กล้านำ…แม้ยังกลัว | Leading For Future

กล้านำ…แม้ยังกลัว | Leading For Future

ความกล้าไม่ใช่พรสวรรค์ แต่เป็นเหมือนกล้ามเนื้อที่ต้องฝึกอย่างต่อเนื่อง องค์กรไทยยุคใหม่ต้องสร้างสนามซ้อมที่ปลอดภัย เพราะเมื่อได้ฝึกกล้าทีละนิด ผู้นำจะเริ่มกล้าในเรื่องใหญ่ 

สัปดาห์ก่อนหน้านี้ ดิฉันมีโอกาสได้พูดคุยกับผู้นำองค์กรกว่า 40 องค์กร เกี่ยวกับประเด็นความท้าทายในการปั้นผู้นำรุ่นถัดไป  

สิ่งที่หลายคนเห็นตรงกันอย่างน่าประหลาดคือ พวกเขามีผู้นำเก่งอย่างไม่ต้องสงสัย หลายคนเก่งงาน รู้ลึก รู้จริง ทำงานนั้นมาตลอดชีวิต หลายคนเก่งคน เก่งบริหารทีม สามารถนำทีมให้บรรลุเป้าหมายอย่างต่อเนื่อง หลายคนมีประสบการณ์ยาวนานเป็นที่เคารพขององค์กร แต่เมื่อพูดถึงการตัดสินใจบางเรื่องสำคัญ คนเหล่านี้กลับดูไม่กล้า แม้จะรู้ดีว่าอะไรควรทำ แต่สุดท้ายกลับลังเล หยุดรอดูท่าที หรือหลีกเลี่ยงไม่ตัดสินใจเลย 

ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา คำว่า “ความกล้า” (Courage) เริ่มกลายเป็นคำที่ถูกพูดถึงมากขึ้นในแวดวงผู้นำองค์กร โดยเฉพาะเมื่อโลกเปลี่ยนเร็วและไม่แน่นอนอย่างทุกวันนี้ แต่ในความเป็นจริง เรากลับพบว่าความกล้าเป็นสิ่งที่ขาดหายไปมากที่สุดในโลกของการทำงาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในบริบทขององค์กรไทยยุคใหม่ที่กำลังเผชิญความท้าทายรอบด้าน ทั้งเรื่องนวัตกรรม การแข่งขันระดับโลก และแรงงานหลายเจนเนอเรชันที่มีมุมมองไม่เหมือนกัน 

ความกล้าที่เราหมายถึง ไม่ใช่ความกล้าหาญแบบฮีโร่ ไม่ใช่การฝืนเดินเข้ากองเพลิง ไม่ใช่การเดินฝ่ากระแสต้านเพียงลำพัง แต่คือความกล้าที่จะคิดอย่างอิสระ กล้าตัดสินใจอย่างชัดเจน และกล้าลงมือทำแม้จะยังมีความกลัวความไม่มั่นใจอยู่ก็ตาม 

ทำไมผู้นำเป็นจำนวนมากยังไม่กล้า​

หลายครั้งที่เราเห็นผู้นำองค์กรลังเลทั้งที่รู้ดีว่าควรตัดสินใจ รู้ว่าควรพาทีมเปลี่ยนแปลง รู้ว่าควรลองอะไรใหม่ ๆ แต่สุดท้ายก็ถอย เพราะความไม่สบายใจกับอารมณ์บางอย่างในใจ อาทิ กลัวผิด กลัวเสียหน้า กลัวคนไม่พอใจ กลัวดูใจร้อน กลัวโดนมองว่าแตกแถว 

โดยเฉพาะในองค์กรไทยที่ยังให้ความสำคัญกับความสัมพันธ์ ความเกรงใจ ความกลมกลืนและการเคารพในลำดับชั้นแบบอาวุโส ผู้นำจึงมักเลือกเลื่อนการตัดสินใจแทนที่จะกล้ารับบทผู้นำอย่างเต็มตัว 

ไม่ใช่แค่เรื่องอารมณ์เท่านั้น แต่ผู้นำไทยหลายคนยังขาดทักษะสำคัญอย่างการตัดสินใจอย่างมั่นใจ (Assertive Decision-Making)  มีเหตุผล กล้าพูดอย่างตรงไปตรงมาโดยไม่ก้าวร้าว และรับผิดชอบผลลัพธ์ที่ตามมา Assertiveness ไม่ใช่ความแข็งกร้าว แต่คือความมั่นใจอย่างมีศิลปะ เป็นทักษะที่ผู้นำยุคใหม่จำเป็นต้องมีโดยเฉพาะในองค์กรที่เปลี่ยนแปลงเร็ว ต้องทดลองและต้องตอบสนองต่อสถานการณ์ที่ซับซ้อน เมื่อไม่มีพื้นที่ให้ลอง ไม่มีระบบที่ยอมให้พลาด และไม่มีใครกล้าปรบมือให้ความพยายามมากเท่ากับผลลัพธ์ ก็ไม่แปลกที่ความกล้าจะยังเป็นพฤติกรรมที่ไม่ได้ถูกส่งเสริม  

ถึงเวลาสร้างกล้ามเนื้อความกล้าในองค์กรไทย 

ความกล้าไม่ใช่พรสวรรค์ แต่เป็นเหมือนกล้ามเนื้อที่ต้องฝึกอย่างต่อเนื่อง องค์กรไทยยุคใหม่ต้องสร้างสนามซ้อมที่ปลอดภัย ให้ผู้นำได้ลองตัดสินใจในเรื่องเล็ก ๆ ได้พูดความเห็นที่ต่าง ได้ลองเสนอแนวทางใหม่ ๆ โดยไม่ถูกมองว่าเป็นตัวประหลาด เพราะเมื่อได้ฝึกกล้าทีละนิด ผู้นำจะเริ่มกล้าในเรื่องใหญ่ 

ในฐานะที่ปรึกษาและโค้ชผู้นำ ดิฉันพบว่า คนที่เติบโตไวในองค์กรวันนี้ ไม่ใช่คนที่เก่งที่สุด แต่คือคนที่กล้าคิด กล้าลอง และกล้ารับผิดชอบ แม้จะยังไม่มั่นใจ 100% ก็ตาม 

โลกใหม่ต้องการผู้นำที่กล้าก้าว ไม่ใช่ผู้นำที่รอให้พร้อม ในโลกที่หมุนเร็วและไม่มีคำว่าคาดเดาได้อีกต่อไป ผู้นำที่กล้าเผชิญความไม่แน่นอน ยืดหยัดในคุณค่า และเดินหน้าแม้ใจยังกลัว คือผู้นำที่องค์กรยุคใหม่ต้องการ

อย่ารอให้พร้อมเพราะความพร้อมไม่มีวันมาถึง จงกล้านำแม้จะยังกลัวอยู่ เพราะนั่นคือจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลงที่แท้จริง