กับดักวัยทำงาน ชีวิต B+ ดูเหมือนดีแล้ว ไม่ทุกข์ แต่ก็ไม่มีความสุข

กับดักชีวิตแบบ “B+” เหมือนดีพอแล้ว แต่ทำไมกลับรู้สึกเหนื่อยล้า ไม่มีความสุข ไม่เติมเต็มใจ นักวิจัยฮาร์วาร์ด เผย 5 สัญญาณที่ทำให้วัยทำงานหมดไฟ-หมดใจ กับชีวิตการงาน
KEY
POINTS
- รู้จักกับดัก “ชีวิตแบบ B+” ดูเหมือนชีวิต-การงาน จะไปได้ดี แต่กลับรู้สึกเฉยชา หมดพลัง และไม่อินกับสิ่งที่ทำ นั่นอาจเพราะชีวิตภายนอกไม่ตรงกับคุณค่าภายใน หรือเกิดช่องว่างในใจที่เรียกว่า Authenticity Gap
- วัยทำงานจำนวนมากพูดถึงสิ่งที่ตัวเองให้ความสำคัญ เช่น ความคิดสร้างสรรค์ อิสระ หรือการมีส่วนร่วมกับสังคม แต่เมื่อลองดูตารางชีวิตจริงกลับไม่มีสิ่งเหล่านั้นอยู่เลย
- ถ้าคุณมักจินตนาการถึงการลาออก ย้ายเมือง หรือเริ่มต้นใหม่ นั่นไม่ใช่การพัฒนาชีวิต แต่คือความพยายามหลีกหนีจากความไม่พอใจบางอย่างที่คุณไม่กล้ายอมรับมัน
คุณเคยรู้สึกไหมว่า...ชีวิตตอนนี้ก็ดูไปได้ดี ไม่ได้แย่ แต่ก็ไม่ได้รู้สึก “มีความสุขสุดๆ” เหมือนที่เคยฝันไว้ นี่อาจไม่ใช่เรื่องเล็ก เพราะ ดร.ซูซี่ เวลช์ (Suzy Welch) ศาสตราจารย์จาก NYU Stern School of Business ผู้ซึ่งสำเร็จการศึกษาจากฮาร์วาร์ด เตือนว่า วัยทำงานจำนวนมากกำลังติดกับดักของ “ชีวิตแบบ B+” หรือชีวิตที่ดูดีในสังคม แต่ข้างในจิตใจกลับรู้สึกเหนื่อยล้า ไม่เป็นตัวของตัวเอง และขาดความหมาย
หากยังไม่แน่ใจในเรื่องนี้ คุณอาจเริ่มจากถามตัวเองว่า ตอนนี้คุณรู้สึกว่าชีวิตของคุณเป็นอย่างไรบ้าง? ...ก็โอเคแล้ว พอใช้ได้? หรือ รู้สึกมีชีวิตชีวาอย่างแท้จริง มีพลัง ความหวัง และความอิ่มเอมใจ ตื่นขึ้นมาแล้วรู้สึกตื่นเต้นกับวันพรุ่งนี้ สัปดาห์หน้า หรืออีกสิบปีข้างหน้า?
ถ้าคุณรู้สึกอย่างแรก นั่นอาจเป็นสัญญาณว่าคุณกำลังใช้ชีวิตในแบบที่ ดร.เวลช์ เรียกว่า “ชีวิตแบบ B+” ซึ่งจากการวิจัยและประสบการณ์การสอนของเธอ ค้นพบว่า การใช้ชีวิตลักษณะนี้แม้อาจดูไม่แย่ แต่ในระยะยาว มันก็อาจเป็นกับดักที่ทำร้ายเราโดยไม่รู้ตัว
เพราะหากเรารู้สึกว่าชีวิตดู “โอเค” หรือ “ดีพอแล้ว” เราก็มักจะไม่ขวนขวายเปลี่ยนแปลงอะไร เราไม่ลงมือทำเพื่อตามหาสิ่งที่อาจดีกว่านั้น เพื่อจะก้าวข้ามสิ่งเดิมแล้วมุ่งหน้าสู่ “ชีวิตแบบ A+” ที่เต็มไปด้วยความจริงแท้และความหมายของชีวิต
นักวิจัยย้ำว่า คนที่เป็นคนให้คะแนนชีวิตเรา ไม่ใช่สังคม ไม่ใช่ครอบครัว หรือเจ้านายของเรา แต่คือตัวเราเอง
เศรษฐกิจผันผวน การเมืองวุ่นวาย วัยทำงานใช้ชีวิตยาก แค่เอาตัวให้รอดก็เหนื่อยแล้ว
ในฐานะนักวิชาการด้านธุรกิจที่ศึกษาเรื่องเส้นทางอาชีพ ดร.เวลช์ เข้าใจดีว่าการเอาตัวรอดในเศรษฐกิจที่ซับซ้อนแบบนี้ บางทีก็ถือว่าเป็นชัยชนะแล้ว และบางครั้งต้องเผชิญอุปสรรคในชีวิต อย่างเช่นการสูญเสียคนรัก หรือการต่อสู้กับปัญหาสุขภาพจิต อาจทำให้การมี “ชีวิตที่สมบูรณ์แบบ” ดูเป็นไปไม่ได้เลย
แต่หลังจากที่เธอได้ทำงานร่วมกับคนวัยทำงานช่วงต้นจนถึงกลางของเส้นทางอาชีพมากกว่าหลายพันคน ทั้งในฐานะอาจารย์ นักวิจัย และที่ปรึกษา เธอก็พบว่า วัยทำงานจำนวนมากไม่ได้ใช้ชีวิตที่ตรงกับตัวตนของตัวเองอย่างแท้จริง พวกเขาแค่เอาชีวิตให้รอดก่อน แม้จะไม่ต้องการชีวิตแบบนั้น แล้วค่อยๆ ปรับตัวให้ชินกับชีวิตที่ไม่สอดคล้องกับ “คุณค่าหลักในใจ” จนกลายเป็นนิสัย ยิ่งนานวัน ก็ยิ่งห่างไกลจากความฝันที่เคยมี
ดร.เวลช์ เรียกภาวะนี้ว่า “Authenticity Gap” หรือช่องว่างระหว่างสิ่งที่ชีวิตเราดูเป็นภายนอก กับสิ่งที่ใจเราต้องการจริงๆ คนเราส่วนใหญ่เคยชินกับการใช้ชีวิตที่มากเกินพอดี หรือน้อยเกินพอดีอยู่บ่อยๆ โดยไม่ได้พยายามมองหาหรือปรับมันให้พอดีกับชีวิตและจิตใจของตนเองสักที
เราบอกตัวเองว่า “ความฝันที่เคยมีมันงี่เง่า ไม่มีใครได้ในสิ่งที่ต้องการหรอก”
คุณรู้จัก “คุณค่าชีวิต” ของตัวเองดีแค่ไหน?
เนื่องจาก ดร.เวลช์ เป็นอาจารย์และนักวิจัยที่ศึกษาด้านเส้นทางอาชีพ และได้พัฒนาวิธีการรู้จัก "เป้าหมายและคุณค่าชีวิต" ที่แท้จริง ซึ่งผ่านการพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์จนกลายเป็นหลักสูตรชื่อ “Becoming You: Crafting the Authentic Life You Want and Need” ซึ่งเปิดสอนอยู่ที่มหาวิทยาลัยนิวยอร์ก (NYU Stern School of Business)
หลักสูตรนี้ มีตั้งแต่การสอนบรรยาย ไปถึงเวิร์กช็อปต่างๆ ทั้งในองค์กรและสำหรับสาธารณชน ถูกนำไปใช้กับผู้คนมากกว่า 10,000 คนทั่วโลก โดยพื้นฐานของวิธีการนี้คือความเชื่อที่ว่า เป้าหมายของชีวิตเรานั้นอยู่ตรงจุดตัดระหว่าง 3 สิ่งคือ 1.คุณค่าหลักที่เรายึดถือ 2.ความถนัดทั้งด้านความคิดและอารมณ์ และ 3.ความสนใจที่สามารถต่อยอดให้เกิดรายได้อย่างยั่งยืน
ความถนัดและความสนใจมักจะเป็นสิ่งที่เรารู้ตัวอยู่แล้ว แต่สิ่งที่คนส่วนใหญ่ไม่ค่อยรู้ชัด ก็คือ “คุณค่าชีวิต” หรือสิ่งที่สำคัญต่อจิตใจเราจริงๆ ซึ่งข้อมูลตรงนี้จำเป็นต้องขุดค้นขึ้นมาผ่านการทดสอบที่เรียกว่า “Values Testing”
เมื่อเรารู้แล้ว เราก็จะสามารถเปลี่ยนจากการใช้ชีวิตแบบ “ปล่อยไปเรื่อยๆ ตามชะตากรรม” มาเป็นการใช้ชีวิตแบบ “ออกแบบด้วยตัวเองได้” แม้จะไม่มีสูตรสำเร็จที่ง่ายดาย แต่ผลลัพธ์คือแผนที่นำพาเราจาก B+ ไปสู่ชีวิตที่อิ่มเอมมากกว่านั้น
เปิด 5 สัญญาณอันตราย “ชีวิตแบบ B+” คุณเข้าข่ายไหม?
ถ้าคุณอยากรู้ว่าตัวเองกำลังอยู่ใน “ชีวิตแบบ B+” หรือไม่ ลองพิจารณาสัญญาณเหล่านี้
1. คุณรู้สึกหมดพลังบ่อย แม้ชีวิตจะดู “ประสบความสำเร็จ”
คุณอาจจะมีเป้าหมายในชีวิต มีหน้าที่การงานที่ดี หรือชีวิตส่วนตัวที่มั่นคง แต่คุณกลับรู้สึกเหนื่อยล้า มึนชา ไม่อินกับสิ่งที่ทำอยู่ หรือหมดไฟอยู่ลึกๆ ช่องว่างระหว่าง “สิ่งที่คุณใช้ชีวิตอยู่” กับ “สิ่งที่คุณเป็นจริงๆ” นี้ คือสิ่งที่เรียกว่า “Authenticity Gap” เหมือนใส่สูทที่ใหญ่หรือเล็กกว่าตัวเอง
2. พูดถึงคุณค่าที่สำคัญในชีวิต แต่ชีวิตจริงกลับไม่มีสิ่งนั้นเลย
คุณอาจพูดว่าให้ความสำคัญกับการมีอิสระ ความคิดสร้างสรรค์ การรับใช้สังคม หรือการอยู่ร่วมกับชุมชน แต่ถ้าลองเปิดดูตารางชีวิตของคุณ มันอาจเต็มไปด้วยเรื่องที่ไม่สอดคล้องกับสิ่งที่คุณบอกว่าคุณให้คุณค่ากับมัน
3. คุณรู้สึกเหมือน “แสดงชีวิต” มากกว่า “ใช้ชีวิต”
ถ้าคุณซื่อสัตย์กับตัวเองจริงๆ คุณอาจยอมรับว่าคุณกำลังสร้างภาพ หรือพยายามได้รับการยอมรับ มากกว่าการใช้ชีวิตอย่างแท้จริง แดน แฮร์ริส ผู้เชี่ยวชาญด้านการเจริญสติ และพิธีกรพอดแคสต์ 10% Happier เรียกสิ่งนี้ว่าเป็น “การขาดการอยู่กับปัจจุบัน” คุณมัวแต่วิ่งไล่ตามบางอย่าง จนลืมไปว่าการอยู่เฉยๆ อย่างมีสติคือสิ่งที่ขาดหาย
4. คุณมีปัญหาในความสัมพันธ์ที่สำคัญอยู่ซ้ำๆ
ความขัดแย้ง ความรู้สึกอึดอัด หรือความห่างเหินทางอารมณ์ อาจเกิดขึ้นได้เมื่อคุณกดความต้องการของตัวเองไว้ ไม่กล้าวางขอบเขต หรือไม่กล้าเปิดเผยตัวตนที่แท้จริง งานวิจัยของ ดร.เวลช์ชี้ชัดว่า การไม่ใช้ชีวิตที่เป็นตัวของตัวเอง มีผลกระทบต่อคุณภาพความสัมพันธ์กับคนรอบข้างอย่างชัดเจน
5. คุณมักจินตนาการถึงการ “หนีไปอยู่ที่อื่น” มากกว่าการ “พัฒนาในชีวิตปัจจุบัน”
คุณอาจชอบนึกภาพการลาออก หนีไปเริ่มใหม่ หรือใช้ชีวิตในอีกเมืองหนึ่ง สิ่งเหล่านี้ไม่ใช่ความฝันของการเปลี่ยนแปลงตัวเอง แต่มันคือความต้องการหลีกหนีจากชีวิต ที่ไม่ตรงกับตัวตนของคุณเลยต่างหาก
ชีวิตแบบ B+ เพียงพอแล้วจริงๆ หรือ?
อย่างที่ ดร.เวลช์ บอกไปข้างต้นว่า ชีวิตแบบ B+ อาจเป็นสิ่งที่หลายคนไม่เคยคิดฝันว่าจะมีได้ด้วยซ้ำ มันอาจเป็น “ดีพอ” สำหรับบางคนแล้ว แต่สำหรับอีกหลายคน ความรู้สึกโหยหาความหมายและความแท้จริงในชีวิต มันค่อยๆ สะสมจนกลายเป็นความไม่สบายใจเรื้อรัง และสุดท้ายอาจพาไปสู่การเปลี่ยนแปลงใหญ่ในชีวิต ไม่ว่าจะด้วยความตั้งใจของเราเอง หรือเพราะสถานการณ์บีบบังคับ
ทางออกคือการทำความเข้าใจ “คุณค่าชีวิต” ของตัวเองให้ชัดเจนที่สุด และที่สำคัญไม่แพ้กันก็คือ การยอมรับว่าชีวิตที่คุณเป็นอยู่ตอนนี้ สอดคล้องกับสิ่งที่หัวใจคุณต้องการหรือยัง? เมื่อเข้าใจสิ่งนี้แล้ว วัยทำงานจะสามารถก้าวข้ามโซนปลอดภัย และเดินหน้าไปสู่ชีวิตที่ดีกว่าได้อย่างแท้จริง
อ้างอิง: CNBC, 10% Happier, Suzy Welch