ตอบทุกข้อสงสัย ถาม AI เหตุผลที่คนโกหก และอาชีพที่โกหกมากที่สุด

ตอบทุกข้อสงสัย ถาม AI เหตุผลที่คนโกหก และอาชีพที่โกหกมากที่สุด

ถามเอไอว่าอะไรเป็นเหตุผลที่คนเราโกหก ได้เหตุผลมามากมายประกอบกับประสบการณ์แวดล้อมเลยได้คำตอบว่า ทำไมตัวเราเองและคนทั่วๆ ไปโกหก ถามเอไอต่อว่า “อาชีพไหนที่โกหกมากที่สุด”

KEY

POINTS

  • ดร.วิทยา ด่านธำรงกูล หาคำตอบจากเอไอว่า อะไรเป็นเหตุผลที่คนเราโกหก และอาชีพไหนที่โกหกมากที่สุด 
  • การโกหกมีหลายระดับ ตั้งแต่ "โกหกสีขาว" (white lie) ที่ไม่สร้างความเดือดร้อน ไปจนถึงการโกหกที่สร้างความเสียหายเป็นวงกว้าง
  • วิธีสังเกตคนโกหกตามที่ AI แนะนำคือดูพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปจากปกติ เช่น การพูดจา

เอไอบอกว่าไม่เคยมีสถิติบอก ขึ้นอยู่กับบริบทและสถานการณ์ แต่กลุ่มคนที่ต้องโกหกบ่อยๆ เมื่อเทียบกับกลุ่มอื่นก็มีให้เห็นเด่นชัด (ไม่นับรวมพวกที่โกหกตลอดเวลาและเป็นอาชีพ คือพวกมิจฉาชีพหรือคอลเซ็นเตอร์) คือพวกที่มีอาชีพโน้มน้าวคนให้คล้อยตาม กลุ่มนี้คือพวกนักการเมือง นักขาย และนักโฆษณา

กลุ่มต่อมาคือพวกที่ต้องรับมือกับความคาดหวังหรือความจริงที่เจ็บปวด พวกนี้คือพวกแพทย์ และหมอดู

อีกกลุ่มคือพวกที่เกี่ยวข้องด้านกฎหมายและการสอบสวน อย่างทนายและตำรวจ ซึ่งต้องมีเล่ห์เหลี่ยมในการพูดเพื่อเป็นประโยชน์ต่อลูกความและคดี

กลุ่มสุดท้ายคือพวกทำงานสร้างสรรค์และวงการบันเทิง อันนี้เข้าใจได้ กลุ่มเหล่านี้มักตกอยู่ในประเภทที่ต้องโกหกบ่อยๆ 

เบื้องหลังการโกหกนั้นมีเหตุผลหลากหลาย จึงเกิดระดับการโกหกที่แตกต่างกันไป ตั้งแต่ “โกหกสีขาว” (white lie) ที่อ้างว่าไม่ได้ก่อให้เกิดอันตราย ไปจนโกหกประเภทที่ทำให้คนเดือดร้อนและหายนะเป็นวงกว้าง 

มูลเหตุจูงใจที่ทำให้คนเราโกหก เหตุผลกลุ่มแรก ก็เพื่อหลีกเลี่ยงการลงโทษและปกป้องตัวเอง ทั้งเด็กและผู้ใหญ่หากกลัวการลงโทษก็มักจะโกหกเอาไว้ก่อน

เช่นโกหกว่าป่วยหนักเข้าขั้นวิกฤตต้องอยู่ในความดูแลของแพทย์ในโรงพยาบาลตลอดเวลา จะเข้าไปอยู่ในเรือนจำไม่ได้ เพื่อจะได้ไม่ต้องติดคุกแม้แต่วันเดียว หรือเด็กๆ อาจจะโกหกเวลาทำของเสียของแตกในบ้านโดยโกหกง่ายๆ ว่า “ไม่รู้”

บางครั้งคนเราโกหกเพื่อจะปกป้องตัวเอง เอาตัวรอด และรักษาความเป็นส่วนตัว เช่น กลัวโจรก็ต้องโกหกคนมาส่งของหน้าบ้านว่ามีคนอยู่เต็มบ้านไม่ได้อยู่บ้านคนเดียว หรือใครถามเลขบัตรประชาชน

ถ้าไม่อยากให้เพราะกลัวเขาเป็นมิจฉาชีพ ก็มักโกหกว่าจำไม่ได้หรือไม่ได้เอาบัตรติดตัวมา หรือบางครั้งที่อยากจะหลีกเลี่ยงความขัดแย้งหรือหลีกเลี่ยงที่จะเอาความไม่สบายใจมาใส่ตัวก็ต้องโกหกว่าไม่ได้ชอบพรรคการเมืองที่คู่สนทนาเกลียดชัง

เหตุผลกลุ่มที่สอง โกหกเพื่อพยายามสร้างความได้เปรียบหรือแสวงหาประโยชน์จากคนอื่น อย่างเช่นโกหกเพื่อจะได้รางวัล ได้งาน ได้ตำแหน่ง ในการสัมภาษณ์งานบางคนจึงโกหกคำโตว่ามีประสบการณ์อย่างโน้นอย่างนี้ แท้ที่จริงไม่ใช่

คนสัมภาษณ์รับคนเข้าทำงานจึงต้องทันเกมพวกนี้ บางครั้งการโกหกก็เพื่อสร้างภาพลักษณ์ให้ตัวเองหรือสร้างความประทับใจให้คนรอบข้าง ตรงกันข้ามบางครั้งเพื่อให้เกิดความน่าสงสารสะเทือนใจ

กรณีสีกาหลอกพระก็ด้วยการโกหกแบบนี้ ตั้งแต่แต่งตัวสวย มารถหรู อุปโลกน์ตัวเองเป็นคนใหญ่โต ทำท่าจะบริจาค ต่อมาก็เริ่มโกหกคร่ำครวญว่าตกทุกข์ได้ยากจนพระเห็นใจโอนเงินให้

การโกหกในกลุ่มนี้ที่พบบ่อยอีกอย่างคือ โกหกเพื่อจะสามารถบงการหรือสร้างอิทธิพลให้คนอื่นต้องเชื่อฟัง

อย่างเช่นอดีตนายกรัฐมนตรีบอกว่ารู้จักกับทรัมป์ดี โทรคุยได้ คนเลยเชื่อว่าน่าจะมีอิทธิพลช่วยเจรจาเรื่องลดภาษีได้ ทำให้กลายเป็นคนสำคัญขึ้นมา สุดท้ายก็โกหกพกลมไม่รู้ว่าโทรหาใคร

เหตุผลกลุ่มที่สาม เป็นโกหกจากเหตุผลทางจิตวิทยาและนิสัย บางคนโกหกเพราะมีอาการทางจิตหรือพยาธิสภาพที่โกหกจนเป็นนิสัย หรือเป็นแรงกระตุ้นที่ควบคุมไม่ได้

บอกตัวเองไม่ได้ว่าโกหกไปเพื่อประโยชน์อะไร อาจเป็นอาการจากภาวะสุขภาพจิตที่มีปัญหา เช่น โรคหลงตัวเอง (narcissistic personality disorder) ที่คิดว่าตัวเองถูกต้องยิ่งใหญ่และไม่เคยรู้สึกผิด โรคบุคลิกภาพต่อต้านสังคม หรือโรควิตกกังวล

อีกเหตุผลคือการเชื่อเรื่องโกหกของตนเอง อาจจะเพราะพูดซ้ำเรื่องโกหกของตัวเองบ่อยครั้งจนเริ่มเชื่อว่ามันเป็นความจริง กลายเป็นความจริงทางเลือกที่อึงอลอยู่ในสมองแบบย้ำคิดย้ำทำ

อีกเหตุผลในกลุ่มนี้สำหรับบางคน จะใช้การโกหกเป็นกลไกรับมือกับความเป็นจริงที่ไม่สบายใจ อย่างเช่นว่าเมื่อหมดอำนาจก็เกิดความเครียด ก็อาจจะต้องโกหกเพื่อสร้างปมเขื่อง ให้คนมายอมพินอบพิเทาเพื่อสร้างอำนาจให้ตัวเองต่อไป 

เมื่อถามว่าแล้วเราจะรู้ไหมว่าใครกำลังพูดโกหก เอไอบอกว่าให้สังเกตว่าคนที่พูดโกหกนั้นเริ่มมีพฤติกรรมเปลี่ยนไปจากปกติไหม เช่น ดูการพูดว่าพูดอึกอักกะกุกตะกักไหมทั้งที่ปกติพูดคล่อง ลังเลเว้นวรรคนาน พูดวกวน พูดแล้วจับต้นชนปลายไม่ถูก

ไม่ตอบคำถามตรงๆ หรือให้ข้อมูลที่ไม่เกี่ยวข้อง ดูที่การเคลื่อนไหวร่างกายว่าผิดไปจากปกติไหม กระสับกระส่ายไหม ทำหน้าเหลอหลาและยิ้มเจื่อนไปจากธรรมชาติไหม

ถ้าเอาข้อมูลจากเอไอไปวิเคราะห์กับการสัมภาษณ์อดีตนายกฯ เมื่องานปลดล็อกอนาคตประเทศไทยเมื่อคืนวันที่ 17 กรกฎาคมที่ผ่านมา คงได้คำตอบว่าใครโกหกหรือไม่

ที่จริงโกหกสีขาวถ้าไม่สร้างความเดือดร้อนหายนะก็ไม่กระไรนัก  ฟังการสัมภาษณ์วันนั้นแล้วก็อดนึกไม่ได้ว่า ถ้าทุกครั้งที่พินอคคิโอโกหกแล้วจมูกยื่นยาวออกมา จากอดีตมาถึงวันนี้จมูกของคนบางคนน่าจะยาวขนาดพันรอบโลกได้หลายรอบแล้ว

ช่วงนี้มีแต่เรื่องเศร้าหมองทั้งอาณาจักรและศาสนจักร ตรองดูดีๆ ก็จะเห็นว่าปัญหาส่วนใหญ่มาจากเรื่องโกหก และเรื่องขาดหิริโอตตัปปะหรือความละอายและความเกรงกลัวต่อบาปด้วยกันทั้งนั้น.