เข้าออฟฟิศทุกวัน เรียนรู้งานใกล้ชิดคนเก่ง คือกุญแจความสำเร็จ

Emma Grede ซีอีโอมหาเศรษฐีผู้สร้างตัวเอง เผย ทำงานรีโมตไม่ใช่ปัญหา แต่ถ้าคุณ ‘ทะเยอทะยานอย่างจริงจัง’ (เพื่อความสำเร็จ) การเข้าออฟฟิศทุกวันคือทางลัดสู่ความเก่ง
KEY
POINTS
- การทำงานใกล้ชิดกับคนเก่งๆ คือ ครูที่ดีที่สุด เอ็มมา กรีด (Emma Grede) ยกตัวอย่างประสบการณ์การเรียนรู้อย่างลึกซึ้งจากการนั่งใกล้เจ้านาย จดจำคำพูด และซึมซับวิธีการสื่อสารตั้งแต่ช่วงเริ่มต้นอาชีพ
- เข้าออฟฟิศ 5 วันต่อสัปดาห์ไม่ใช่เรื่องล้าสมัย สำหรับธุรกิจที่ยังอยู่ในช่วงเริ่มต้น เธอเชื่อว่าพนักงานควรมีส่วนร่วมเต็มที่แบบพบหน้า เพื่อผลักดันผลงานให้ดีที่สุด
- ทำงานไฮบริดก็มีข้อดี แต่ไม่ได้เหมาะกับทุกตำแหน่ง แม้พนักงานหลายคนจะชอบความยืดหยุ่น แต่ตำแหน่งที่ต้องเรียนรู้งานมากๆ หรือเกี่ยวข้องกับการพัฒนาผลิตภัณฑ์อย่างใกล้ชิด ยังต้องการการพบปะในออฟฟิศ
หนึ่งในเทรนด์การทำงานที่คนรุ่นใหม่สมัยนี้ชื่นชอบ คงหนีไม่พ้นการทำงานแบบไฮบริด (เข้าออฟฟิศไม่กี่วันต่อสัปดาห์) หรือการทำงานระยะไกล (Remote work) แต่สำหรับ "เอ็มมา กรีด" (Emma Grede) ผู้ร่วมก่อตั้งแบรนด์เสื้อผ้าชื่อดังอย่าง Skims และ Good American กลับมองว่า การทำงานแบบใกล้ชิดกับผู้นำองค์กร หัวหน้า หรือคนทำงานเก่งๆ ในออฟฟิศทุกวันต่างหาก ที่หล่อหลอมให้เธอประสบความสำเร็จในวันนี้ จนมีทรัพย์สินกว่า 405 ล้านดอลลาร์สหรัฐในวัย 42 ปี
“การทำงานแบบใกล้ชิด” เปลี่ยนชีวิตให้กลายเป็นเศรษฐี
ปัจจุบัน เอ็มมา กรีด เป็นซีอีโอของแบรนด์เสื้อผ้า Good American เปิดเผยในรายการพอดแคสต์ The Skinny Confidential Him and Her เมื่อวันที่ 12 พฤษภาคมที่ผ่านมา ว่า การนั่งทำงานใกล้เจ้านายตั้งแต่ช่วงต้นของชีวิตการทำงาน คือจุดเปลี่ยนสำคัญในเส้นทางอาชีพของเธอ
“ฉันจดทุกคำที่เจ้านายพูดในที่ประชุม แล้วเอามาใช้ตอนโทรหาลูกค้า ฉันเรียนรู้จากจังหวะการพูด คำที่เลือก และบุคลิกของเขา นั่นคือการเรียนรู้จากความใกล้ชิดอย่างแท้จริง” เธอ เล่าในรายการดังกล่าว
กรีดยังย้ำว่า ในธุรกิจที่เกี่ยวกับการสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ การที่ทุกคนในทีมทำงานไม่อยู่ในห้องเดียวกัน อาจทำให้คุณพลาดการตัดสินใจสำคัญหรือโอกาสในการเรียนรู้ และในบริษัทของเธอ พนักงานมักจะเข้าออฟฟิศครบ 5 วันต่อสัปดาห์กันเป็นปกติ
เข้าออฟฟิศ 3 วันก็ไม่ผิด แต่มันแค่ไม่ใช่สำหรับ "เอ็มมา กรีด"
แม้เธอจะไม่ต่อต้านการทำงานแบบไฮบริด แต่ก็สะท้อนมุมมองว่าธุรกิจที่เพิ่งเริ่มต้นอย่าง Skims, Good American หรือแบรนด์ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดอย่าง Safely ที่เธอร่วมก่อตั้ง ล้วนต้องการพนักงานที่ “ให้เวลากับงานเต็มร้อยทุกวัน”
“ถ้าคุณเป็นคนแบบเข้าออฟฟิศแค่ 3 วันต่อสัปดาห์ นั่นก็ไม่ผิดอะไรเลย แค่อาจจะไม่เหมาะกับที่นี่ และไม่เหมาะกับฉัน” เธอย้ำ
แน่นอนว่าเธอพร้อมยืดหยุ่นตามสถานการณ์ เช่น การให้พนักงานที่เพิ่งกลับมาหลังลาคลอดทำงานแบบไฮบริด แต่โดยทั่วไป เธอยืนยันว่า “คนส่วนใหญ่ในบริษัทต้องเข้าออฟฟิศ 5 วันต่อสัปดาห์”
งานยืดหยุ่นมีข้อดี แต่อาจไม่เหมาะสมกับทุกบทบาทอาชีพ
ข้อมูลจาก Gallup ปี 2023 ระบุว่า พนักงานจำนวนมากมองว่างานแบบไฮบริดช่วยให้ชีวิตดีขึ้น ทั้งในแง่สมดุลชีวิตกับงาน การใช้เวลาทำงานได้คุ้มค่ามากขึ้น ไปจนถึงความเหนื่อยน้อยลงระหว่างวัน อย่างไรก็ตาม ยังมีบางส่วนที่พบข้อเสีย เช่น ความรู้สึกผูกพันกับองค์กรที่ลดลง การร่วมมือกับทีมที่ไม่ลื่นไหลเท่าเดิม และความสัมพันธ์กับเพื่อนร่วมงานที่ห่างเหินลง
เดฟ โกรว์ (Dave Grow) ซีอีโอของ Lucid Software ให้ความเห็นว่า ผู้บริหารหลายคนยังไม่พอใจกับรูปแบบการทำงานไฮบริดที่ใช้กันอยู่ในปัจจุบัน เพราะยังไม่สามารถสร้างประสิทธิภาพการทำงานให้เทียบเท่ากับการพบหน้ากันในออฟฟิศได้ โดยเขาแนะนำให้ผู้นำองค์กรพัฒนาทักษะการสื่อสารออนไลน์ของทีมให้ดีขึ้น เพื่อใช้ประโยชน์จากการทำงานทางไกลให้เต็มที่
สุดท้าย เอ็มมา กรีด ย้ำว่า แม้จะมีข้อยกเว้นสำหรับบางกรณี แต่สำหรับคนที่กำลังเริ่มต้นอาชีพ หรืออยู่ในช่วงสร้างตัว ความใกล้ชิดกับที่ทำงานและผู้นำยังคงมีความสำคัญอย่างยิ่ง
หากคุณเป็นคนที่ทะเยอทะยานอย่างแท้จริง การเข้าออฟฟิศทุกวันอาจไม่ใช่ภาระ แต่เป็นโอกาสทองในการเรียนรู้ เติบโต และก้าวสู่ความสำเร็จอย่างรวดเร็วกว่าเดิม
อ้างอิง: CNBC Make it







