Coding ไม่เป็นก็ทำงานสาย AI ได้ เผย 5 อาชีพรายได้ดีอนาคตไกล

งานด้าน AI เปิดกว้างมากขึ้น ไม่ต้องเป็นโปรแกรมเมอร์ก็เข้าสู่สายงานนี้ได้ รายงานใหม่ชี้ ความต้องการแรงงานสาย AI พุ่งสูง 38% ในช่วง 4 ปีมานี้ แนะ 5 อาชีพที่ใครๆ ก็ทำได้
KEY
POINTS
- โลกของ AI ไม่ได้จำกัดอยู่แค่นักพัฒนา เพราะวันนี้ยังมีอีกหลายอาชีพที่ไม่ต้องมีทักษะโค้ดดิ้งก็เริ่มต้นได้ พร้อมค่าตอบแทนและโอกาสเติบโตสูง
- งานด้าน AI เปิดกว้างขึ้นเรื่อยๆ สำหรับคนที่มีทักษะด้านภาษา การคิดวิเคราะห์ และการสื่อสาร ไม่จำเป็นต้องเป็นโปรแกรมเมอร์ก็เข้าสู่สายงานนี้ได้
- รายงานใหม่ชี้ความต้องการแรงงานสาย AI พุ่งสูง 38% ในช่วง 4 ปีที่ผ่านมา และมีหลายอาชีพที่ใครๆ ก็เริ่มต้นได้ เช่น ได้แก่ AI trainer, prompt engineer, content reviewer, chatbot tester
การจ้างงานด้านปัญญาประดิษฐ์ (AI) กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว จากรายงาน LinkedIn 2025 Future of Work Report ระบุว่า ระหว่างปี 2020 - 2024 ตำแหน่งงานที่เกี่ยวข้องกับ AI เพิ่มขึ้นถึง 38% เลยทีเดียว แต่คุณรู้หรือไม่ว่า การเริ่มต้นทำงานในสายนี้ไม่จำเป็นต้องเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีเสมอไป
ทุกวันนี้ AI ถูกนำไปใช้ตั้งแต่การบริการลูกค้า การตลาด ไปจนถึงวงการสุขภาพ ทำให้หลายบริษัทต้องการคนที่เข้ามาช่วยดูแล ทดสอบ และฝึกสอนระบบเหล่านี้ ส่งผลให้เกิดโอกาสงานใหม่มากมาย โดยเฉพาะสำหรับคนที่ไม่ได้มีพื้นฐานด้านเทคนิคโดยตรง
และนี่คือ 5 ตำแหน่งงานด้าน AI ที่คุณสามารถเริ่มต้นได้ โดยไม่ต้องมีประสบการณ์โค้ดดิ้ง
AI Trainer (ผู้ฝึกสอน AI)
AI จะฉลาดได้แค่ไหนก็ขึ้นอยู่กับข้อมูลและความรู้จากมนุษย์ นี่คือหน้าที่ของ AI Trainer ที่ทำหน้าที่เป็นสะพานเชื่อมระหว่างคนกับเครื่องจักร คอยสอนให้ AI เข้าใจมนุษย์ ตอบสนองได้อย่างถูกต้อง และพัฒนาตัวเองต่อเนื่อง
งานในตำแหน่งนี้รวมถึงการทำความสะอาดและจัดระเบียบข้อมูล ตรวจสอบความถูกต้องของผลลัพธ์จาก AI และปรับปรุงระบบตามฟีดแบ็ก คนที่ทำงานด้านนี้มักมาจากพื้นฐานการสื่อสาร จิตวิทยา หรือภาษาศาสตร์มาก่อน เพราะเน้นทักษะการวิเคราะห์และประสบการณ์จริง เช่น การตรวจสอบคอนเทนต์ หรือการติดป้ายกำกับข้อมูล มากกว่าการมีวุฒิด้านเทคนิคโดยตรง
ในสหรัฐฯ เงินเดือนเริ่มต้นของ AI Trainer อยู่ที่ราวๆ 60,000 - 85,000 ดอลลาร์ต่อปี (ประมาณ 2 - 2.8 ล้านบาทต่อปี) ใครที่อยากเริ่มต้นอาจเรียนคอร์สเบื้องต้นด้าน AI หรือ Machine Learning จาก Coursera หรือ edX เพื่อปูพื้นฐาน และต่อยอดด้วยโปรเจ็กต์เล็กๆ อย่างงาน Data Annotation
Prompt Engineer (วิศวกรเขียนพรอมต์)
การทำงานของ Prompt Engineer คือการคิดคำสั่งหรือ "พรอมต์" ที่ชัดเจนและแม่นยำ เพื่อให้ AI สร้างผลลัพธ์ที่ต้องการ เช่น บทความ รีวิวสินค้า หรือแม้แต่โค้ดโปรแกรม
คุณไม่จำเป็นต้องสร้างโมเดล AI เองหรือเชี่ยวชาญ Machine Learning เพื่อลงสนามการทำงานนี้ เพราะหลายตำแหน่งเน้นการแก้ปัญหาและการคิดเชิงวิเคราะห์มากกว่าการเขียนโค้ดหนักๆ เงินเดือนเฉลี่ยในสหรัฐฯ อยู่ที่ 65,000 - 85,000 ดอลลาร์ต่อปี (ประมาณ 2.1 - 2.8 ล้านบาทต่อปี)
แม้ปริญญาด้านวิทยาการคอมพิวเตอร์จะช่วยได้ แต่สิ่งสำคัญกว่าคือ ความเข้าใจการทำงานของ Large Language Models (LLMs) และการสื่อสารที่ชัดเจน หากคุณมีความคิดสร้างสรรค์ วิเคราะห์เก่ง และอธิบายไอเดียได้ชัด นั่นคือก้าวแรกที่ดีสำหรับสายนี้
Content Reviewer (ผู้ตรวจสอบคอนเทนต์)
AI ไม่ได้เก่งสมบูรณ์แบบเสมอไป จึงต้องมี Content Reviewer คอยตรวจสอบงานที่ AI สร้างขึ้น เช่น เช็กอคติ ความชัดเจน โทนภาษา และความถูกต้อง โดยเฉพาะในธุรกิจที่มีกฎระเบียบเข้มงวดอย่างการแพทย์หรือการเงิน
งานนี้อาจต้องแก้ไขข้อความ ปรับโทนภาษา หรือแม้แต่แก้การอ้างอิงที่ผิดพลาด ทักษะสำคัญคือ การเขียน การใช้ภาษา การคิดวิเคราะห์ ความละเอียดรอบคอบ และการทำงานร่วมกับทีม เงินเดือนในสหรัฐฯ อยู่ที่ 49,000 - 87,000 ดอลลาร์ต่อปี (ประมาณ 1.6 - 2.8 ล้านบาทต่อปี) ถือเป็นงานที่เหมาะกับคนที่อยากผสานทักษะภาษาเข้ากับการคิดเชิงตรรกะ
Product Manager (ผู้จัดการผลิตภัณฑ์ AI)
เมื่อ AI เริ่มเข้าสู่การใช้งานจริงในธุรกิจทุกวงการ ความต้องการ AI Product Manager ก็เพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ ตำแหน่งนี้คือคนกลางที่เชื่อมทีมเทคนิคกับฝ่ายธุรกิจ เพื่อให้ผลิตภัณฑ์ AI ตอบโจทย์เป้าหมายองค์กรและใช้งานได้จริง
สิ่งที่ต้องมีคือความเข้าใจการทำงานของโมเดล AI (แม้จะไม่ถึงขั้นโค้ดเองได้) รู้จักเครื่องมือ เช่น TensorFlow หรือ AWS SageMaker และมีทักษะ Data Literacy ในการตีความข้อมูล นอกจากนี้ Soft skills อย่างการสื่อสาร การคิดเชิงกลยุทธ์ และความใส่ใจประเด็นจริยธรรมก็สำคัญไม่แพ้กัน
ตำแหน่งนี้มีค่าตอบแทนสูงมาก โดยในสหรัฐฯ เงินเดือนเฉลี่ยอยู่ที่ 159,405 ดอลลาร์ต่อปี (ราว 5.2 ล้านบาทต่อปี) และสามารถพุ่งสูงถึง 197,000 ดอลลาร์ต่อปี (กว่า 6.4 ล้านบาทต่อปี) ในระดับอาวุโส
Chatbot Tester (ผู้ทดสอบแชตบอต)
ทุกวันนี้ AI แชตบอตถูกใช้ตั้งแต่บริการลูกค้า งานขาย ไปจนถึงผู้ช่วยส่วนตัว ทำให้ตำแหน่ง Chatbot Tester เป็นที่ต้องการสูงขึ้น
สิ่งที่โดดเด่นในงานนี้ไม่ใช่ทักษะด้านเทคนิค แต่เป็นการคิดเชิงวิพากษ์ การสื่อสารชัดเจน ความละเอียด และการเข้าใจประสบการณ์ผู้ใช้ คุณจะได้ทดสอบ แก้บั๊ก และปรับปรุง AI แชตบอตให้ตอบสนองอย่างเป็นธรรมชาติและถูกต้อง
เงินเดือนของ Chatbot Tester ในสหรัฐฯ อยู่ที่ 44,500 - 105,500 ดอลลาร์ต่อปี (ประมาณ 1.4 - 3.4 ล้านบาทต่อปี) และบางโครงการยังจ่ายแบบเหมาจ่ายเป็นรอบหรือชุดงานอีกด้วย
อย่างไรก็ตาม การเริ่มต้นอาชีพสาย AI ไม่ได้จำกัดเฉพาะคนที่มีทักษะเทคนิค หรือเขียนโค้ดเป็นเท่านั้น หากคุณมีทักษะด้านการสื่อสาร การคิดวิเคราะห์ หรือความเข้าใจผู้ใช้ ก็สามารถเข้ามาสู่สายงานนี้ได้ทันที ความต้องการมีอยู่แล้ว และจะยิ่งเพิ่มขึ้นต่อเนื่องในอนาคต ใครเริ่มก่อนก็มีโอกาสสร้างเส้นทางอาชีพในหนึ่งในอุตสาหกรรมที่ทรงอิทธิพลที่สุดของทศวรรษนี้







