จีบกันยังไงให้ไม่จน Gen Z ออกเดตแนวใหม่ แบบไม่เสียเงินสักบาท

อึ้ง! กว่า 50% ของหนุ่มสาว Gen Z 'ออกเดต' แบบไม่เสียเงินเลยสักบาท ไม่ใช่ไม่ลงทุนกับความรัก แต่สะท้อนภาพใหญ่ของเศรษฐกิจที่บีบรัดชีวิตคนรุ่นใหม่จนแทบกระดิกตัวไม่ได้
KEY
POINTS
- ผลสำรวจจาก Bank of America พบว่า Gen Z กว่าครึ่งหนึ่งไม่ใช้จ่ายเงินไปกับการออกเดตเลย เนื่องจากความเครียดด้านการเงินจากปัญหาค่าครองชีพสูง
- คนรุ่นใหม่เปลี่ยนรูปแบบการเดตมาเน้นกิจกรรมที่ประหยัดค่าใช้จ่าย เช่น ทำอาหารหรือดูหนังที่บ้าน แทนการไปร้านอาหารหรูหราแบบดั้งเดิม
- วัฒนธรรมการเดตเปลี่ยนไปสู่การพูดคุยเรื่องการเงินอย่างเปิดเผย และนิยมหารค่าใช้จ่ายหรือผลัดกันจ่ายมากขึ้น
- Gen Z ให้ความสำคัญกับความมั่นคงทางการเงินเป็นอันดับแรก และมองหาความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งและมีเป้าหมายร่วมกันมากกว่าการใช้จ่ายเงินเพื่อสร้างความประทับใจ
รายงานล่าสุดจากธนาคาร Bank of America ในปี 2025 เผยผลสำรวจที่น่าตกใจของวัยทำงานชาว Gen Z ว่า กว่า 53% ของผู้ชาย และ 54% ของผู้หญิง ใช้เงินกับการเดตเดือนละ 0 บาท หรือไม่เสียเงินกับเรื่องเดตเลยสักบาท โดยหนึ่งในสามของคนรุ่นใหม่ในอเมริกาบอกว่า พวกเขารู้สึกเครียดเรื่องการเงินอย่างหนัก แสดงให้เห็นว่าปัญหาปากท้องกลายเป็นเรื่องสำคัญที่สุดในชีวิตไปแล้ว
ค่าครองชีพพุ่ง เงินเดือนไม่ขยับ Gen Z ไม่ขอฟุ่มเฟือยกับการเดต
“แทนที่จะจ่ายแพงๆ ไปกับการออกเดต Gen Z เลือกที่จะใช้เงินอย่างมีสติ” ไรอัน วิคโทริน (Ryan Viktorin) รองประธานและที่ปรึกษาทางการเงินจาก Fidelity Investments แสดงความเห็นผ่าน Fortune และบอกอีกว่า คนรุ่นใหม่เลือกนัดเจอกันแบบใช้เงินน้อยๆ ไม่ไปกินข้าวหรูหรา และเริ่มคุยเรื่องเงินอย่างจริงจังตั้งแต่เนิ่น ๆ นี่ไม่ได้แปลว่าพวกเขาไม่สนใจการออกเดต แต่เป็นเพราะเราเห็นว่าคนกลุ่มนี้คิดการณ์ไกลมากกว่า
ด้าน เควิน ทอมป์สัน ซีอีโอของ 9i Capital Group และผู้จัดพอดคาสต์ 9innings กล่าวกับ Newsweek ว่าคน Gen Z ต้องเผชิญกับภาวะเงินเฟ้อที่ทั้งพ่อแม่และปู่ย่าตายายของพวกเขาไม่เคยเจอมาก่อน ค่าครองชีพที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่องสวนทางกับเงินเดือนที่แทบไม่ขยับ ทำให้การใช้ชีวิตประจำวันของคนรุ่นใหม่ก็หนักหนาพออยู่แล้ว การจะหาเงินมาใช้จ่ายเพื่อเดตหรือสร้างครอบครัว จึงเป็นเรื่องที่แทบเป็นไปไม่ได้
ธรรมเนียมการเดตแบบดั้งเดิมที่นิยมการไปรับประทานอาหารในร้านหรูหรา, ดูหนัง, หรือซื้อของขวัญให้กันในวันสำคัญ กำลังจะหายไป สถิติชี้ว่าวัยทำงาน Gen Z มากกว่าครึ่ง หันมาจัดการการเงินของตัวเองอย่างจริงจัง ทั้งลดรายจ่ายและเพิ่มเงินออม
โดยผลสำรวจพบ 51% ของ Gen Z มองว่าค่าครองชีพที่สูงขึ้น เป็นอุปสรรคสำคัญในการบรรลุเป้าหมายทางการเงิน โดยในบรรดาผู้ที่ใช้จ่ายกับการออกเดต 25% ของผู้ชาย และ 30% ของผู้หญิงก็ใช้จ่ายไม่เกินเดือนละ $100 (ประมาณ 3,300 บาท)
ไบรอัน ดริสคอลล์ ผู้เชี่ยวชาญด้านทรัพยากรบุคคล มองว่า Gen Z ไม่ได้ขี้เหนียว แต่พวกเขาแค่ระมัดระวังทางการเงินมากเป็นพิเศษ เพราะตั้งแต่เกิดมาก็ต้องผ่านวิกฤติเศรษฐกิจมาหลายครั้ง ทั้งวิกฤติหนี้สินนักศึกษา และตลาดอสังหาริมทรัพย์ที่ราคาสูงลิบลิ่วจนแทบไม่มีใครซื้อได้ เขากล่าวว่า “ไม่แปลกที่พวกเขาจะไม่ใช้เงินเพื่อเดต ในเมื่อหลายคนแทบจะจ่ายค่าเช่าห้องไม่ไหวอยู่แล้ว”
Gen Z เดตกันยังไง แบบไม่เสียเงินสักบาท?
การกินอยู่อย่างประหยัดไม่ใช่แค่เทรนด์ชั่วคราว แต่เป็นการปรับตัวสู่ยุคใหม่ของความสัมพันธ์หนุ่มสาวสมัยนี้ ประธานฝ่ายธนาคารเพื่อผู้บริโภคของ Bank of America ชี้ว่า Gen Z กำลังทำลายภาพจำเดิมๆ ของคนรุ่นใหม่เรื่องการเงิน ที่เคยบอกว่าพวกเขาเป็นรุ่นที่ฟุ่มเฟือยที่สุด สร้างหนี้มากที่สุด แต่ตอนนี้พวกเขาเลือกที่จะทานข้าวนอกบ้านน้อยลง ช้อปปิ้งที่ร้านขายของชำที่ราคาถูกลง และวางแผนการเงินอย่างรอบคอบ
ดังนั้น การออกเดตของชาว Gen Z จึงเปลี่ยนรูปแบบไปสู่การพูดคุยเปิดใจเรื่องการเงินกันตั้งแต่เนิ่นๆ และนิยมการออกเดตแบบหารครึ่ง หรือผลัดกันเลี้ยงมากขึ้น ซึ่งผลสำรวจจากแอปธนาคาร Chime พบว่า 43% ของคน Gen Z และ Millennials (Gen Y) มองว่า คนที่รายได้สูงกว่าควรเป็นคนจ่ายในการเดตบ่อยกว่า ในขณะที่อีก 57% มองว่าควรผลัดกันจ่าย
อเล็กซ์ บีน ผู้เชี่ยวชาญด้านการเงินมองว่า ข้อมูลข้างต้นสะท้อนว่า Gen Z ไม่ได้ปฏิเสธการออกเดต พวกเขายังอยากไปเดตกัน แต่แค่ย้ายกิจกรรมการเดตจากนอกบ้านมาไว้ในบ้านมากขึ้น เช่น การทำอาหารกินเอง หรือดูหนังจากสตรีมมิ่งที่บ้าน เพื่อประหยัดค่าใช้จ่าย ซึ่งสอดคล้องกับพฤติกรรมที่ Bank of America พบว่าคน Gen Z หันมาทำอาหารกินเองและไปซูเปอร์มาร์เก็ตที่ราคาถูกลง
Gen Z ไม่ปลื้มการออกเดทแบบผิวเผิน
ความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจทำให้บรรยากาศของการออกเดตไม่น่าอภิรมย์ในทุกช่วงวัย จากการสำรวจของ LendingTree ในปี 2024 พบว่า 65% ของคนที่กำลังออกเดทบอกว่า ภาวะเงินเฟ้อส่งผลกระทบต่อชีวิตการเดตของพวกเขา ประมาณหนึ่งในสี่พยายามลดค่าใช้จ่ายในการออกเดต และหนึ่งในห้าบอกว่าออกเดตน้อยลงเพื่อประหยัดเงิน
วิคโทริน บอกว่า ความต้องการควบคุมการเงินทำให้ Gen Z “ออกเดตอย่างมีจุดหมาย” พวกเขาตั้งใจไปพบกันเพื่อสานสัมพันธ์จริงจัง แทนที่จะปล่อยให้เป็นเรื่องสบายๆ ประกอบกับค่านิยม “one-night stands” ที่ลดลง จึงไม่น่าแปลกใจที่คนรุ่นใหม่ไม่นิยมใช้แอปหาคู่กันแล้ว
จากการสำรวจของ Bloomberg Intelligence ที่สอบถามผู้ใช้แอปหาคู่ 1,000 คน พบว่าประมาณ 50% บอกว่า AI ไม่ได้ช่วยให้การสร้างโปรไฟล์หรือการคุยกับคู่แมตช์ของพวกเขาแตกต่างไปจากเดิมเลย แอปหาคู่จึงกำลังเผชิญกับแรงกดดันจากการที่ Gen Z ไม่ให้ความสนใจ ส่งผลให้ Match Group (เจ้าของ Tinder และ Hinge) ปลดพนักงานออก 13% ในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา
เหนือสิ่งอื่นใด "ความมั่นคงในชีวิต" ต้องมาก่อน
พูดได้ว่าการเดตแบบประหยัดกำลังเป็นส่วนหนึ่งของการเปลี่ยนแปลงทางสังคมครั้งใหญ่ ที่คนรุ่นใหม่ให้ความสำคัญกับ "สุขภาพทางการเงิน" และ "ความมั่นคงในชีวิต" เหนือสิ่งอื่นใด ซึ่งอาจส่งผลให้คน Gen Z แต่งงานและมีลูกช้าลง หรือบางคนอาจตัดสินใจไม่มีเลย เพราะค่าใช้จ่ายที่สูงเกินรับไหว ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าจับตามองในอนาคต
โดยเควิน ทอมป์สัน เสริมว่า “การที่คนรุ่นใหม่ชะลอการมีลูกหรือไม่เลือกที่จะมีลูกเลย จะส่งผลให้อัตราการเกิดลดลงอย่างต่อเนื่อง เพราะค่าใช้จ่ายในการเลี้ยงดูบุตรพุ่งสูงลิ่ว ทำให้เส้นทางชีวิตแบบดั้งเดิมในการสร้างครอบครัวตั้งแต่เนิ่นๆ ดูไม่สมจริงในยุคนี้อีกต่อไป”
ส่วนไบรอัน ดริสคอลล์สรุปว่า คนรุ่นก่อนยอมลงทุนสูง ใช้จ่ายแพงๆ เพื่อมองหาความรัก แต่คน Gen Z โฟกัสไปที่ความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้ง, ค่านิยมร่วมกัน, การเคารพขอบเขต และเป้าหมายร่วมกันในชีวิตมากกว่า







