ทีมหมดไฟ? วิจัยชี้ 5 วิธีหัวหน้าที่ดีต้องทำ ฟื้นทีมรอด ชนะอุปสรรค

ในยุคที่พนักงานรู้สึกห่างเหิน หมดไฟ กุญแจสำคัญในการพลิกเกมคือ หัวหน้าต้องทำงานคู่ไปทีม ไม่ใช่แค่สั่ง วิจัยล่าสุดเผย 5 วิธีสร้างทีมแข็งแกร่ง พิสูจน์แล้วว่าได้ผลจริง
KEY
POINTS
- ไม่ใช่แค่สั่งงานแล้วจบ แต่ผู้นำที่ดีต้องใช้จุดแข็งของแต่ละคน สร้างความมั่นใจ และมอบความรับผิดชอบอย่างมีเป้าหมาย ลดภาวะหมดไฟ พร้อมก้าวข้ามทุกความท้าทาย
- เริ่มจากใช้จุดแข็งที่หลากหลายของสมาชิกในทีม สร้างสมดุลและเสริมประสิทธิภาพการทำงาน, เชื่อมั่นในศักยภาพของทีม, ตั้งเป้าหมายที่ท้าทาย เพื่อสร้างความมั่นใจ-แรงจูงใจ
- อย่าลืมที่จะส่งเสริมการเรียนรู้ วางเส้นทางความก้าวหน้าในอาชีพ เพื่อพัฒนาศักยภาพของทีมอย่างต่อเนื่อง
- ผู้นำที่ดีจะทำงานเคียงข้างและรับฟังปัญหาของทีม (Servant Leadership) มอบความไว้วางใจ และโอกาสใหม่ๆ เพื่อให้ทีมได้เติบโตแข็งแกร่งขึ้น
หนึ่งในความท้าทายใหญ่ของการทำงานยุคนี้ คือการสร้างทีมที่เติบโต ทำงานร่วมกันอย่างเหนียวแน่น และพร้อมอยู่กับองค์กรไปนานๆ เพราะแม้แต่ผู้นำเก่งๆ หลายคนก็ยังรู้สึกยากที่จะสร้างทีมที่ทุ่มเทและมีแรงบันดาลใจ ให้สอดคล้องกับพันธกิจของบริษัท ข้อมูลจาก Gallup ปี 2024 ชี้ว่า ระดับการมีส่วนร่วมของพนักงานทั่วโลกลดลงเหลือเพียง 21% เท่านั้น
ฮันนาห์ มาร์ติเนซ (Hannah Martinez) ที่ปรึกษาด้านความสัมพันธ์เชิงกลยุทธ์และการบริหารทีม จาก Axon Global เล่าว่า ความเชื่อมั่นของผู้นำต่อศักยภาพของทีม เป็นปัจจัยสำคัญที่ขับเคลื่อนทั้งผลงานและความก้าวหน้า และเมื่อผู้นำมองเห็นและส่งเสริมจุดแข็งเฉพาะของคนในทีม ทีมก็จะทำงานได้อย่างมีพลังและประสบความสำเร็จมากขึ้น
นี่คือ 5 วิธีพลิกเกิมฟื้นทีมให้กลับมาแข็งแกร่ง ซึ่งยืนยันจากงานวิจัยหลายชิ้นว่าได้ผลจริง เป็นคู่มือที่ช่วยให้หัวหน้าสามารถนำไปปรับใช้พัฒนาลูกน้อง พัฒนาทีมให้พร้อมก้าวข้ามทุกความท้าทาย
ใช้จุดแข็งของลูกน้องแต่ละคนที่ต่างกัน สร้างสมดุลให้ทีม
เป็นธรรมดาที่เรามักจะชอบทำงานกับคนที่คล้ายตัวเอง เช่น นักวางกลยุทธ์ชื่นชมนักวางกลยุทธ์ด้วยกัน แต่ทีมที่แข็งแกร่งจริงๆ ไม่ได้มีแต่ “คนที่เก่งเหมือนๆ กัน” ไปทั้งหมด งานวิจัยในปี 2022 พบว่า ทีมวิจัยที่มีความเชี่ยวชาญหลากหลายด้าน มักจะคิดไอเดียใหม่ๆ ได้มากกว่าทีมทั่วไป และมีผลลัพธ์ระยะยาวดีกว่า
มาร์ติเนซเล่าตัวอย่างว่า เธอเคยให้คำปรึกษาซีอีโอคนหนึ่งที่เก่งด้านนวัตกรรมมาก แต่กลับจมอยู่กับเอกสารและพลาดกำหนดส่งงาน เพราะไม่ถนัดเรื่องรายละเอียด เธอแนะนำให้เขามองหาผู้ช่วยที่เก่งด้านจัดการรายละเอียดและงานเอกสาร แม้ตอนแรกซีอีโออยากได้คนที่มองภาพใหญ่เหมือนกัน แต่เมื่อได้ร่วมงานกับคนที่เก่งด้านงานละเอียด ผลงานของเขากลับพุ่งทะยานขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
บทเรียน: อย่ากลัวมุมมองใหม่ๆ จงมองหาจุดแข็งเฉพาะตัวของสมาชิกในทีม และจัดให้แต่ละคนทำในสิ่งที่ถนัดเพื่อเสริมกันและกัน
จุดประกายความมั่นใจให้ลูกน้อง ด้วยการเชื่อในศักยภาพ
ใครเคยมีเจ้านายที่มองเห็นศักยภาพของคุณ แม้ว่าคุณเองยังไม่มองเห็นบ้าง? งานวิจัยปี 2024 อ้างอิงทฤษฎีความคาดหวัง (Expectancy Theory) พบว่า เมื่อผู้นำมีความคาดหวังสูงต่อพนักงาน พนักงานจะมีแรงจูงใจมากขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
มาร์ติเนซเล่าว่า เธอเคยมีหัวหน้าที่ตั้งเป้าท้าทายให้ และมอบหมายงานซับซ้อนให้ดูแล แม้ตอนนั้นเธอจะไม่มั่นใจ แต่ความเชื่อมั่นของหัวหน้าก็ทำให้เธอลุกขึ้นมาพิสูจน์ตัวเองและทำสำเร็จ
บทเรียน: แสดงความเชื่อมั่นต่อทีมอย่างชัดเจน ตั้งเป้าหมายที่ท้าทาย คอยให้กำลังใจ และฉลองแม้เพียงชัยชนะเล็กๆ เพื่อเพิ่มความมั่นใจและกระตุ้นให้ทีมทำงานได้เกินกว่าที่คาดหมาย
ทำงานเคียงข้างทีมไปพร้อมกัน ไม่ใช่สั่งแล้วจบ!
เจ้านายที่สั่งงานโดยไม่เคยสบตาและไม่รู้ความเป็นไปของทีม มักทำให้ทีมหมดไฟ งานวิจัยด้านพฤติกรรมศาสตร์ปี 2024 พบว่า “Servant Leadership” หรือการเป็นผู้นำที่รับใช้และสนับสนุนทีม ช่วยเพิ่มการมีส่วนร่วมของพนักงานอย่างมาก
มาร์ติเนซเล่าประสบการณ์ที่เธอเคยให้คำปรึกษาทีมหนึ่งที่มีอัตราลาออกสูง เพราะหัวหน้ามีสไตล์เอาแต่สั่งงานโดยไม่ดูว่าทีมรับไหวหรือไม่ เมื่อหัวหน้าเริ่มฟังปัญหา เข้าใจความเหนื่อยล้า และช่วยชี้ทางอาชีพให้สมาชิก ความสัมพันธ์และบรรยากาศทีมก็เปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น
บทเรียน: ผู้นำที่ดีต้อง “เดินไปด้วยกัน” รับฟังสมาชิกในทีม แบ่งเบาภาระ และแสดงให้เห็นว่าคุณอยู่เคียงข้างทีมเสมอ
วางเส้นทางสู่ความสำเร็จ ส่งเสริมการเรียนรู้
การเป็นผู้นำไม่ได้หมายถึงแค่ผลลัพธ์ แต่ยังรวมถึงการพัฒนาศักยภาพของทีม เน้นการเรียนรู้เพิ่มเติมเพื่อให้เก่งขึ้น งานวิจัยปี 2022 ชี้ว่าการสร้างความยืดหยุ่น (Resilience) และการให้ Feedback เพื่อพัฒนา คือหัวใจของภาวะผู้นำที่มีประสิทธิภาพ
ผู้นำควรระบุจุดที่สมาชิกต้องการพัฒนา และวางแผนให้พวกเขามีเส้นทางสู่ความสำเร็จ อาจผ่านการให้คำปรึกษา (Mentorship) การจัดอบรม หรือการชี้ให้เห็นว่า “ความล้มเหลว” คือโอกาสเรียนรู้ เพื่อสร้างวัฒนธรรมการเติบโตอย่างต่อเนื่อง
บทเรียน: ให้คำปรึกษาเรื่องเส้นทางอาชีพ และแสดงวิธีที่จะทำให้ลูกน้องเติบโตก้าวหน้าในเส้นทางอาชีพ
มอบความรับผิดชอบและโอกาสใหม่ๆ ให้เสมอ
เมื่อคุณสร้างทีมที่สมดุล เชื่อมั่น และวางเส้นทางการพัฒนาทีมแล้ว ขั้นตอนต่อไปคือ การมอบความรับผิดชอบที่ใหญ่ขึ้น งานวิจัยปี 2024 ในองค์กรภาครัฐพบว่า ความไว้วางใจระหว่างบุคคล สามารถนำไปสู่การให้อิสระแก่พนักงานมากขึ้น และช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของทีม
บทเรียน: แม้การปล่อยมือให้ลุกน้องจัดการงานเอง อาจรู้สึกเสี่ยง แต่เป็นก้าวสำคัญสู่ความเชื่อใจร่วมกัน แม้ผลงานจะไม่สมบูรณ์แบบ แต่ประสบการณ์และการเติบโตที่ได้จะทำให้ทีมแข็งแกร่งขึ้น
มาร์ติเนซย้ำว่า จากประสบการณ์การเป็นที่ปรึกษาผู้นำมานานหลายปี เธอพูดได้เต็มปากว่า “เมื่อผู้นำเชื่อในทีม ก็จะปลดล็อกทั้งเป้าหมาย ความยืดหยุ่น และความก้าวหน้าได้เกินกว่าที่คิด” การมองเห็นจุดแข็งของแต่ละคน และใช้คนให้ถูกงาน การเดินเคียงข้างลูกน้อง และมอบความไว้วางใจ จะสร้างวัฒนธรรมที่ทำให้ทุกคนเติบโตไปด้วยกัน
อ้างอิง: Forbes, Gallup, ResearchGate, TechScience, Journals.plos, Sciencedirect, PubMed







