Gen Z คุยงานไม่เป็น? ไร้ทักษะการสื่อสาร ฉุดความก้าวหน้าในอาชีพ

ผู้เชี่ยวชาญเตือน Gen Z ติดหาคำตอบจาก AI มากเกินไป จนไม่รู้จักวิธีคุยงานแบบเผชิญหน้ากับคนในออฟฟิศ ทั้งที่ทักษะการสื่อสาร คือกุญแจสำคัญสู่ความก้าวหน้าในสายงาน
KEY
POINTS
- Gen Z ถูกมองว่าขาดทักษะการสื่อสารแบบเผชิญหน้า ซึ่งเป็นอุปสรรคสำคัญต่อความก้าวหน้าในอาชีพ
- สาเหตุหลักมาจากความคุ้นเคยกับการใช้ AI ในการหาคำตอบ และการขาดประสบการณ์พูดคุยโดยตรง ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการเริ่มทำงานในยุค Work from Home
- การหลีกเลี่ยงบทสนทนาที่ยากลำบาก เช่น การแสดงความเห็นต่าง หรือการต่อรองเงินเดือน ทำให้เสียโอกาสในการสร้างความน่าเชื่อถือและความสัมพันธ์ที่ดีในที่ทำงาน
- ผู้เชี่ยวชาญแนะนำให้ฝึกฝนด้วยการเตรียมตัวล่วงหน้า, เตรียมวลีเปิดตัวที่ไม่คุกคามคู่สนทนา เพื่อช่วยเริ่มเปิดใจได้ราบรื่น, เริ่มฝึกจากสถานการณ์เล็กๆ น้อยๆ เพื่อสร้างความมั่นใจ
เมื่อคนรุ่นใหม่อย่าง Gen Z กำลังก้าวเข้าสู่ตลาดแรงงานมากขึ้นเรื่อยๆ และจะแซงหน้าคนทำงานรุ่นบูมเมอร์และ Gen X ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า แน่นอนว่าพวกเขามาพร้อมความเก่งกาจในเรื่องการใช้เทคโนโลยี ความคิดไอเดียสดใหม่ แต่สิ่งหนึ่งที่น่าเป็นกังวลของคนรุ่นนี้คือ พวกเขามักจะขาดทักษะการสื่อสารแบบเผชิญหน้า เพราะคุ้นเคยกับการใช้ AI ในการถามสิ่งที่ตนเองสงสัย มากกว่าจะถามจากคนจริงๆ
เฮนนา ไพรอร์ (Henna Pryor) ผู้เชี่ยวชาญด้านการทำงานและที่ปรึกษาภาวะผู้นำ เปิดเผยว่า หากคนรุ่นใหม่อยากก้าวหน้าในอาชีพ การกล้าพูดคุยในบทสนทนาที่อึดอัด ยาก หรือลำบากใจในที่ทำงาน ถือเป็นทักษะสำคัญที่เลี่ยงไม่ได้
ไม่ว่าจะเป็นการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่างออกไปขณะประชุมทีม หรือการขอขึ้นเงินเดือนจากหัวหน้า หากสามารถจัดการกับสถานการณ์เหล่านี้ได้อย่างมีชั้นเชิง จะช่วยให้ Gen Z เติบโตในสายอาชีพได้มากขึ้น เธอชี้ว่าความท้าทายสำคัญคือ “ต้องรู้ว่าควรพูดในสถานการณ์ไหน และควรพูดอย่างไร” แต่พนักงานส่วนมาก โดยเฉพาะคนอายุต่ำกว่า 30 มักจะไม่เก่งเรื่องเทคนิคการพูดคุยเหล่านี้ เพราะรู้สึกไม่สบายใจกับการสื่อสารที่ต้องเผชิญหน้ากัน
Gen Z ชอบอยู่คนเดียว และชินกับการถาม ChatGPT มากเกินไป
ไพรอร์ ซึ่งเป็นผู้ก่อตั้งและซีอีโอของ Pryority Group บริษัทโค้ชด้านภาวะผู้นำในฟิลาเดลเฟีย สหรัฐ อธิบายว่า “ความจริงคือ วัยทำงานคนรุ่นใหม่หลายคนสบายใจกับการอยู่คนเดียวเกินไป และคุ้นชินกับการถาม ChatGPT เพื่อหาคำตอบ มากกว่าการหันไปถามเพื่อนร่วมงาน แม้แต่เรื่องง่าย ๆ”
เธอเตือนว่า “การจัดการความขัดแย้ง หรือการขอความช่วยเหลือในบทสนทนาที่สำคัญ ต้องใช้ชุดทักษะการสื่อสารที่ต่างออกไป” เพราะคนรุ่น Gen Z เจอบททดสอบชีวิตที่ยากยิ่งกว่าคนรุ่นก่อนๆ
จากงานวิจัยของไพรอร์ พบว่า คนรุ่น Gen Z มักเผชิญปัญหาด้านการทำงาน และการสื่อสาร มากกว่าคนรุ่นก่อนๆ เพราะหลายคนเริ่มทำงานในช่วงที่การทำงานทางไกลเป็นเรื่องปกติ ทำให้ขาดประสบการณ์พูดคุยแบบเจอหน้ากัน
การสื่อสารชัดเจน = สร้างความน่าเชื่อถือในที่ทำงาน
เธอเสริมว่า คนรุ่นใหม่มักรายงานว่ารู้สึก “ไม่สบายใจ” เวลาสื่อสารในที่ทำงาน และเลือกที่จะหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้าพูดคุยตรงๆ แม้ในสถานการณ์เล็กๆ ที่ความเสี่ยงไม่สูงนัก ซึ่งอาจทำให้เสียโอกาสสร้างความน่าเชื่อถือและความสัมพันธ์ในระยะยาว
ผู้เชี่ยวชาญชี้ว่า การสื่อสารอย่างตรงไปตรงมาแม้ในสถานการณ์ตึงเครียด แสดงถึงความสามารถในการแก้ปัญหา การทำงานร่วมกัน และการเปิดใจรับฟัง ซึ่งเป็นกุญแจสำคัญต่อความก้าวหน้าในสายงาน
แต่หลายคนมักเข้าใจผิดว่าตัวเองสื่อสารได้ดีแล้ว แต่พอถึงเวลาที่ต้องเผชิญสถานการณ์กดดันจริงๆ กลับกลายเป็นว่าพุดคุยสื่อสารได้ไม่ราบรื่นนัก ไพรอร์ จึงมีคำแนะนำ 3 วิธีสำหรับเตรียมตัวก่อนเข้าสู่บทสนทนาที่ยากๆ ในที่ทำงานมาให้ทราบกัน
3 วิธีเอาตัวรอดจาก “การสนทนายากๆ” ในที่ทำงาน
1. เตรียมใจด้วยเทคนิค Self-talk
หากรู้ว่ากำลังจะต้องพูดคุยในเรื่องที่อึดอัด เช่น การประชุมสรุปโปรเจกต์ที่ผิดพลาด ควรเตรียมใจให้พร้อมล่วงหน้า และฝึกพูดทบทวนข้อมูลนั้นกับตัวเองก่อนเสมอ ไพรอร์มักให้กำลังใจตัวเองด้วยการพูดออกมาดังๆ เช่น “เฮนนา เธอทำได้นะ มันอาจอึดอัด แต่เธอรับมือได้”
แม้จะเป็นเวลาเพียง 30 วินาทีก่อนเริ่มการพูด แต่การทบทวนว่าจะพูดอะไรจะช่วยให้มั่นคงและมีสมาธิมากขึ้น เธอยังบอกว่า บางครั้งเธอเขียนโครงร่างบทสนทนา แล้วใช้ AI อย่าง ChatGPT ช่วยตรวจสอบว่ามีมุมมองที่ขาดหายไปหรือไม่ เพื่อขยายมุมมองของตัวเองก่อนเจอคู่สนทนาจริง
2. เตรียม “วลีสำรอง” ไว้ใช้กลางวงสนทนา
การมีวลีติดปากจะช่วยให้รับมือกับสถานการณ์กดดันได้ง่ายขึ้น เช่น เริ่มต้นด้วยการยอมรับว่า “เรื่องนี้พูดยากสำหรับฉัน แต่ฉันคิดว่าสำคัญที่เราต้องคุยกัน” หรือ “ฉันรู้สึกอึดอัดมากที่ต้องพูด แต่ก็อยากให้เราชัดเจนเรื่องนี้”
การพูดตรงๆ ถึงความอึดอัด ไม่เพียงช่วยลดการปะทะ แต่ยังเปลี่ยนบรรยากาศการสนทนาจากโทน “ฉันพูดปะทะเธอ” ไปเป็นโทน “ร่วมกันแก้ปัญหา” อีกด้วย หนึ่งในวลีที่ไพรอร์ชอบใช้คือ “ฉันกำลังมองหาความชัดเจนในเรื่องนี้” เพื่อสื่อว่าเธอไม่ได้ต้องการโต้แย้ง แต่ต้องการหาคำตอบที่ตรงกัน
3. ฝึกในเรื่องเล็กๆ ก่อน
อย่ารอจนถึงการสนทนาที่สำคัญค่อยฝึก ลองเริ่มจากเรื่องเล็กๆ ก่อน เช่น ยกมือตั้งคำถามในที่ประชุม หรือบอกเพื่อนร่วมงานว่าคุณมีความเห็นต่าง สิ่งเหล่านี้คือการเสริม “ความแกร่งทางสังคม” ให้วัยทำงานแข็งแรงขึ้นในด้านความมั่นใจ
สำหรับคนทำงานระยะไกล ไม่ได้เข้าออฟฟิศบ่อยๆ ไพรอร์แนะนำให้ลองชวนเพื่อนร่วมงานดื่มกาแฟเสมือนจริงผ่านวิดีโอคอล หรือส่งข้อความเสียงบ้าง เพื่อสร้างความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งกว่าการแชทสั้นๆ ตลอดวัน
สุดท้าย เธอทิ้งคำถามไว้ให้วัยทำงานคนรุ่นใหม่ลองทบทวนตัวเองว่า อะไรสำคัญกว่ากันระหว่าง 'ความสบายใจของเรา' กับ 'การสร้างความสัมพันธ์ที่มีคุณค่ากับเพื่อนร่วมงาน' ? แค่ยอมรับเหตุผลที่เราหลีกเลี่ยง อาจเพียงพอที่จะผลักดันให้เรากล้าเผชิญบทสนทนาต่างๆ กับเพื่อนร่วมงานและหัวหน้างานในโลกความจริง ได้ดีขึ้นกว่าเดิม
อ้างอิง: CNBC make it, Pryoritygroup Study







