับทีมแบบเจอหน้ากันจริงๆ มากกว่าผ่านหน้าจอ เพื่อขยายเครือข่ายสายงาน

ยืนยันจากผลสำรวจของ Freeman ที่ระบุว่า จากกลุ่มคนทำงานเกือบ 2,000 คนในสหรัฐฯ พบว่า 91% ของ Gen Z อยากให้มีทั้งกิจกรรมออนไลน์และออฟไลน์ควบคู่กัน เพื่อใช้เป็นโอกาสสร้างคอนเนกชันกับเพื่อนร่วมงาน และคนในสายอาชีพเดียวกัน

แดน ชอว์เบล (Dan Schawbel) หุ้นส่วนผู้จัดการบริษัท Workplace Intelligence อธิบายว่า “โดยทั่วไปแล้วคนรุ่นใหม่มักโหยหาสังคม เพราะหลายคนเพิ่งเรียนจบหรือเพิ่งเริ่มทำงานไม่กี่ปี และยังต้องการบรรยากาศแบบเดียวกับช่วงเรียนมหาวิทยาลัย”

นายจ้างเริ่มจับทางได้ หันเปิดพื้นที่คอมมูนิตี้ให้พนักงาน Gen Z

ทางฝั่งของนายจ้างบางราย เริ่มมองเห็นจุดเปลี่ยนสำคัญนี้ และมองว่าควรสนับสนุนให้พนักงานรุ่นใหม่ได้มีพื้นที่ที่พวกเขาได้ฝึกเข้าสังคม ยกตัวอย่างย่านการเงิน Canary Wharf ในลอนดอน ซึ่งเป็นที่ตั้งของบริษัทยักษ์ใหญ่อย่าง JPMorgan, Barclays และ Morgan Stanley ได้เปิดตัวโปรแกรม “Wharf Connect” ตั้งแต่ปี 2024 เพื่อสร้างเครือข่ายให้คนวัยทำงานช่วง 10 ปีแรกของอาชีพ โดยให้ลงทะเบียนผ่านแอปพลิเคชัน

ในแอปฯ ดังกล่าว พนักงานสามารถลงทะเบียนร่วมกิจกรรมได้ฟรี ตั้งแต่เวิร์กช็อป LinkedIn ไปจนถึงการเล่นเกมตอบคำถามในผับ ปัจจุบันมีกิจกรรมเฉลี่ยงานละ 36 คน และมียอดจองกว่า 1,500 ครั้งตั้งแต่เริ่มต้นเปิดกิจกรรมมา

“หนึ่งในแรงผลักดันการกลับเข้าออฟฟิศก็คือ คนรุ่นใหม่ต้องการเจอหน้ากันจริงๆ เมื่อเทียบกับคนรุ่นก่อน พวกเขามีแนวโน้มจะรู้สึกโดดเดี่ยวมากกว่า ดังนั้น การกลับเข้าทำงานในออฟฟิศอย่างน้อยก็ช่วยให้ได้เจอเพื่อนร่วมงานบ้าง” ชอว์เบล อธิบาย

คลาสเรียนทำเสี่ยวหลงเปา จุดนัดพบคนรุ่นใหม่เติมเต็มใจไม่ให้เหงา

ซาวดะฮ์ ไบมียา (Sawdah Bhaimiya) ผู้สื่อข่าว CNBC ประจำลอนดอน เล่าประสบการณ์ที่เธอเข้าร่วมเวิร์กช็อปทำเสี่ยวหลงเปา ที่ร้านอาหารไต้หวัน Din Tai Fung ใน Canary Wharf ซึ่งเธอพบว่า มีคนหนุ่มสาวกว่า 50 คน แห่มาร่วมกิจกรรมเต็มห้อง บรรยากาศคึกคักเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะและการพูดคุย

กิจกรรมนี้ไม่ใช่แค่ได้เรียนรู้การทำอาหารจีน แต่ยังมีอาหารและเครื่องดื่มฟรี เสริมบรรยากาศให้กลายเป็นพื้นที่สังสรรค์ชั้นดี ซึ่งหลายคนยอมรับว่า กิจกรรมแบบนี้ช่วยเติมเต็มช่องว่างทางใจได้จริงๆ อย่างเช่น วิเวก ฮาเรีย (Vivek Haria) อายุ 25 ปี ที่ปรึกษาด้านภาษี ได้เข้าร่วม Wharf Connect แล้วกว่า 10 ครั้ง เขาบอกว่าแต่ก่อนไม่ค่อยเจอกิจกรรมเข้าสังคมอะไรที่น่าสนใจ จนมาเจอโปรแกรมนี้ซึ่งทำให้ได้ทั้งเพื่อนใหม่ และมีนัดเจอกันต่อเนื่องในวันหยุดสุดสัปดาห์

ด้านซินนี เหว่ย (Sinny Wei) อายุ 27 ปี ทำงานด้าน HR ที่ย้ายจากนิวซีแลนด์มาลอนดอน เธอบอกว่าการสร้างเพื่อนใหม่เป็นเรื่องยาก แต่กิจกรรมเหล่านี้ช่วยให้เธอเปิดใจเข้าสังคมได้ง่ายขึ้น ที่สำคัญคือฟรีทั้งบัตรเข้าร่วม อาหาร และเครื่องดื่ม

ส่วนโมราโย อาเดซินา (Morayo Adesina) อายุ 25 ปี นักวิเคราะห์การเงิน เล่าว่า หลังโควิด ลอนดอนเปลี่ยนไป ร้านอาหารและบาร์หลายแห่งปิดเร็ว ทำให้ยากจะออกไปเจอใครแบบไม่ได้นัดล่วงหน้า แต่กิจกรรมอย่าง speed dating หรือเวิร์กช็อปสนุกๆ ของ Wharf Connect กลับได้รับความนิยมมากขึ้น

เทรนด์เจอหน้ากันแบบออฟไลน์ มาแรงในกลุ่ม Gen Z มากขึ้นเรื่อยๆ

ผลสำรวจปี 2023 จากบริษัท Checkr พบว่า ผู้จัดการถึง 68% ยังอยากรักษารูปแบบทำงานรีโมตหรือไฮบริดไว้ในปี 2024 แต่มีพนักงานเพียง 48% ที่รู้สึกแบบเดียวกัน โดยเฉพาะคนรุ่นอาวุโสซึ่งมีสังคมที่มั่นคงกว่า และมีอุปกรณ์ทำงานที่บ้านพร้อมกว่า จึงไม่เห็นความจำเป็นในการเข้าออฟฟิศบ่อยๆ ทำให้ช่องว่างทางสังคมของคนรุ่นใหม่ชัดเจนยิ่งขึ้น

ชอว์เบลอธิบายว่า หลายปีที่ผ่านมา ผู้คนพึ่งพาเทคโนโลยีในการสร้างความสัมพันธ์มากเกินไป ทั้งโซเชียลมีเดียและแอปหาคู่ จนเกิดความรู้สึก “ท่วมท้นและวุ่นวายเกินไป” การกลับมาของกิจกรรมออฟไลน์จึงเป็นเหมือนการปฏิเสธวัฒนธรรมออนไลน์ไปโดยปริยาย

“พวกเขากำลังต่อต้านยุคดิจิทัลที่เต็มไปด้วยความซับซ้อนและไม่น่าเชื่อถือ ดังนั้นจึงไม่แปลกใจที่คนรุ่นใหม่โหยหาการเจอหน้าจริงๆ ได้พูดคุยกันจริงๆ มากขึ้น” เขาย้ำให้เห็นภาพชัดขึ้น

พูดได้ว่ากิจกรรมออฟไลน์สำหรับคนทำงานรุ่น Gen Z นั้น ไม่ใช่แค่ทางเลือก แต่กลายเป็น “พื้นที่ปลอดภัย” ที่ช่วยเชื่อมต่อผู้คนและสร้างสังคมเล็กๆ ในโลกการทำงานที่เปลี่ยนแปลงไปหลังโควิด ตั้งแต่คลาสทำอาหาร เวิร์กช็อปอาชีพ การหันกลับเข้าออฟฟิศ ไปจนถึงการเล่นเกมตอบคำถามในผับ ทั้งหมดนี้กลายเป็น “สูตรลับ” ที่ช่วยคลายความโดดเดี่ยว และนำพาไปสู่การสร้างมิตรภาพและคอมมูนิตี้ในชีวิตจริง ซึ่งส่งผลต่อสุขภาวะทางจิตใจที่ดีขึ้นอย่างยั่งยืน

 

อ้างอิง: CNBC Make itThe U.S. Surgeon General’s AdvisoryCheckr report