หมดยุค Job hopping พนักงานเปลี่ยนมา Job hugging แห่กอดงานเดิมแน่น

หมดยุค Job hopping พนักงานเปลี่ยนมา Job hugging แห่กอดงานเดิมแน่น

ไม่มีแล้ว Job hopping กลายเป็นยุค Job hugging คนทำงานเลือก “กอดงานเดิม” ไว้แน่น ลังเลไม่กล้าเปลี่ยนงานใหม่ เหตุไม่มั่นใจการจ้างงาน แม้โอกาสเติบโตช้าลงก็ดีกว่าตกงาน

KEY

POINTS

  • เทรนด์ตลาดแรงงานเปลี่ยนจาก "Job Hopping" การเปลี่ยนงานบ่อยเพื่อค่าตอบแทนสูงกว่า ไปสู่ "Job Hugging" ที่พนักงานเลือกยึดติดกับงานปัจจุบันเพื่อความมั่นคง
  • สาเหตุหลักมาจากความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ ทำให้บริษัทต่างๆ ชะลอการจ้างงานใหม่ ส่งผลให้คนทำงานขาดความมั่นใจในการหางานและอัตราการลาออกลดลงต่ำสุดในรอบหลายปี
  • แม้การกอดงานเดิมจะให้ความรู้สึกปลอดภัย แต่ผู้เชี่ยวชาญเตือนถึงความเสี่ยงระยะยาว เช่น รายได้เติบโตช้า โอกาสก้าวหน้าในอาชีพจำกัด และอาจทำให้ขาดการพัฒนาทักษะใหม่ๆ

ย้อนกลับไปหลายปีก่อน ตลาดแรงงานเคยเกิดปรากฏการณ์ “การลาออกครั้งใหญ่” (Great Resignation) ในช่วงปี 2021-2022 วัยทำงานแห่เปลี่ยนงานบ่อยๆ เพื่อหาค่าตอบแทนที่สูงกว่า ซึ่งเป็นเทรนด์ที่เรียกว่า “Job Hopping”  แต่พอมาในปัจจุบันเทรนด์การทำงานกลับสวนทาง เปลี่ยนสู่สิ่งที่ผู้เชี่ยวชาญเรียกว่า “การกอดงาน” หรือ “Job Hugging” หมายถึง การที่พนักงานยึดเก้าอี้งานปัจจุบันเอาไว้แน่น ๆ แม้อาจไม่ใช่งานในฝัน แต่ก็รู้สึกปลอดภัยกว่าการเสี่ยงหางานใหม่

มีข้อมูลการสำรวจตำแหน่งงานและอัตราการหมุนเวียนแรงงาน (Job Openings and Labor Turnover Survey: JOLTS) จากกระทรวงแรงงานสหรัฐฯ เปิดเผยว่า อัตราการลาออกโดยสมัครใจ (Quits Rate) ของแรงงานในปีนี้ ทรงตัวอยู่ที่ราว 2% ตั้งแต่ต้นปี 2025 ซึ่งถือว่าอยู่ในระดับต่ำที่สุดอย่างต่อเนื่อง นับตั้งแต่ปี 2016 (ไม่นับช่วงวิกฤตโควิด-19 ที่ทำให้ทุกอย่างหยุดชะงัก)

ลอรา อูลริช (Laura Ullrich) ผู้อำนวยการวิจัยเศรษฐกิจประจำอเมริกาเหนือ จาก Indeed Hiring Lab อธิบายว่า อัตราการลาออกเป็นเหมือน “เครื่องวัดความมั่นใจ” ของแรงงานต่อโอกาสในตลาดงาน หากตัวเลขต่ำ หมายความว่าพนักงานจำนวนมากลังเล ไม่มั่นใจว่าจะหางานใหม่ได้ หรือมองว่าตลาดไม่ได้เปิดกว้างอย่างที่เคย

ความมั่นใจหายไป วัยทำงานเปลี่ยนจาก Job-hopping สู่ Job-hugging

ย้อนกลับไปในช่วง 2021-2022 การ “กระโดดงาน” (Job-hopping) กลายเป็นเรื่องปกติ เพราะตลาดแรงงานเติบโตต่อเนื่อง และมีตำแหน่งว่างให้เลือกมากมาย แต่สถานการณ์ปัจจุบันตรงกันข้ามโดยสิ้นเชิง

ผลสำรวจจาก ZipRecruiter ชี้ว่า แรงงานที่ “ไม่มั่นใจเลย” ว่ามีงานเพียงพอให้เลือกเพิ่มขึ้นเป็น 38% ในไตรมาส 2 ของปี 2025 จากเดิมเมื่อ 3 ปีก่อนอยู่ที่ระดับ 26% เท่านั้น ซึ่งสะท้อนถึงความกังวลที่ทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ

อูลริชเสริมว่า ตอนนี้ตลาดแรงงานเหมือนหยุดนิ่ง “ทั้งการจ้างงานใหม่ การลาออก และการเลิกจ้าง ล้วนอยู่ในระดับต่ำ” ส่งผลให้การเคลื่อนไหวของแรงงานหดตัวไปพร้อมกัน

โลกที่เต็มไปด้วยความไม่แน่นอน บริษัทไม่จ้างคนเพิ่ม

ความลังเลของแรงงานยังเชื่อมโยงกับปัจจัยภายนอกที่ใหญ่กว่า ไม่ว่าจะเป็น ความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ การเมือง และสถานการณ์โลก

แมตต์ โบนห์ (Matt Bohn) ที่ปรึกษาด้านการสรรหาผู้บริหารจาก Korn Ferry อธิบายว่า พฤติกรรมนี้ไม่ต่างจากนักลงทุนที่รู้สึกหวั่นไหวกับความเสี่ยง เลือก “นั่งรอดู” มากกว่าลงทุนทันที

ยิ่งไปกว่านั้น นโยบายดอกเบี้ยสูง ที่ดำเนินต่อเนื่องทำให้บริษัทกู้ยืมเงินเพื่อขยายธุรกิจได้ยากขึ้น ส่งผลโดยตรงต่อการจ้างงาน ข้อมูลชี้ว่า อัตราการจ้างงานใหม่ในรอบปีที่ผ่านมาอยู่ในระดับต่ำสุดในรอบกว่าทศวรรษ (ไม่นับช่วงโควิดระบาดแรก ๆ)

ตัวเลขล่าสุดเดือนมิถุนายน 2025 บ่งชี้ว่า อัตราส่วนตำแหน่งงานว่างต่อผู้ว่างงานลดลงเหลือเพียง 1:1 จากจุดสูงสุดราว 2:1 ในเดือนมีนาคม 2022 หมายความว่า ผู้สมัครงานหนึ่งคนอาจต้องแข่งขันกับอีกหลายคนเพื่อแย่งชิงตำแหน่งเดียว

นอกจากนี้ ผลสำรวจจาก Conference Board ที่เผยแพร่เมื่อต้นเดือนยังพบว่า ซีอีโอของบริษัทใหญ่ๆ ในสหรัฐฯ ประมาณ 34% มีแนวโน้มจะลดจำนวนพนักงานลง  ขณะที่ 27% บอกว่าจะยังคงจำนวนคนทำงานไว้เท่าเดิมมากกว่าที่จะขยายทีม  ซึ่งเป็นครั้งแรกที่สถานการณ์พลิกกลับเช่นนี้นับจากปี 2020 ทั้งหมดนี้สะท้อนว่าตลาดแรงงานกำลังเข้าสู่ช่วงชะลอตัวเต็มรูปแบบ

ความเสี่ยงซ่อนอยู่ใน “Job Hugging” 

แม้การกอดงานเดิมจะสร้างความมั่นคงในระยะสั้น แต่ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่า มีความเสี่ยงหลายด้านที่แรงงานอาจมองข้าม ได้แก่ 

1. รายได้โตช้าลง: งานวิจัยพบว่าคนที่เปลี่ยนงานมักได้ค่าจ้างสูงกว่าคนที่อยู่ในงานเดิม

2. โอกาสเติบโตในอาชีพจำกัด: การอยู่ที่เดิมโดยไม่พัฒนาทักษะใหม่ ๆ อาจทำให้ความสามารถในตลาดถดถอย

3. เสี่ยงถูกมองว่าไม่พัฒนา: นายจ้างอาจประเมินว่าพนักงานขาดแรงขับเคลื่อน ไม่ตอบโจทย์ผลงานระยะยาว

4. กระทบคนรุ่นใหม่: การที่คนทำงานเกาะตำแหน่งเดิมไว้นาน ทำให้โอกาสงานสำหรับบัณฑิตจบใหม่ลดลง

โบนห์เตือนว่า “ถ้าคนทำงานรู้สึกสบายเกินไปกับงานปัจจุบัน อาจทำให้หยุดเรียนรู้และไม่ก้าวหน้า เมื่อตลาดกลับมาฟื้นตัว อาจกลายเป็นว่าตัวเองไม่พร้อมแข่งขันอีกต่อไป”

ปรากฏการณ์ “Job Hugging” จึงเป็นภาพสะท้อนของแรงงานยุคนี้ที่เลือกความมั่นคง มากว่าที่จะเสี่ยงหางานใหม่ แต่ในขณะเดียวกันก็แฝงด้วยความท้าทายทั้งเรื่องรายได้ การเติบโต และโอกาสงานในอนาคต ขณะที่ตลาดแรงงานโลกยังเต็มไปด้วยความไม่แน่นอน คนทำงานอาจต้องหาจุดสมดุลระหว่าง “ความปลอดภัย” และ “การพัฒนาตัวเอง” เพื่อไม่ให้ถูกทิ้งไว้ข้างหลัง

 

อ้างอิง: CNBCZiprecruiterConference