เกาหลีใต้เอาด้วย ลองทำงาน 4.5 วันต่อสัปดาห์ เขย่าวัฒนธรรมงานหนัก

เกาหลีใต้เอาด้วย ลองทำงาน 4.5 วันต่อสัปดาห์ เขย่าวัฒนธรรมงานหนัก

เกาหลีใต้เกาะเทรนด์โลก เริ่มทดลองทำงาน 4.5 วันต่อสัปดาห์ในบริษัทเอกชน หวังแก้ปัญหาทำงานหนักเกินไป เพิ่มคุณภาพชีวิตและกระตุ้นให้วัยทำงานมีลูกมากขึ้น

KEY

POINTS

  • เกาหลีใต้เริ่มโครงการนำร่องลดชั่วโมงการทำงานเหลือ 4.5 วันต่อสัปดาห์ เริ่มแห่งแรกในจังหวัดคยองกี เพื่อปรับปรุงคุณภาพชีวิตและสร้างสมดุลระหว่างงานกับชีวิตส่วนตัว
  • รัฐบาลท้องถิ่นให้การสนับสนุนทางการเงินแก่บริษัทที่เข้าร่วมโครงการ เพื่อจูงใจและชดเชยค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้น
  • โครงการนี้มีเป้าหมายเพื่อแก้ปัญหาสังคม เช่น อัตราการเกิดต่ำ โดยหวังว่าการมีเวลาว่างมากขึ้นจะกระตุ้นให้คนรุ่นใหม่มีลูกเพิ่มขึ้น
  • ความท้าทายสำคัญคือภาระค่าใช้จ่ายของบริษัท และความจำเป็นในการเพิ่มผลิตภาพ (productivity) ของพนักงาน เพื่อให้ทำงานน้อยลงแต่ยังคงประสิทธิภาพเท่าเดิม

เกาหลีใต้ ประเทศที่ขึ้นชื่อว่าผู้คนทำงานหนักและมีชั่วโมงทำงานยาวนานที่สุดประเทศหนึ่งในโลก แต่ล่าสุดก็ได้เปลี่ยนแนวคิดใหม่และเริ่มทดลองโครงการ “การทำงานสั้นลง” โดยให้บริษัทเอกชนบางแห่งปรับตารางทำงานเหลือ 4.5 วันต่อสัปดาห์ เพื่อลดชั่วโมงการทำงาน พร้อมตั้งเป้าเพิ่มคุณภาพชีวิตและสมดุลระหว่างงานกับชีวิตส่วนตัวของประชาชน โดยเริ่มต้นที่จังหวัดคยองกีเป็นแห่งแรก

จังหวัดคยองกี ซึ่งตั้งอยู่ใกล้กรุงโซล กลายเป็นพื้นที่แรกที่เปิดโครงการนำร่องนี้ตั้งแต่เดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ครอบคลุม 67 บริษัทขนาดกลางและขนาดเล็ก รวมถึงสถาบันสาธารณะ 1 แห่ง โดยพนักงานสามารถเลือกรูปแบบการทำงานได้ 3 รูปแบบ คือ สัปดาห์ทำงาน 35 ชั่วโมง, สัปดาห์ทำงาน 4 วันทุกๆ สองสัปดาห์ และสัปดาห์ทำงาน 4.5 วัน 

รัฐบาลท้องถิ่นยังชดเชยให้นายจ้าง 260,000 วอนต่อพนักงานต่อเดือน (ราวๆ 6,050 บาทต่อพนักงานต่อเดือน) หากสามารถลดเวลาทำงานลงได้ 5 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ พร้อมตั้งงบกว่า 1,000 ล้านวอน (ราวๆ 23 ล้านวอน) สำหรับโครงการนี้

ลดเวลางานลง มีเวลาว่างมากขึ้น หวังให้หนุ่มสาวปั๊มลูกเพิ่มอัตราการเกิด

ผู้ว่าการจังหวัดคยองกี คิม ดงยอน (Kim Dong-yeon) ระบุว่า โครงการนี้ไม่เพียงช่วยให้คนมีเวลาส่วนตัวมากขึ้น แต่ยังอาจช่วยแก้ปัญหา อัตราการเกิดที่ลดลงอย่างรวดเร็วของประเทศ อย่างไรก็ตาม สิ่งที่หลายฝ่ายกังวลคือ ภาระค่าใช้จ่ายของบริษัท หากต้องจ่ายค่าแรงเท่าเดิมแต่ทำงานน้อยลง

นอกจากนี้ จังหวัดยังสนับสนุนงบเพิ่มเติมสูงสุด 20 ล้านวอนต่อบริษัท สำหรับการวางระบบบริหารจัดการเวลาเข้างาน เพื่อให้โครงการดำเนินได้จริง

การปรับตัวตามเทรนด์โลก ด้วยการจัดทำนโยบายลดชั่วโมงทำงานครั้งนี้ของเกาหลีใต้ถือว่าน่าทึ่งไม่น้อย เพราะเกาหลีใต้เป็นหนึ่งในประเทศที่มีวัฒนธรรมทำงานหนักฝังรากลึก ตามข้อมูลของ OECD ในปี 2567 คนทำงานเกาหลีใต้มีชั่วโมงทำงานเฉลี่ย 1,865 ชั่วโมงต่อปี สูงกว่าค่าเฉลี่ย OECD ที่ 1,736 ชั่วโมง และมากกว่าคนญี่ปุ่นที่ทำงานเฉลี่ย 1,736 ชั่วโมงเช่นกัน

อี แจ-มยอง (Lee Jae-myung) ประธานาธิบดีเกาหลีใต้คนใหม่ ระบุว่า “การปฏิรูปเวลาในการทำงานเป็นประเด็นสำคัญของรัฐบาล” พร้อมตั้งเป้าว่าภายในปี 2573 ประเทศจะลดชั่วโมงทำงานให้ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย OECD โดยไม่ออกกฎหมายบังคับทันที แต่จะค่อยๆ ปรับตามความเหมาะสมของแต่ละอุตสาหกรรม

บริษัทใหญ่ตอบรับนโยบายนี้ และเริ่มปรับตัวตามเทรนด์ 4 วันต่อสัปดาห์

หลายบริษัทยักษ์ใหญ่ในเกาหลีใต้เริ่มทดลองระบบทำงานยืดหยุ่น เช่น ซัมซุง อิเล็กทรอนิกส์ เปิดโอกาสให้พนักงานหยุดวันศุกร์ได้ หากทำงานครบตามชั่วโมงที่กำหนดในเดือนนั้น ขณะที่ เอสเค เทเลคอม กำหนดให้สัปดาห์ที่ 2 และ 4 ของทุกเดือนเป็น “Happy Friday” ให้พนักงานได้หยุดพัก

พนักงานชายวัย 30 ปีจากบริษัทเอกชนที่ใช้ระบบยืดหยุ่นแห่งหนึ่ง (ไม่ระบุชื่อ) เปิดเผยว่า เวลาว่างที่มากขึ้น ช่วยให้เขาอารมณ์ดีขึ้น ได้ใช้เวลานั้นไปออกกำลังกายหรือดูหนังได้สบายกว่าเดิม

ซึ่งสอดคล้องกับความต้องการของคนรุ่นใหม่ ที่ให้ความสำคัญกับ Work-Life Balance อย่างมาก โดยผลสำรวจของ สหพันธ์อุตสาหกรรมเกาหลี (FKI) เมื่อปี 2566 พบว่า ปัจจัยที่คนรุ่นใหม่ของเกาหลีใต้ให้ความสำคัญที่สุดอันดับ 1 ในการเลือกบริษัทที่อยากทำงานด้วย ก็คือ การมีสมดุลชีวิตกับการทำงาน

ความท้าทายอนาคตการทำงาน บางบริษัทก็ทำไม่จริง แค่อ้างว่าทำ

อย่างไรก็ตาม สื่อเกาหลีใต้ชี้ว่า มีหลายกรณีที่บริษัททดลองทำงาน 4 วันต่อสัปดาห์ แต่ไม่ได้ลดปริมาณงานลงจริง ทำให้ต้องกลับไปใช้ระบบ 5 วันตามเดิม สะท้อนว่าโจทย์ใหญ่ที่สุดไม่ใช่แค่ลดวันทำงาน แต่คือการเพิ่มผลิตภาพแรงงาน เพื่อให้ทำงานน้อยลงโดยไม่กระทบผลงาน

คิม ยองฮุน (Kim Young-hoon) รัฐมนตรีแรงงานที่เพิ่งเข้ารับตำแหน่ง กล่าวเสริมว่า การลดชั่วโมงทำงานผ่านโมเดล 4.5 วันต่อสัปดาห์ หรือการขยายอายุเกษียณ ล้วนเป็น “เส้นทางที่เกาหลีใต้จำเป็นต้องเดิน” เพื่อรับมือกับความท้าทายใหญ่ของประเทศ ทั้ง สังคมสูงวัย การขาดแคลนแรงงาน และการเปลี่ยนผ่านสู่ยุคดิจิทัล

โครงการ 4.5 วันต่อสัปดาห์ในเกาหลีใต้ จึงไม่ใช่แค่การทดลองเรื่องเวลาทำงาน แต่เป็นการปฏิรูปครั้งใหญ่ที่อาจพลิกวัฒนธรรมการทำงานทั้งประเทศ ว่าจะทำได้จริงหรือไม่ ขึ้นอยู่กับสมดุลระหว่าง “คุณภาพชีวิตพนักงาน” และ “ความสามารถในการแข่งขันของบริษัท”

 

 

อ้างอิง: Nikkei Asiasea.peoplemattersglobalMoneyAndBanking