มีน้ำใจ-เคารพผู้อื่น ทักษะทรงพลังสู่ความสำเร็จของ Steve Carell

มีน้ำใจ-เคารพผู้อื่น ทักษะทรงพลังสู่ความสำเร็จของ Steve Carell

นักแสดงรุ่นใหญ่ Steve Carell แนะ เด็กจบใหม่ การเป็น “คนดี” และ “เคารพผู้อื่น” ไม่ใช่แค่เรื่องเล็กน้อย แต่คือทักษะทรงพลังที่เปิดประตูสู่ความสำเร็จในชีวิตอย่างแท้จริง

KEY

POINTS

  • สตีฟ แคร์เรลล์ นักแสดงฮอลลีวูด ชี้ว่าการมีน้ำใจและให้เกียรติผู้อื่นเป็นทักษะที่ทรงพลังซึ่งนำไปสู่ความสำเร็จในอาชีพ ไม่ใช่ความอ่อนแอ
  • บุคลิกที่อ่อนโยนและใส่ใจทีมงานของเขาในกองถ่าย เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เขาได้รับโอกาสดีๆ ในสายอาชีพอย่างต่อเนื่อง
  • แคร์เรลล์เตือนให้คนรุ่นใหม่ระวังความอิจฉา เพราะเป็นอารมณ์ที่บั่นทอนความเห็นอกเห็นใจ และแนะนำให้เปลี่ยนเป็นแรงผลักดันในทางบวกแทน

ในโลกที่เปลี่ยนแปลงรวดเร็วและเต็มไปด้วยความไม่แน่นอน การเป็น “คนใจดี” และ “เคารพผู้อื่น” ไม่ได้แปลว่าอ่อนแอ นักแสดงฮอลลีวูดอย่าง “สตีฟ แคร์เรลล์”  (Steve Carell) บอกว่า นี่คือสกิลที่ช่วยให้เขาประสบความสำเร็จในชีวิตการงานได้อย่างแท้จริง

โดยนักแสดงรุ่นใหญ่แห่งวงการฮอลลีวูด วัย 62 ปี ได้ขึ้นกล่าวสุนทรพจน์ในพิธีรับปริญญาของมหาวิทยาลัยนอร์ทเวสเทิร์น (Northwestern University) เมื่อวันที่ 15 มิถุนายนที่ผ่านมา โดยฝากข้อคิดสำคัญถึงบัณฑิตรุ่นใหม่ เกี่ยวกับการใช้ชีวิตให้ประสบความสำเร็จ ว่า ทักษะมนุษย์อย่างความใจดีดังกล่าวไม่ใช่แค่เรื่องเล็กน้อย แต่เป็นทักษะทรงพลังที่โลกใบนี้ต้องการมากกว่าที่เคย

“ความเมตตาและการให้เกียรติผู้อื่น คือทักษะเรียบง่ายที่โลกยุคนี้ต้องการมากขึ้นกว่าที่เคย” แคร์เรลล์ บอกกับเหล่าบัณฑิตจบใหม่

เขาย้ำอีกว่า “ผมรู้ดีว่าคุณทุกคนเติบโตมากับเหตุการณ์ยากๆ มากมาย และมันคงไม่ง่ายเลยที่จะรับมือกับความกลัวและความไม่แน่นอนในชีวิตช่วงเปลี่ยนผ่านนี้ แต่ขอให้คุณอย่าลืมเรื่องเล็กๆ อย่างการมีน้ำใจ และอย่าลืมว่าคุณไม่ได้อยู่ตัวคนเดียว ดูแลกันและกัน หัวเราะเมื่อมีโอกาส และร้องไห้เมื่อจำเป็น”

ความอ่อนโยน คือ พลังเงียบที่สร้างโอกาสใหม่ๆ ในอาชีพการงาน

แคร์เรลล์ ถือเป็นหนึ่งในนักแสดงที่มีภาพลักษณ์ดีในวงการฮอลลีวูดมายาวนาน ซึ่งไม่ใช่แค่ทำการแสดงได้ดีในฐานะนักแสดงตลกเจ้าบทบาทเท่านั้น แต่ภาพลักษณ์ที่ดีของเขา ยังมาจากเบื้องหลังการทำงานที่เขาเป็นคนใจเย็น ใจดี สุภาพ และไม่เคยบ่น แม้ต้องถ่ายทำในสภาพอากาศร้อนจัดหรือเทกพลาดหลายครั้ง ตามคำเล่าของเพื่อนนักแสดง มินดี้ คาลิง (Mindy Kaling) ที่เคยร่วมงานกับเขาในซีรีส์ The Office 

ว่ากันว่าขณะที่ถ่ายทำฉากหนึ่งของซีรีส์ The Office ท่ามกลางอากาศร้อนอบอ้าวของเมืองพาโนรามาซิตี้ที่สูงถึง 104 องศาฟาเรนไฮต์ แต่เขาก็ยังห่วงว่าทีมงานจะได้เทคที่ดีที่สุดหรือยัง ก่อนที่เขาจะทรุดลงเพราะอาการลมแดดในการทำงานครั้งนั้น สะท้อนถึงการตั้งใจทำงานและใส่ใจต่อทีมงานภาพรวมเหนือสิ่งอื่นใด

ด้วยบุคลิกแบบนี้ ทำให้เขาได้รับโอกาสดีๆ ในสายอาชีพอย่างต่อเนื่อง ทั้งจาก วิล เฟอร์เรล (Will Ferrell) ที่ชวนเขาไปร่วมแสดงในภาพยนตร์ Talladega Nights และ Judd Apatow ที่ไม่เพียงแค่ให้บทในเรื่อง The 40-Year-Old Virgin แต่ยังให้เขามีบทบาทในฐานะทีมเขียนบทด้วย

มีน้ำใจ-เคารพผู้อื่น ทักษะทรงพลังสู่ความสำเร็จของ Steve Carell

ซีอีโอและนักวิจัยก็ยืนยัน “ความใจดี” คือพลังบวกที่ส่งต่อในองค์กรได้

ไม่ใช่แค่ในวงการบันเทิงเท่านั้นที่ให้ความสำคัญกับความใจดี แต่ผู้นำองค์กรและนักวิชาการด้านความสุขหลายคน ก็เห็นพ้องกันเกี่ยวกับทักษะนี้ เช่น ซูซี เวลช์ (Suzy Welch) นักเขียนเจ้าของหนังสือขายดีของ New York Times และอาจารย์มหาวิทยาลัยนิวยอร์ก มองว่า พนักงานที่สามารถให้คำติชมได้อย่างตรงไปตรงมา แต่ยังเปี่ยมด้วยความเข้าใจและเมตตา คือทรัพยากรสำคัญในที่ทำงานยุคใหม่

ขณะเดียวกัน แยน-เอ็มมานูเอล เดอ เนิฟ (Jan-Emmanuel De Neve) ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยความเป็นอยู่ที่ดี แห่งมหาวิทยาลัยอ็อกซ์ฟอร์ด ให้สัมภาษณ์กับ CNBC Make It เมื่อปลายเดือนพฤษภาคมว่า

“การทำความดี เช่น การอาสาช่วยงาน การบริจาคให้แก่ผู้ยากไร้ หรือแม้แต่การช่วยคนแปลกหน้าบ่อยๆ สามารถนำไปสู่ชีวิตที่มีสุขภาพดีและสมบูรณ์ยิ่งขึ้น สิ่งเหล่านี้ล้วนเชื่อมโยงอย่างแน่นแฟ้นกับความพึงพอใจในชีวิต และสุขภาวะทางใจของตัวเอง” เดอ เนิฟ อธิบาย

อีกทั้งเขายังชี้ให้เห็นภาพชัดเจนมากขึ้น ว่า “ความมีน้ำใจ เป็นวงจรที่เป็นพลวัตและมีคุณธรรม ในแง่ที่ว่า หากคุณเป็นคนมีคุณธรรม ช่วยเหลือผู้อื่น และมีความกรุณาต่อผู้อื่น นั่นไม่เพียงเป็นประโยชน์ต่อผู้รับ แต่ยังเป็นประโยชน์ต่อตัวคุณเองด้วยเช่นกัน” 

ศัตรูของความใจดี คือ ความอิจฉา บั่นทอนทักษะ Empathy ของวัยทำงาน

นักแสดงฮอลลีวูดรุ่นใหญ่อย่าง แครร์เรลล์ ยังเตือนอีกว่า คนรุ่นใหม่ควรระวังอารมณ์ด้านลบอย่างความอิจฉา เพราะเป็นตัวขัดขวางความเมตตา มันจะทำให้เราหวาดระแวง เกิดการแข่งขันไม่ยุติธรรม และลดทอนความเห็นอกเห็นใจต่อผู้อื่น (ทักษะ Empathy) 

“ความอิจฉาเกิดจากความไม่รู้และความไม่เชื่อมั่นในตัวเอง แนะนำว่าให้เราเปลี่ยนความอิจฉาเป็นแรงบันดาลใจ แล้วใช้มันเป็นเชื้อเพลิงในการผลักดันตัวเองไปข้างหน้าในทางบวก ซึ่งถือเป็นผลดีต่อการใช้ชีวิตและการทำงาน” เขา ย้ำทิ้งท้าย

 

อ้างอิง: CNBC Make it