Gen Z ปรึกษางาน ChatGPT มากกว่าหัวหน้า เร็วกว่า ไม่ตัดสิน ไม่กดดัน

Gen Z ปรึกษางาน ChatGPT มากกว่าหัวหน้า เร็วกว่า ไม่ตัดสิน ไม่กดดัน

ผลสำรวจชี้คนรุ่นใหม่ Gen Z Gen Y หันใช้ AI อย่าง ChatGPT เป็นที่ปรึกษาหลักในที่ทำงาน แทนการปรึกษาหัวหน้าตนเอง เพราะตอบเร็ว ไม่ตัดสิน ไร้แรงกดดัน และเข้าถึงง่ายกว่า

KEY

POINTS

  • Gen Z ไว้ใจ AI มากกว่าหัวหน้า 49% ของคนรุ่นใหม่ในอเมริกาเลือกใช้ ChatGPT เพื่อขอความช่วยเหลือในการทำงาน มากกว่าการถามหัวหน้าโดยตรง
  • ปรากฏการณ์พนักงานจำนวนมากใช้ AI เพราะหัวหน้าไม่มีเวลา หรือสภาพแวดล้อมทำให้ไม่กล้าตั้งคำถาม สะท้อนปัญหาการบริหารในองค์กร
  • ระวัง! การฝึก AI ให้ทำงานแทนมากเกินไป อาจกลายเป็นการสร้างเครื่องมือที่เข้ามาแทนงานของตัวเองโดยไม่รู้ตัว หรือที่เรียกว่าการสร้าง “ตัวแทนของตัวเอง”

สำหรับวัยทำงานรุ่น Gen Z ที่เติบโตมาท่ามกลางเทคโนโลยีทันสมัย การมีปัญญาประดิษฐ์ (AI) อย่าง ChatGPT อยู่ในมือ ก็ไม่ต่างจากการมี “ที่ปรึกษาส่วนตัว” คอยช่วยงานตลอดเวลา ล่าสุดผลสำรวจจาก Resume.org ยืนยันปรากฏการณ์นี้ได้ชัดเจน เพราะพบว่า 49% ของ Gen Z ใช้ ChatGPT เพื่อขอความช่วยเหลือในการทำงาน มากกว่าการถามหัวหน้าโดยตรง ขณะที่คนรุ่นมิลเลนเนียล (Gen Y) ก็ไม่น้อยหน้า โดย 47% ของพวกเขา มีแนวโน้มใช้ ChatGPT เพื่อสอบถามปัญหาเรื่องงานเช่นกัน 

แม้หลายโรงเรียนจะออกมาตรการห้ามใช้ AI ในการทำการบ้านหรือการสอบ แต่ในโลกการทำงาน กลับกลายเป็นว่า AI ถูกนำมาใช้อย่างแพร่หลายเพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน ลดเวลาประชุม และช่วยให้พนักงานจัดการงานได้คล่องตัวขึ้น

เมื่อ ChatGPT กลายเป็นมือขวาในที่ทำงาน ของคนรุ่นใหม่แทบทุกคน

จากรายงานผลสำรวจข้างต้น ที่ทำการสำรวจความเห็นของพนักงานออฟฟิศที่ทำงานประจำแบบเต็มเวลาชาวอเมริกัน 8,647 คน พบว่า พนักงานโดยรวม 11% ใช้ ChatGPT เป็นประจำ แต่สำหรับ Gen Z ใช้สูงถึง 21% มากกว่าค่าเฉลี่ยถึงสองเท่า 

ในขณะที่พนักงานชาว Gen X (อายุ 40-55 ปี) ใช้ AI มาช่วยปรึกษาเรื่องการทำงานเพียง 9% และกลุ่ม Baby Boomer (56 ปีขึ้นไป) ใช้น้อยที่สุดซึ่งอยู่ที่ 6% โดยรวมแล้ว 40% ของพนักงานทุกช่วงวัย ระบุว่าไว้ใจ ChatGPT มากกว่าหัวหน้าในการตอบคำถามเรื่องการงาน

อิรินา พิชูรา (Irina Pichura) โค้ชด้านอาชีพจาก Resume.org อธิบายว่า คนรุ่นใหม่เติบโตมากับข้อมูลที่เข้าถึงได้ตลอดเวลา จึงไม่แปลกที่พวกเขาจะเลือกถาม ChatGPT ที่ให้คำตอบอย่างรวดเร็วและไม่ตัดสิน มากกว่าจะเดินเข้าไปถามหัวหน้า โดยเฉพาะในสภาพแวดล้อมการทำงานที่เคร่งเครียด กดดัน หรือกลุ่มที่ทำงานจากระยะไกล

การใช้ ChatGPT ของคนรุ่นใหม่ยังสะท้อนการทดลองและเรียนรู้แบบ “ลงมือทำเลย” ไม่ว่าจะเป็นการร่างอีเมลหาผู้ร่วมงาน การหาวิธีจัดการกับปัญหาที่เจอ หรือแม้แต่ขอไอเดียใหม่ๆ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน

AI อาจเป็นมิตร…หรือศัตรูในระยะยาว

ด้าน เควิน ธอมป์สัน (Kevin Thompson) ซีอีโอของ 9i Capital Group ให้ความเห็นว่า การใช้ AI อย่าง ChatGPT เป็นตัวเลือกที่มีประสิทธิภาพสูงและช่วยให้พนักงานมีเวลาโฟกัสกับสิ่งสำคัญมากขึ้น “นี่เป็นทางเลือกที่ใช้ได้จริงกว่าการถามหัวหน้า แถมยังแสดงให้เห็นถึงความริเริ่มของพนักงานในการหาทางแก้ปัญหาด้วยตัวเอง”

ขณะที่ อเล็กซ์ บีน (Alex Beene) อาจารย์ด้านการเงินจากมหาวิทยาลัยเทนเนสซี ชี้ว่า ปัจจุบันผู้จัดการหลายคนต้องดูแลลูกทีมมากขึ้น แต่มีเวลาน้อยลง ทำให้การตอบคำถามหรือให้คำแนะนำช้าไปบ้าง และนั่นทำให้พนักงานหันไปพึ่ง AI ในการตัดสินใจเบื้องต้นแทน เพราะสามารถทำได้เร็วกว่า และยังอยู่ในกรอบที่องค์กรยอมรับ

ในทำนองเดียวกัน ไบรอัน ดริสคอลล์ (Bryan Driscoll) ที่ปรึกษาด้าน HR ยังตั้งข้อสังเกตว่า “พนักงานรุ่นใหม่เริ่มรู้สึกว่าการตั้งคำถามกับหัวหน้า อาจถูกมองว่าเป็นพนักงานเรื่องมาก หรือดูเหมือนไม่เก่งพอ ขณะที่ AI ไม่ทำให้รู้สึกผิด ไม่ทำให้รู้สึกโง่ และไม่ใช่หัวหน้าที่จ้องจับผิด”

นอกจากนี้ เขายังมองว่า การที่คนรุ่นก่อนๆ ตำหนิ Gen Z ว่าขาดวินัยในการทำงาน อาจไม่แฟร์นัก เพราะในยุคที่การทำงานถูกเฝ้าจับตาแทบ 24 ชั่วโมงและสภาพแวดล้อมบางแห่งเป็นพิษ ล้วนผลักดันให้คนรุ่นใหม่ “เอาตัวรอด” ในระบบที่ไม่ได้ออกแบบมาเพื่อพวกเขา

ในอนาคตระวัง ใช้ AI มากเกินไป อาจสร้างคู่แข่งแทนตัวเอง

แม้ AI จะช่วยประหยัดเวลาทำงานและลดการประชุมที่ไม่จำเป็น แต่ก็มีคำเตือนจากเควิน ธอมป์สัน ที่น่าสนใจว่า “บริษัทจำนวนมากเริ่มจ้างคน Gen Z มาเขียนหรือฝึก AI สำหรับธุรกิจของตัวเอง โดยไม่รู้เลยว่า วันหนึ่งพวกเขาอาจกำลังสร้างระบบที่มาแทนที่ตัวเอง”

การใช้ ChatGPT อาจช่วยประหยัดเวลา เพิ่มประสิทธิภาพ และเป็นเครื่องมือทรงพลังในยุคดิจิทัล แต่ขณะเดียวกันก็เป็นกระจกสะท้อนว่า คนรุ่นใหม่กำลังเผชิญกับความท้าทายในการทำงานมากเพียงใด ไม่ว่าจะเป็นการขาดการสนับสนุนจากหัวหน้า ความกดดันจากระบบ หรือการพยายามหาวิธีใหม่ ๆ เพื่อเอาตัวรอดและเติบโตท่ามกลางการแข่งขันในโลกการทำงานที่เปลี่ยนเร็ว

 

อ้างอิง: Newsweekresume.orgFortune