‘Work-life Integration ขับเคลื่อนองค์กรสู่ ’ความสุข’ ฉบับ ‘รักษ์ วรกิจโภคาทร’

‘Work-life Integration  ขับเคลื่อนองค์กรสู่ ’ความสุข’ ฉบับ ‘รักษ์ วรกิจโภคาทร’

‘รักษ์’ เปิดแนวคิดบริหารธุรกิจ ในชีวิตจริงไม่มีคำว่า Work-Life Balance มีแต่ คำว่า “Work-Life Integration” คือ การประสานกันระหว่างการทำงาน และการใช้ชีวิต สู่ ‘ความสุข’ ที่แท้จริง

การทำงานในฐานะ “ผู้บริหาร” อาจไม่ใช่เพียงแค่การกำหนดกลยุทธ์ การวางเป้าหมาย หรือขับเคลื่อนองค์กรให้ก้าวไปข้างหน้าเพียงอย่างเดียว แต่อาจหมายถึงการเป็น “ต้นแบบ” ของการทำงานที่มีความสุข และยั่งยืน เพราะการสร้างองค์กรที่แข็งแรงไม่ได้เกิดขึ้นจากตัวเลขผลประกอบการเพียงอย่างเดียว หากแต่ เกิดจากการที่ผู้บริหารรู้จักบาลานซ์ระหว่าง “งาน” และ “ชีวิต” ได้อย่างเหมาะสม

ยิ่งในโลกที่เต็มไปด้วยความกดดัน ความเร่งรีบ และการแข่งขันสูง ผู้บริหารทุกคนย่อมเผชิญกับความท้าทายมากมาย

แต่สิ่งที่จะทำให้องค์กรเดินไปได้อย่างมั่นคง คือ “การบริหารพลังงานของตัวเองให้สมดุล” รู้จักวางน้ำหนักระหว่างเป้าหมายการทำงานกับความสุขส่วนตัว และสามารถส่งต่อทัศนคติที่ดีนี้ไปยังทีมงานได้ด้วย เมื่อผู้บริหารทำงานด้วยความสุข องค์กรก็จะเต็มไปด้วยพลังเชิงบวกที่พร้อมจะขับเคลื่อนไปข้างหน้าอย่างมั่นใจงานที่ทรงคุณค่า ต้องมาจาก “ความสุข”

‘Work-life Integration  ขับเคลื่อนองค์กรสู่ ’ความสุข’ ฉบับ ‘รักษ์ วรกิจโภคาทร’ เหล่านี้สอดคล้องกับหลักความคิดในการบริหารงาน และการขับเคลื่อนองค์กรของ “ดร.รักษ์ วรกิจโภคาทร” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทบริหารสินทรัพย์ กรุงเทพพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) หรือ BAM ที่เขามักมองว่า การสร้างงานที่มีคุณค่าได้นั้น จุดเริ่มต้นต้องมาจาก “ความสุข” ก่อน หากตัวเองมีความสุข มีพลังใจที่ดี เหล่านี้จะยิ่งเป็นพลังขับเคลื่อนให้ทุกอย่างไปสู่ความสุข และ “ความสำเร็จ” ก็จะตามมา

“รักษ์” ฉายภาพการทำงาน ภายใต้หมวกของ “BAM” ในวันนี้ว่า การทำงานปัจจุบัน ถือว่าต่างกับอดีตค่อนข้างมาก วันนี้เมื่อเขาเองก้าวมาสู่บทบาทของ “โลกธุรกิจ” กลับยิ่งพบว่า ตัวเองสามารถปลดปล่อยพลังงานไปกับสิ่งที่อยากทำได้เต็มที่มากขึ้น และเลือกที่จะโฟกัสกับงานที่สามารถ “สร้างคุณค่า”ได้จริงๆ

ดังนั้นในชีวิตการทำงาน ไม่จำเป็นต้องยึดติดกับกรอบเดิมๆ หรือระบบ กฎเกณฑ์ที่เข้ามาเสมอไป ตรงกันข้าม เขากลับมองว่า “พลังของการทำงาน” จะเกิดขึ้นเต็มที่ก็ต่อเมื่อ สามารถหลุดพ้นออกมาจากข้อจำกัดที่กดทับต่างๆ ได้ ไม่ว่าจะเป็นความคาดหวัง ความกดดัน หรือเสียงรบกวนต่างๆ ที่เข้ามากระทบ

  • ในชีวิตไม่เคยมีคำว่า “Work-Life Balance

ภาพที่หลายคนเห็นคล้ายๆ กัน เกี่ยวกับการทำงานของ “รักษ์” คือ บทบาทของผู้บริหารที่ไม่เคยหยุดนิ่ง วันหยุดไม่เคยมี ว่างงานต้องหาทางช่วยสังคม โปรเจกต์งานใหม่ๆ ออกมาให้เห็นเป็นรูปธรรมอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่ที่เขาย่างก้าวเข้ามาสู่ BAM เพียงไม่กี่เดือน

เขาจึงถูกตั้งคำถามไม่น้อยว่า การทำงานวันนี้ “เหนื่อยเกินไปหรือไม่ เหนื่อยหรือไม่? กับบทบาทที่ทำอยู่ “รักษ์” ตอบด้วยรอยยิ้มว่า “เหนื่อย” แต่มัน “สนุกมาก” ภายใต้รอยยิ้มนี้ แฝงไปด้วยรอยยิ้มจากใจ ยิ้มที่ไม่ได้ปิดบังหรือซ่อนเร้นความเหนื่อยล้าที่ตัวเขามีไว้ แต่เป็นยิ้มที่ “น่าภูมิใจ” ไม่น้อย

ถามว่า ในชีวิตจริงของเขานั้น มีคำว่า Work-Life Balance หรือไม่ ซึ่งเขากลับมีมุมมองที่แตกต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง เพราะเขาเชื่อว่า คำว่า Work-Life Balance มันไม่เคยมีคำนี้อยู่จริง หรือเป็นเพียงนิยามหลอกเด็กก็เท่านั้น!

เพราะตัวเขาเองมองว่า “Work-Life Balance ได้หากบุคคลนั้น “แฮปปี้” ที่จะเกษียณแค่ผู้จัดการส่วน สำหรับบางคน แต่มันไม่ Work-Life Balance สำหรับคนที่เป็น C Level ขึ้นมา หรือในตำแหน่งที่สูงกว่านั้น

แต่ตัวเขามีคำว่า “Work-Life Integration” คือ เวลาที่เรามีให้ใครสักคน ที่เรารัก เราใช้มันให้เต็มที่ แต่วันที่เราเดินออกมาเขาต้องรู้ว่าเราไปทำอะไร

“คำว่า Work -Life Balance ไม่เคยมีอยู่จริง แต่สำหรับผม คือ Work-Life Integration เวลาที่เรามีให้ใครสักคนที่เรารัก เราก็ใช้มันเต็มที่ แต่วันที่เราเดินออกมาเขาต้องรู้ว่าเราทำอะไร จึงเป็นที่ทุกเช้าผมอยู่กับภรรยา รับประทานข้าวเช้า แบ่งเวลาไปเล่นเทนนิสบ้างไปวิ่งที่ Sport Club บ้างก่อนที่จะไปทำงานที่ BAM และตอนเย็นก็ไปรับลูกแล้วก็กลับมาทำงานต่อ ดังนั้นหากเราสามารถที่จะดีไซน์กิจกรรมในแต่ละวันได้ อันนี้น่าจะเป็นชีวิตที่น่าจะตอบโจทย์ทั้งครอบครัวและงาน

สุดท้ายแล้วแนวทางการทำงานของ “ดร.รักษ์ วรกิจโภคาทร” ก็ถือเป็นเครื่องสะท้อนที่ดี ให้เห็นถึงการผสมผสานระหว่าง “งาน” และ “ชีวิต” ในรูปแบบ Work-Life Integration ที่ไม่ใช่การแบ่งแยก แต่คือ การประสานให้เดินไปด้วยกันอย่างกลมกลืน จากที่เขาเลือกทำงานด้วยความสุข สนุกกับสิ่งที่ทำ และใช้พลังงานอย่างเต็มที่กับงานที่มีคุณค่า ขณะเดียวกันก็ไม่ละเลยความหมายของการมีชีวิตส่วนตัวที่มีความสุขเช่นเดียวกัน!

  • แสวงหากำไรควบคู่ช่วยสังคม

ในมุมของการทำธุรกิจ “รักษ์” ฉายภาพให้เห็นว่า นอกเหนือจากความต้องการสร้างกำไร และผลประกอบการที่ดีกลับคืนมาสู่บริษัทแล้ว สิ่งที่รักษ์ต้องการเห็น หรือต้องการขับเคลื่อนมากที่สุดคือ “การถ่ายทอดวิสัยทัศน์” ของ BAM ไปสู่สังคม ว่า

“เราไม่ได้ต้องการเพียงแสวงหากำไรที่ดีที่สุด แต่เราต้องการสร้างการเปลี่ยนแปลงในมุมที่ตอบโจทย์สังคมมากขึ้น

โดยเฉพาะในวันที่เศรษฐกิจมีปัญหา และดอกเบี้ยสูงไปสำหรับคนตัวเล็กๆ
เหล่านี้นำมาสู่จุดเริ่มต้นของการเกิด “โครงการทรัพย์มหาชน” ที่มีจุดมุ่งหมายเพื่อช่วยเหลือคนกลุ่มต่างๆ ให้มีโอกาสในชีวิตมากขึ้น ให้มีโอกาสมี “บ้าน” มีทรัพย์สินเป็นของตัวเอง โดยเฉพาะอาชีพอิสระที่ประสบปัญหาในการเข้าถึงสินเชื่อจากสถาบันการเงิน คนกลุ่มนี้

เช่น แม่บ้านโรงแรม คนขับรถ คนขับแท็กซี่ หรือแม้กระทั่งผู้กำกับ ช่างกล้อง ที่เหล่านี้มักถูกปฏิเสธสินเชื่อมาแล้วนับไม่ถ้วน เพราะไม่มีสลิปเงินเดือนแม้บางคนอาจมีรายได้สูงถึง 5 หมื่นบาทหรือเกิน 1 แสนบาทต่อเดือนก็ตาม

แนวคิดของ BAM คือ การช่วยแก้ไขปัญหานี้ของคนกลุ่มนี้ ให้สามารถผ่อนตรงกับ BAMได้ หรือผ่อนชำระกับสถาบันการเงินพันธมิตร ที่ปล่อยสินเชื่อเงื่อนไขพิเศษให้กับลูกค้าที่ซื้อทรัพย์กับ BAM กลยุทธ์นี้ไม่เพียงแต่ทำให้ BAM ยืนหยัดได้ในช่วงเวลาที่เศรษฐกิจมีความไม่แน่นอนสูง

แต่ยังแปร “วิกฤติ” ให้เป็น “โอกาส” ที่จะสร้างการเติบโตให้กับ BAM และเปิดโอกาสให้กับสังคมได้มีชีวิตที่ดี และยั่งยืนมากขึ้นด้วย

เช่น หากเป็นทรัพย์สินที่ราคาต่ำกว่า 5 แสนบาท สำหรับกลุ่มแม่บ้าน คนขับรถแท็กซี่ต่างๆ อาจเสนอให้เริ่มต้นผ่อนที่ 500 บาทต่อเดือน หรือ 1,000 บาทผ่อนยาวถึง 20 ปี หรือกลุ่มที่ต้องการซื้อสินทรัพย์ที่มากกว่า 5 แสนบาทถึง 5 ล้านบาท ที่ส่วนใหญ่อยู่ในกลุ่ม “ฟรีแลนซ์” อาชีพอิสระ ที่ต้องการที่ดินเปล่า เพื่อซื้อเป็น “ขวัญถุง” ให้กับลูก หรือเพื่ออยู่อาศัยในอนาคต

“ปัจจุบันคนกลุ่มนี้มีอยู่กว่า 2 ล้านคนที่ไม่มีพื้นที่ในการที่จะได้ทรัพย์สินมาเป็นของตัวเอง ดังนั้นโครงการทรัพย์มหาชน จะตอบโจทย์ความต้องการพื้นฐานของผู้คนได้จำนวนมากในสังคม เหล่านี้จะยิ่งสะท้อนถึงบทบาทของ BAM ในการเป็นองค์กรที่สร้างผลกระทบเชิงบวกต่อสังคมอย่างกว้างขวาง ไม่ใช่เพียงหวังดำเนินธุรกิจเพื่อผลกำไรเพียงอย่างเดียว”

สิ่งเหล่านี้เป็นเครื่องการันตีว่า ด้วยแนวคิดของการเป็น “ผู้ให้” ไม่เพียงช่วยให้ตัวเขาเองให้สามารถทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ แต่ยังเป็นต้นแบบของการขับเคลื่อนองค์กรที่ไม่ได้มุ่งหวัง แค่ความสำเร็จทางธุรกิจ หากแต่เป็น องค์กรที่เติบโตไปพร้อมกับสังคม ด้วยความตั้งใจที่จะส่งต่อผลลัพธ์ที่ดีให้ผู้คนรอบข้าง และสังคมโดยรวมด้วย

 

 

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์