Silence Therapy 'ความเงียบบำบัด' ชะล้างจิตใจได้อย่างไร

Silence Therapy 'ความเงียบบำบัด' ชะล้างจิตใจได้อย่างไร

ท่ามกลางความโกลาหลของโลก เศรษฐกิจ สังคม การเมือง โลกโซเชียลที่ห้ำหั่นกันด้วยปลายนิ้ว รอบตัวคือท็อกซิก (toxic) บางที "ความเงียบบำบัด" หรือ "Silence Therapy" อาจช่วยคุณได้

KEY

POINTS

  • ความเงียบบำบัดช่วยลดความสับสน ความเครียด และแก้อาการนอนไม่หลับ ทำให้ร่างกายและจิตใจผ่อนคลาย
  • มลภาวะทางเสียงในชีวิตประจำวันเป็นพิษต่อร่างกาย ทำให้ระดับคอร์ติซอลสูงขึ้น เสี่ยงต่อโรคต่างๆ
  • การฝึกอยู่เงียบๆ เพียงวันละ 5-10 นาที ก็เพียงพอที่จะทำให้ร่างกายและจิตใจปลอดโปร่ง เหมือนชาร์จแบตให้สมอง
  • นักจิตวิทยาชี้ 5 ประโยชน์ของความเงียบ ได้แก่ เพิ่มทักษะการฟัง สมาธิ ทำให้ตัวเองน่าสนใจ พัฒนาความสัมพันธ์ และช่วยให้การตัดสินใจถูกต้อง

งานวิจัยยุคใหม่ชี้ชัดว่า เมื่อสิ่งรอบตัวกลายเป็นท็อกซิก (Toxic) วิธีนิ่ง เงียบ อาจลบอาการเป็นพิษในสมองและจิตใจลงได้ นักจิตวิทยาเริ่มมองหาตัวช่วยด้วย Silence Therapy หรือใช้ ความเงียบบำบัด ช่วยลดความสับสน ความเครียด แก้อาการนอนไม่หลับ ส่งผลให้ร่างกายและจิตใจผ่อนคลายลงได้

Silence Therapy 'ความเงียบบำบัด' ชะล้างจิตใจได้อย่างไร

เข้าป่าบำบัด (Image by Pexels from Pixabay)

ในสปาหลายแห่งทั่วโลก กำลังจัดโปรแกรม บำบัดจิตด้วยความเงียบ บ้างเรียกว่า Silent Spa ซึ่งปกติเวลาเข้าสปา ผู้รับบริการก็จะเข้าสู่บรรยากาศความเงียบสงบ อาจมีเสียงดนตรีที่ฟังแล้วผ่อนคลาย เปิดคลอเบา ๆ แล้วไปสู่โปรแกรมทรีตเมนท์ต่าง ๆ ตามต้องการ จนถึงใช้ความเงียบให้ผู้เข้ารับบริการนั่งหรือนอนนิ่ง ๆ ห้ามเธอราพิสต์พูดคุย และบางแห่งก็ไม่เปิดเพลง

Silence Therapy 'ความเงียบบำบัด' ชะล้างจิตใจได้อย่างไร

โยคะคนเดียว (Image by HARU_Creative from Pixabay)

องค์การอนามัยโลก ระบุว่า ทุกวันนี้มนุษย์ผจญกับ มลภาวะทางเสียง อยู่ตลอดเวลา จนเราไม่ทันรู้ตัวว่า เสียงที่อื้ออึงในชีวิตประจำวันนั้นกลายเป็น “พิษ” แม้กระทั่งเสียงของคนพูดคุยกันเบา ๆ ที่อยู่ห่างจากตัวเรา เสียงการทำงานในสำนักงานและจากเครื่องคอมพ์ เสียงเพลงที่เพื่อนร่วมงานเปิด เสียงโทรศัพท์ เสียงเปิด-ปิดประตู ก็สามารถทำลายสมาธิ และกลายเป็น “ขยะทางเสียง” ที่เราไม่สามารถขจัดออกไปได้

Silence Therapy 'ความเงียบบำบัด' ชะล้างจิตใจได้อย่างไร

ยิ่งเราผจญกับเสียงที่มากจนเกินพอดีจะทำให้ระดับคอร์ติซอลในร่างกายสูงขึ้น เสี่ยงต่อโรคความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ โรคเครียด โรควิตกกังวล ทำให้นอนหลับยาก

ความเงียบบำบัด และโปรแกรมบำบัดจิตใจด้วยความเงียบ กำลังเป็นไลฟ์สไตล์ของคนยุคเอไอที่ทุกสิ่งหมุนเร็วเกินไป เปลี่ยนแปลงมากไป และการขาดแคลนความเงียบ เปรียบเสมือนการขาดแคลนความสุข

นักจิตวิทยายุคนี้เริ่มนำ Silence Therapy มาใช้บำบัดคนไข้ แต่ก็ต้องเป็นเคสบายเคส เนื่องจากความรู้การใช้ “ความเงียบ” กับคนไข้ทางจิตที่คาดหวังให้แพทย์ให้คำแนะนำอาจไม่เข้าใจ ประเด็นนี้ยังเป็นข้อถกเถียงกันอยู่

วิธีฝึกให้อยู่เงียบ ๆ

งานวิจัยชี้ชัดว่า ถ้ารู้จักอยู่เงียบ ๆ สักวันละ 5-10 นาที ก็พอเพียงที่จะทำให้ร่างกายและจิตใจปลอดโปร่ง เหมือนชาร์จแบตให้สมอง ไม่จำเป็นต้องเข้าวัด นั่งสมาธิ วิธีที่ง่ายที่สุดเช่น โยคะ (ที่เล่นคนเดียว) เดินตามเส้นทางธรรมชาติ (ในสวน, ในป่า, ในที่โล่งแจ้ง) จิบชาหรือกาแฟแล้วนั่งเงียบ ๆ ไม่ต้องเปิดวิทยุ ทีวี มือถือ

Silence Therapy 'ความเงียบบำบัด' ชะล้างจิตใจได้อย่างไร

สร้างความเงียบทุกวันในชีวิตประจำวัน

นั่งสมาธิคือวิธีพื้นฐานแต่หลายคนก็ไม่ถนัด ความเงียบขั้นแรกคือใช้เวลาอยู่กับตัวเองเงียบ ๆ ก่อนนอนและหลังตื่นนอน อยู่เงียบ ๆ ให้เป็นโดยไม่ต้องเปิดมือถือ จนถึงคุยกับคนข้าง ๆ

กีฬา

อีกหนึ่งทางเลือกของคนที่อยู่เงียบ ๆ คนเดียวไม่เป็น ตัวช่วยคือเล่นกีฬาคนเดียว ซึ่งเป็นวิธีสร้างความเงียบ เช่น เดิน วิ่ง ว่ายน้ำ ปีนเขา ถักโครเชต์ หรือต่อจิ๊กซอว์ เล่นปริศนาอักษรไขว้ อ่านหนังสือ ทำงานศิลปะ ฯลฯ

Silence Therapy 'ความเงียบบำบัด' ชะล้างจิตใจได้อย่างไร

คนดังที่อยู่กับความเงียบ

Bill Gates มีโปรแกรมส่วนตัวเรียกว่า Think Weeks เขาจะเดินเข้าป่าแล้วอยู่คนเดียวในเคบินที่อยู่ติดทะเลแปซิฟิคทางตะวันตกเฉียงเหนือ เขาไปปีละ 2 ครั้ง เพื่อหลบลี้จากผู้คน

Oprah Winfrey สัปดาห์ละ 2 ครั้งที่เจ้าแม่รายการทอล์คโชว์ ฝึกสมาธิกับโยคีท่านหนึ่ง ใช้เวลาครั้งละ 15-20 นาที นั่งนิ่ง ๆ ปิดตา เป็นความเงียบบำบัดโดยวิธีนั่งสมาธิ เธอบอกว่าช่วยปลดปล่อยความเครียด รู้สึกตัวเบาโล่ง ในขณะเดียวกันก็เหมือนได้เพิ่มพลังความคิดสร้างสรรค์

Steve Jobs เล่ากันว่าเขามี Meeting Silence กับพนักงานอยู่บ่อยครั้ง โดยโยนคำถามที่ท้าทายให้พนักงานคิด โดยไม่ต้องตอบ เขาเชื่อว่าเป็นเทคนิคเสริมสร้างไอเดีย พัฒนานวัตกรรม ทำให้เกิดความคิดใหม่ ๆ อยู่เสมอ

Silence Therapy 'ความเงียบบำบัด' ชะล้างจิตใจได้อย่างไร

เดินคนเดียว (Image by Angela Huang from Pixabay)

ประโยชน์จากความเงียบ 5 ประการ

นักจิตวิทยาชี้ประโยชน์จากความเงียบ 5 ประการ ที่ ควรเงียบให้เป็น ได้แก่

เพิ่มทักษะการฟังและฉลาดขึ้น : เงียบให้เป็นในอีกความหมายหนึ่งคือ รู้จักฟัง เพื่อเพิ่มพูนความฉลาด รู้จักสังเกตสิ่งรอบด้าน และส่งเสริมการทบทวนตัวเอง

เพิ่มสมาธิ ทำให้รักตัวเองมากขึ้น : ความเงียบสะท้อนความคิดในใจตัวเอง เกิดสมาธิ-ปัญญา-สติ ตามหลักคำสอนของพุทธศาสนา ลดความวิตกกังวล

Silence Therapy 'ความเงียบบำบัด' ชะล้างจิตใจได้อย่างไร

อ่านหนังสือคนเดียว

ทำให้ตัวเองน่าสนใจโดยไม่เสแสร้ง : รู้จักเงียบ รู้จักฟังคนอื่น สร้างบุคลิกที่น่าสนใจโดยไม่ตั้งใจ ไม่เสแสร้ง ทว่าเมื่อต้องการบทสนทนาโต้ตอบก็ต้องรู้จักพูดให้เป็นเช่นกัน ไม่ใช่เอาแต่เงียบ

พัฒนาศักยภาพด้านความสัมพันธ์ : เงียบให้เป็นและพูดเมื่อถูกจังหวะจะทำให้ตัวเองดูน่าสนใจ คำพูดมีน้ำหนักมากขึ้น บุคลิกน่าเชื่อถือ

Silence Therapy 'ความเงียบบำบัด' ชะล้างจิตใจได้อย่างไร

วิ่งคนเดียว (Image by Daniel Reche from Pixabay)

ช่วยให้การตัดสินใจถูกต้อง : เมื่ออยู่ในโลกความเงียบจะสร้างพลังพิเศษทำให้สมองทำงานดีขึ้น เกิดความคิดสร้างสรรค์ คิดเป็นเหตุเป็นผล

 

อ้างอิง: hopetrustindia