กรุงเทพฯ ผงาดแชมป์โลก! ติดอันดับ 1 เมืองในฝัน Digital Nomad ปี 2025

กรุงเทพฯ ผงาดแชมป์โลก! ติดอันดับ 1 เมืองในฝัน Digital Nomad ปี 2025

กรุงเทพฯ เมืองดีที่สุดในใจชาว Digital Nomad ครบทั้งความคุ้มค่า และคุณภาพชีวิตดี โดดเด่นด้วยระบบขนส่งสะดวก มี co-working space ทั่วเมือง และติดเทรนด์บน Instagram กว่า 37.2 ล้านแฮชแท็ก

KEY

POINTS

  • ไทยครองพื้นที่ในใจ Digital Nomad มากที่สุดในโลก มีถึง 7 เมืองในไทยติดอันดับ 100 เมืองยอดนิยม ได้แก่ กรุงเทพฯ, นครราชสีมา, เชียงใหม่, เกาะพะงัน ฯลฯ ครบทั้งความคุ้มค่า และคุณภาพชีวิตดี
  • โคราช คือม้ามืดค่าครองชีพถูกที่สุดใน Top 10 ชาว Nomad ใช้ชีวิตสบายในเมืองขนาดใหญ่ มีโครงสร้างพื้นฐานครบครัน ในงบเพียงราวๆ 34,000-35,000 บาท/เดือน เหมาะสำหรับคนที่ต้องการอยู่พร้อมครอบครัวแบบระยะยาว
  • กรุงเทพฯ ครบทั้งคุณภาพชีวิต ความปลอดภัย และโอกาสเชื่อมต่อโลก โดดเด่นด้วยระบบขนส่งสะดวก มี co-working space ทั่วเมือง และติดเทรนด์บน Instagram กว่า 37.2 ล้านแฮชแท็ก

การทำงานจากที่ไหนก็ได้บนโลกใบนี้ แค่มีอินเทอร์เน็ตและแล็ปท็อป หรือที่เรียกว่า Digital Nomad กลายเป็นรูปแบบการใช้ชีวิตและทำงานที่พบเห็นได้ทั่วไปในยุคนี้ และปี 2025 คือช่วงเวลาที่คนทั่วโลกเริ่มเลือก “ที่อยู่” ไม่ใช่แค่จากความสวยงามของสถานที่ แต่ต้องตอบโจทย์ทั้งคุณภาพชีวิต ความปลอดภัย ค่าครองชีพ และโครงสร้างพื้นฐานการทำงานระยะไกล 

ไม่นานมานี้ มีรายงานจาก HotelWithTub แพลตฟอร์มค้นหาที่พักทั่วโลก ได้สำรวจและจัดอันดับ 100 เมืองที่ดีที่สุดในโลกสำหรับ Digital Nomad ปี 2025 จากการเก็บข้อมูลกว่า 1,300 เมืองทั่วโลก โดยตามรายงานฉบับนี้เผยให้เห็นว่า "ประเทศไทย" ครองตำแหน่งเบอร์หนึ่งของโลก โดยมีถึง 7 เมืองติดอันดับ ซึ่งรวมถึง กรุงเทพฯ” ที่คว้าอันดับ 1 และ “นครราชสีมา” (โคราช) ที่ติด Top 5 ด้วยจุดเด่นเรื่องค่าครองชีพต่ำที่สุดในกลุ่ม 10 อันดับแรกจาก 100 อันดับตามรายงานฉบับเต็ม

 

 

การศึกษาครั้งนี้แสดงให้เห็นว่ากระแสของวัยทำงานกลุ่ม Digital Nomad กำลังมุ่งหน้าไปเมืองไหนบ้างในโลก โดยเมืองบางเมืองกำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว แต่บางเมืองกำลังเสื่อมโทรมลง และยังมีเมืองยอดเยี่ยมที่ซ่อนตัวตัวอยู่อย่างคาดไม่ถึงบางแห่งที่ผ่านเข้ารอบด้วย

อีกทั้ง ในรายงานยังชี้ให้เห็นถึงข้อมูลที่น่าสนใจเกี่ยวกับพฤติกรรมการเลือก "เมืองที่จะไปอยู่และทำงาน" ของชาว Nomad โดยสะท้อนออกมาจากคะแนนรวมที่ทางทีมสำรวจวิเคราะห์ออกมาในหลากหลายมิติ ทั้งในแง่ค่าครองชีพ คุณภาพชีวิต ความปลอดภัย ความนิยมบนสื่อโซเชีบลมีเดีย ฯลฯ

กรุงเทพมหานคร ประเทศไทย รั้งอันดับ 1 คุ้มค่าคุ้มราคา ความสะดวกครบครัน

กรุงเทพมหานครเป็นเมืองที่คนทำงานทางไกลนิยมไปกันมาก เนื่องจากเป็นเมืองที่ราคาไม่แพง (1,537 ดอลลาร์ต่อเดือน หรือราวๆ 50,000 บาทต่อเดือน สำหรับการทำงานคนเดียว) มีโครงสร้างพื้นฐานที่แข็งแกร่ง และได้คะแนนสูงจากกลุ่ม Digital Nomad (4.55/5) เมืองนี้ดึงดูดนักท่องเที่ยวได้มากกว่า 23 ล้านคนต่อปี และมีอัตราการกลับมาอยู่ซ้ำๆ 18%

ประเทศไทยเป็นประเทศที่มีจำนวนเมืองยอดนิยมที่ติดอันดับ Top 100 Digital Nomad Destinations in 2025 มากที่สุด โดยมีถึง 7 เมือง ได้แก่ กรุงเทพฯ, นครราชสีมา, เกาะพงัน, เชียงใหม่, เกาะลันตา, ภูเก็ต และ กระบี่ ทั้งนี้ ประเทศไทยยังคงเป็นศูนย์กลางของชาว Nomad ในโลกดิจิทัล โดยมีวิถีชีวิตแบบประหยัด และชื่นชอบวัฒนธรรมชุมชนท้องถิ่นที่มีชีวิตชีวา

ขณะที่ นครราชสีมา หรือโคราช รั้งอันดับ 5 ในตาราง โดยเป็นเมืองที่มีค่าครองชีพถูกที่สุดใน 10 อันดับแรกของรายงานฉบับนี้ โดยมีค่าครองชีพเพียง 1,062 ดอลลาร์ต่อเดือน หรือราวๆ 34,500 บาทต่อเดือน และค่าใช้จ่ายสำหรับครอบครัวเพียง 1,100 ดอลลาร์ต่อเดือน หรือราวๆ 35,700 บาทต่อเดือนเท่านั้น

กรุงเทพฯ ผงาดแชมป์โลก! ติดอันดับ 1 เมืองในฝัน Digital Nomad ปี 2025

ลอนดอน (อันดับ 3) คนแชร์รูปลง IG มากที่สุด ส่วนนิวยอร์กซิตี้ แพงสุด!

แม้จะมีค่าครองชีพสูง (5,937 ดอลลาร์ต่อเดือน หรือราวๆ 193,000 บาทต่อเดือนสำหรับการอยู่คนเดียว) แต่ลอนดอนกลับมีการมองเห็นสูงสุดใน Instagram โดยมีแฮชแท็ก 190 ล้านรายการ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความน่าดึงดูดใจทางออนไลน์และความเกี่ยวข้องทางวัฒนธรรม

ขณะที่ ลิสบอน โปรตุเกส (อันดับ 11), คราคูฟ โปแลนด์ (อันดับ 32) และ ออสติน สหรัฐ (อันดับ 72) เป็นเมืองยอดนิยมและสร้างชื่อเสียงให้แก่ประเทศของตนเอง ด้วยโครงสร้างพื้นฐานที่มั่นคง สิ่งอำนวยความสะดวกที่ทันสมัย และความดึงดูดของคนเร่ร่อนที่เพิ่มมากขึ้น โดยลิสบอนมีอัตราการกลับมาอยู่ซ้ำสูงถึง 24%

ในขณะที่ นิวยอร์กซิตี้ สหรัฐ อยู่อันดับที่ 93 ของรายชื่อเมืองที่มีค่าครองชีพแพงที่สุด ด้วยค่าใช้จ่ายแบบอยู่คนเดียวประมาณ 7,679 ดอลลาร์สหรัฐต่อเดือน (ราวๆ 250,000 บาทต่อเดือน) นิวยอร์กซิตี้จึงเป็นเมืองที่มีราคาสูงสุดในรายการ แม้ว่าจะยังคงได้รับความสนใจอย่างมาก และได้คะแนนจากกลุ่ม Digital Nomad อยู่ที่ 3.07 จากคะแนนเต็ม 5 

เมืองเวลิกามา ศรีลังกา ค่าครองชีพถูกที่สุด ส่วน ปอร์โต นักท่องเที่ยวมากที่สุด

ด้วยราคาเพียง 624 ดอลลาร์ต่อเดือน (20,100 บาทต่อเดือน) สำหรับชาว Nomad ที่เดินทางมาอยู่คนเดียว และ 239 ดอลลาร์ต่อเดือน (7,700 บาทต่อเดือน) สำหรับการอยู่ทั้งครอบครัว เวลิกามา จึงเป็นเมืองชายหาดอันเงียบสงบที่มีราคาเอื้อมถึงได้

ขณะที่ เมืองปอร์โต โปรตุเกส (อันดับ 47) ต้อนรับนักท่องเที่ยว 3.7 ล้านคนต่อปี กลายเป็นอีกหนึ่งเมืองที่ชาว Nomad มักจะปักหมุดไว้บนแผนที่การเดินทางของพวกเขา ด้วยจุดแข็งเรื่องค่าใช้จ่ายที่เหมาะสม และเสน่ห์ของชายฝั่งทะเลอันงดงาม 

อย่างไรก็ตาม เมืองยอดนิยม 25 อันดับแรกจาก 100 ส่วนใหญ่ได้รับการจัดอันดับ "ยอดเยี่ยม" ในเรื่องความปลอดภัย และ "ดี" ในเรื่องคุณภาพชีวิต แสดงให้เห็นว่ากลุ่มวัยทำงาน Digital Nomad ให้ความสำคัญกับความมั่นคงพอๆ กับการประหยัดค่าใช้จ่าย

กรุงเทพฯ ผงาดแชมป์โลก! ติดอันดับ 1 เมืองในฝัน Digital Nomad ปี 2025

เปิด 10 อันดับแรก เมืองที่ดีที่สุดของเหล่า Digital Nomad ปี 2025

มาดูกันว่า 10 อันดับเมืองในฝันของเหล่า Digital Nomad ในปีนี้มีเมืองใดบ้าง พร้อมเหตุผลที่ทำให้พวกเขาเลือก “เชื่อมต่อชีวิต” จากมุมต่างๆ ของโลกเข้ากับชีวิตของพวกเขา 

อันดับ 1 กรุงเทพฯ, ประเทศไทย (91/100) 

กรุงเทพฯ ขึ้นแท่นเบอร์หนึ่งด้วยคุณสมบัติครบเครื่อง ทั้งค่าครองชีพที่เข้าถึงได้ ระบบขนส่งที่สะดวก อินเทอร์เน็ตเสถียร และวัฒนธรรมที่มีสีสัน ชาว Nomad ให้คะแนนสูงถึง 4.55 เต็ม 5

ค่าครองชีพ: คนโสดอยู่ที่ 1,537 ดอลลาร์/เดือน, ครอบครัวไม่เกิน 2,900 ดอลลาร์/เดือน
ความปลอดภัย: ระดับ “ดี”  อัตรากลับมาอยู่ซ้ำ: 18%
ผู้มาเยือนต่อปี: 23 ล้านคน
แฮชแท็ก Instagram: กว่า 37.2 ล้านครั้ง
จุดแข็ง: มี co-working space หลากหลายตั้งแต่ตึกหรูใจกลางเมืองไปจนถึงคาเฟ่สวน บรรยากาศน่าอยู่ คุ้มค่าเกินราคา

อันดับ 2 ดูไบ, สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (89/100)

ดูไบคือจุดหมายที่หรูหราและล้ำสมัย เหมาะกับสาย nomad ที่มองหาสภาพแวดล้อมปลอดภัย เทคโนโลยีระดับโลก และโอกาสเชื่อมต่อธุรกิจ

ค่าครองชีพ: คนโสด 3,156 ดอลลาร์/เดือน, ครอบครัว 8,000+ ดอลลาร์/เดือน
ความปลอดภัย: ระดับ “ดีเยี่ยม” อัตรากลับมาอยู่ซ้ำ: 16%
ผู้มาเยือนต่อปี: 16 ล้านคน
แฮชแท็ก Instagram: 167.2 ล้านครั้ง
จุดแข็ง: มีวีซ่าระยะยาวสำหรับ nomad, อินเทอร์เน็ตเร็ว มี co-working space หรูหราแบบปรับอากาศ และชุมชนระดับนานาชาติ

อันดับ 3 ลอนดอน, สหราชอาณาจักร (85/100)

แม้ค่าครองชีพจะแพง แต่ลอนดอนคือเมืองแห่งโอกาสสำหรับ nomad ที่ต้องการเชื่อมต่อเครือข่ายระดับโลกและใช้ชีวิตกลางเมืองศูนย์กลางวัฒนธรรม

ค่าครองชีพ: คนโสด 5,937 ดอลลาร์/เดือน, ครอบครัว 10,700+ ดอลลาร์ต่อเดือน
ความปลอดภัย: “ดีเยี่ยม”  อัตรากลับมาอยู่ซ้ำ: 15%
ผู้มาเยือนต่อปี: 19.8 ล้านคน
แฮชแท็ก Instagram: สูงสุดในโลกที่ 190 ล้านครั้ง
จุดแข็ง: เหมาะกับสายครีเอทีฟ สตาร์ทอัป นักการเงิน และฟรีแลนซ์ที่มองหาโอกาสระดับโลก

อันดับ 4 โตเกียว, ญี่ปุ่น (81/100)

โตเกียวมอบประสบการณ์การใช้ชีวิตที่สมดุล ปลอดภัย สะอาด และเป็นระเบียบ เหมาะกับ nomad ที่ชอบประสิทธิภาพแบบญี่ปุ่น

ค่าครองชีพ: คนโสด 3,284 ดอลลาร์/เดือน, ครอบครัว 4,366 ดอลลาร์/เดือน
ความปลอดภัย/คุณภาพชีวิต: ระดับ “ดีเยี่ยม” อัตรากลับมาอยู่ซ้ำ: 17%
ผู้มาเยือนต่อปี: 20 ล้านคน
แฮชแท็ก Instagram: 16 ล้านครั้ง
จุดแข็ง: เหมาะกับนักพัฒนา นักวิชาการ ครีเอทีฟสายเงียบๆ ที่ต้องการโฟกัสกับงานในเมืองที่มีระเบียบ

อันดับ 5 นครราชสีมา (โคราช), ประเทศไทย (80/100)

เมืองรองอย่างโคราชกลับสร้างเซอร์ไพรส์ด้วยค่าครองชีพต่ำที่สุดในกลุ่ม Top 10 แต่ยังครบเครื่องเรื่องความปลอดภัยและคุณภาพชีวิต

ค่าครองชีพ: คนโสด 1,062 ดอลลาร์/เดือน, ครอบครัว 1,100 ดอลลาร์/เดือน
ความปลอดภัย: “ดีเยี่ยม” อัตรากลับมาอยู่ซ้ำ: 14%
ผู้มาเยือนต่อปี: เกือบ 10 ล้านคน
แฮชแท็ก Instagram: เพียง 82,000 ครั้ง
จุดแข็ง: เมืองน่าอยู่ ค่าครองชีพต่ำมาก เหมาะสำหรับคนที่อยากใช้ชีวิตเรียบง่ายในเมืองใหญ่ของไทย

กรุงเทพฯ ผงาดแชมป์โลก! ติดอันดับ 1 เมืองในฝัน Digital Nomad ปี 2025

อันดับ 6 โซล, เกาหลีใต้ (80/100)

โซลคือเมืองที่มีทั้งความทันสมัย ความปลอดภัย และวัฒนธรรมร่วมสมัย เหมาะกับ nomad ที่ต้องการความเร็วและความมั่นคง

ค่าครองชีพ: คนโสด 2,561 ดอลลาร์/เดือน, ครอบครัว 3,714 ดอลลาร์/เดือน
ความปลอดภัย: “ดีเยี่ยม” อัตรากลับมาอยู่ซ้ำ: 14%
ผู้มาเยือนต่อปี: 7.7 ล้านคน 
ความนิยมบน Instagram: 27 ล้านครั้ง
จุดแข็ง: คนสายเทค สายดีไซน์ และครูสอนภาษา ที่ต้องการโครงสร้างพื้นฐานที่ครบพร้อม

อันดับ 7 ไทเป, ไต้หวัน (78/100)

เมืองเล็กที่กำลังมาแรงในกลุ่มชาว Nomad ไทเปให้ความรู้สึกปลอดภัย มีระบบขนส่งสะดวก และค่ารักษาพยาบาลถูก

ค่าครองชีพ: คนโสด 2,330 ดอลลาร์/เดือน, ครอบครัว 3,000+ ดอลลาร์/เดือน
ความปลอดภัย: “ดีเยี่ยม” อัตรากลับมาอยู่ซ้ำ: 14%
ผู้มาเยือนต่อปี: 9.3 ล้านคน
แฮชแท็ก Instagram: 20 ล้านครั้ง
จุดแข็ง: ความเรียบง่ายแต่ยังคงความสะดวกสบาย พร้อมความเป็นมิตรจากคนท้องถิ่น

อันดับ 8 บาร์เซโลนา, สเปน (78/100)

เมืองที่ผสมผสานการทำงานกับชีวิตสบายริมทะเลไว้ด้วยกัน บาร์เซโลนาเหมาะสำหรับคนที่รักศิลปะ อาหาร และแสงแดด

ค่าครองชีพ: คนโสด 5,509 ดอลลาร์/เดือน, ครอบครัว 6,000+ ดอลลาร์/เดือน
ความปลอดภัย: “ดีเยี่ยม”  อัตรากลับมา: 15%
ผู้มาเยือนต่อปี: 7.6 ล้านคน
แฮชแท็ก Instagram: 78 ล้านครั้ง
จุดแข็ง: ไลฟ์สไตล์แบบยูโรปผสมความเป็นเมืองชายทะเล สนับสนุนผู้ประกอบการและฟรีแลนซ์สายครีเอทีฟ

อันดับ 9 บัวโนสไอเรส, อาร์เจนตินา (78/100)

เมืองหลวงสายละตินที่ให้ความรู้สึก cosmopolitan ในราคาประหยัด วัฒนธรรมแน่น และมีชีวิตกลางคืนคึกคัก

ค่าครองชีพ: คนโสด 1,600 ดอลลาร์/เดือน, ครอบครัว 1,725 ดอลลาร์/เดือน
ความปลอดภัย: “โอเค”  อัตรากลับมาอยู่ซ้ำ: 18%
ผู้มาเยือนต่อปี: 2.2 ล้านคน
แฮชแท็ก Instagram: 29 ล้านครั้ง
จุดแข็ง: ดนตรีดีเยี่ยม อาหาร และไลฟ์สไตล์ละตินที่ยังคงราคาย่อมเยา

อันดับ 10 ทบิลิซี, จอร์เจีย (77/100)

เมืองสุดคุ้มสำหรับสาย budget ที่ยังอยากได้คุณภาพชีวิตดี วีซ่าอยู่ยาว และไวน์ถูกกว่ากาแฟ!

ค่าครองชีพ: คนโสด 2,120 ดอลลาร์/เดือน, ครอบครัว 3,500 ดอลลาร์/เดือน
ความปลอดภัย: “ดี”  อัตรากลับมาอยู่ซ้ำ: 17%
ผู้มาเยือนต่อปี: 2.5 ล้านคน
แฮชแท็ก Instagram: 4.1 ล้านครั้ง
จุดแข็ง: คาเฟ่ co-working space, วิวเทือกเขาคอเคซัสให้แรงบันดาลใจไม่รู้จบ

หากคุณกำลังมองหาการใช้ชีวิตแบบ “อยู่ได้ ทำงานได้ ไม่ต้องอยู่ในออฟฟิศ” รายชื่อเมืองเหล่านี้คือทางเลือกที่คุ้มค่าและมีคุณภาพในปี 2025 นี้

 

อ้างอิง: hotelwithtub