Gen Z ลาออกพุ่ง เพราะ Sunday Scaries กังวลงาน ไม่อยากเจอวันจันทร์

1 ใน 5 ของ Gen Z เคยลาออกจากงานเพราะอาการ Sunday Scaries (วิตกกังวลก่อนเริ่มงานวันจันทร์) และ 45.9% เคย “คิด” จะทำแบบนั้นเช่นกัน สาเหตุมาจากงานโหลด เดดไลน์กดดัน ภาวะหมดไฟ
KEY
POINTS
- ผลสำรวจชี้ 1 ใน 5 (20.2%) ของ Gen Z เคยตัดสินใจลาออกจากงาน เพราะอาการ Sunday Scaries หรือความวิตกกังวลก่อนเริ่มงานวันจันทร์
- Gen Z ให้ความสำคัญกับสุขภาพจิตมากกว่าเงินเดือน และมองว่าอาการนี้เป็น "สัญญาณเตือน" ถึงวัฒนธรรมองค์กรที่เป็นพิษ ภาวะหมดไฟ และการขาดสมดุลในชีวิตการทำงาน
- สาเหตุหลักของความกังวลมาจากภาระงานที่หนักเกินไป ความเหนื่อยล้าสะสม และความรู้สึกว่าไม่ได้รับการเห็นคุณค่าจากองค์กร
- คนรุ่นใหม่มีมุมมองต่อการทำงานที่เปลี่ยนไป โดยจะมองหางานที่สอดคล้องกับชีวิตและเป้าหมายของตนเอง แทนที่จะพยายามปรับตัวให้เข้ากับงานเหมือนคนรุ่นก่อน
“Sunday Scaries” เขย่าโลกการทำงานอีกครั้ง เมื่อผลสำรวจพบว่า Gen Z มีอัตราลาออกเพิ่มขึ้น เพราะอาการ “กลัววันอาทิตย์ เกลียดวันจันทร์” ที่เพิ่มความกังวล เหนื่อยล้า และกระทบต่อสุขภาพจิตวัยทำงานคนรุ่นใหม่มากกว่าที่เคย ปรากฏการณ์นี้ สะท้อนมุมมองคนรุ่นใหม่ที่ไม่ยอมแลกสุขภาพจิตไปกับงานที่ไม่มีเป้าหมาย พวกเขาเรียกร้องความยืดหยุ่น และวัฒนธรรมองค์กรที่เห็นคุณค่าคนทำงาน
แม้อาการ “Sunday Scaries” (โรคกลัววันอาทิตย์) จะเป็นสิ่งที่คนทำงานหลากหลายรุ่นเคยประสบ แต่ดูเหมือนว่า Gen Z จะได้รับผลกระทบจากอาการนี้มากเป็นพิเศษ ถึงขั้นตัดสินใจลาออกจากงานเพื่อหลีกเลี่ยงความเครียดที่มาพร้อมกับเวลาช่วงเย็นวันอาทิตย์
จากผลสำรวจของ Resume.io ที่สอบถามวัยทำงานชาวอเมริกัน 1,000 คน พบว่า 1 ใน 5 ของคนวัย Gen Z หรือราว 20.2% เคยลาออกจากงานเพราะ Sunday Scaries ที่ก่อเกิดความวิตกก่อนเริ่มต้นทำงานสัปดาห์ใหม่ในวันจันทร์ และเกือบครึ่ง หรือ 45.9% เคย “คิด” จะลาออก เพราะเผชิญอาการดังกล่าวเช่นกัน
สุขภาพจิตมาก่อนเงินเดือน Gen Z ไม่ได้ขี้เกียจ แต่ไม่ทนกับงานเสียสุขภาพจิต
“นี่คือคนทำงานรุ่นแรกที่ให้ความสำคัญกับสุขภาพจิต มากกว่าความมั่งคั่ง” ไมเคิล ไรอัน (Michael Ryan) ผู้เชี่ยวชาญด้านการเงินและผู้ก่อตั้งเว็บไซต์ MichaelRyanMoney.com ให้สัมภาษณ์กับ Newsweek
เขาอธิบายเพิ่มเติมว่า Gen Z เติบโตมาท่ามกลางความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ เห็นพ่อแม่เสียสละเพื่อ “ความมั่นคงในงาน” แต่กลับต้องเผชิญกับการเลิกจ้าง โรคเครียด และภาวะถดถอยทางเศรษฐกิจ จึงไม่แปลกที่คนรุ่นใหม่จะเลือก “ออกจากงาน” แทนการทนกับสภาพแวดล้อมที่ไม่มีความหมาย
“Gen Z ไม่ได้เปลี่ยนงานบ่อยเพราะขาดความอดทน แต่เพราะพวกเขากำลังมองหางานที่สอดคล้องกับชีวิต มีเป้าหมาย และขอบเขตที่ชัดเจน” ไรอัน ชี้ให้เห็นภาพชัด
ไม่ใช่แค่ Gen Z แต่คนทำงานทุกรุ่นก็รู้สึกแบบนี้ (คนรุ่นใหม่ชัดเจนกว่า)
แม้จะดูว่า Gen Z จะกล้าแสดงออกถึงความไม่พอใจมากกว่ารุ่นอื่น แต่ปัญหา “Sunday Scaries” เป็นเรื่องที่คนทำงานหลายรุ่นเผชิญ โดยรวมแล้ววัยทำงานทุกรุ่นประมาณ 1 ใน 7 ของผู้ตอบแบบสอบถาม ต่างก็เคยรู้สึกวิตกกังวลทุกเย็นวันอาทิตย์ และ 11.7% เคยลาออกจากงานเพราะเหตุผลนี้เช่นกัน
ทั้งนี้ อาการ Sunday Scaries มักเกิดจาก งานล้นมือและเดดไลน์ที่กดดัน (33.1%), ความเหนื่อยล้าสะสม ภาวะหมดไฟ (23.6%), ความคาดหวังที่เกินจริงจากองค์กร (15.7%) โดยเฉพาะพนักงานระดับเริ่มต้น มีแนวโน้มเผชิญกับอาการนี้มากที่สุดถึง 19.6%
อีกหนึ่งประเด็นที่น่าสนใจก็คือ เหตุที่ Gen Z มีปฏิกิริยาตอบสนองต่อ Sunday Scaries มากกว่ารุ่นอื่น เพราะพวกเขามองว่าการทำงานในยุคนี้ ส่งผลเสียต่อสุขภาพจิตมากกว่ารุ่นพ่อแม่ โดย 71.6% ของคน Gen Z บอกว่าเรื่องงานกระทบต่อสุขภาพจิตโดยรวมของพวกเขา ขณะที่เมื่อเทียบกับ Gen Y มีเพียง 44.6% เท่านั้นที่รู้สึกแบบเดียวกัน, ส่วน Gen X อยู่ที่ 37.8% และ Baby Boomer อยู่ที่ 27.3% เท่านั้น
แมทธิว โซลิท (Matthew Solit) ผู้อำนวยการฝ่ายสุขภาพจิตจาก LifeStance Health ให้สัมภาษณ์ว่า "วัฒนธรรมการทำงานในอเมริกาไม่ได้ให้ความสำคัญกับการพักผ่อน หลายคนต้องเช็กอีเมลแม้อยู่บ้าน และทำงานเกินเวลา ส่งผลให้คนรุ่นใหม่มีภาวะหมดไฟเร็วขึ้น และรับมือกับความเครียดได้ยากขึ้น"
ผู้เชี่ยวชาญ ชี้ชัด “นี่คือสัญญาณเตือน ไม่ใช่ความอ่อนแอของคนรุ่นใหม่”
ไรอัน ในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านการเงินและการงาน ชี้ว่า สำหรับ Gen Z “Sunday Scaries” ไม่ใช่แค่อารมณ์ชั่ววูบ แต่คือ “สัญญาณเตือน” ถึงวัฒนธรรมองค์กรเป็นพิษ ภาวะหมดไฟ และชีวิตการงานที่ไร้สมดุล
เควิน ธอมป์สัน (Kevin Thompson) ซีอีโอของ 9i Capital Group เสริมว่า ความวิตกกังวลในวันอาทิตย์ดังกล่าว ยังเกิดจากความรู้สึกว่า “ไม่ได้รับการเห็นคุณค่า” จากนายจ้าง และเงินเดือนที่ได้จากงานของพวกเขา ก็อาจไม่คุ้มกับค่าครองชีพและค่าบำบัดสุขภาพจิต
ด้านผู้อำนวยการฝ่ายสุขภาพจิต ก็เห็นด้วยและย้ำว่า คนรุ่นใหม่คาดหวังจะประสบความสำเร็จและเงินเดือนเหมาะสมเหมือนอย่างที่เห็นในสื่อสังคมออนไลน์ แต่ในความเป็นจริงพวกเขากลับพบว่า "ความสำเร็จในที่ทำงานไม่เป็นไปอย่างที่คิดไว้ หลายคนกลับพบว่าตัวเองทำงานหนักในงานที่ให้ผลตอบแทนน้อย และไม่มีความหมาย"
ไบรอัน ดริสคอลล์ (Bryan Driscoll) ที่ปรึกษาทรัพยากรบุคคล (HR) มองว่า การลาออกเพราะ Sunday Scaries ไม่ใช่การหนี แต่คือ การตระหนักรู้ว่าชีวิตไม่ควรทนอยู่ในวัฒนธรรมองค์กรที่ไม่ชัดเจน หรือทำลายสมดุลชีวิต เขาบอกว่า “คนรุ่นก่อนมักถามตัวเองว่า ‘เราจะปรับตัวยังไงให้เข้ากับงานนี้’ แต่ Gen Z ทำตรงข้าม โดยพวกเขาถามตนเองว่า ‘งานนี้เข้ากับชีวิตเรายังไง?’ ”
มุมมองของดริสคอลล์ เห็นว่า โลกการทำงานกำลังเข้าสู่ยุคที่คนทำงานเริ่มมีอำนาจต่อรองมากขึ้น นายจ้างที่ยังยึดติดกับระบบทำงานแบบ 9 โมงเช้า ถึง 5 โมงเย็น และการดูแลสุขภาพจิตแบบพอเป็นพิธี อาจเสียคนเก่งในองค์กรไปอย่างน่าเสียดาย







